พบผลลัพธ์ทั้งหมด 108 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 338-339/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าของนิติบุคคล แม้หยุดประกอบกิจการ แต่ยังไม่จดทะเบียนเลิกห้าง ยังมีอำนาจฟ้องร้องได้
ห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นผู้เช่าตึกพิพาททำการค้าโจทก์อยู่ในตึกในฐานะบุคคลธรรมดาดูแลรักษาทรัพย์สินแทนห้าง เป็นบริวารของห้างแม้นานกว่า 10 ปี ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิเป็นสัญญาเช่าขึ้นได้ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ได้ทำการค้ามากว่า 10 ปี แต่ไม่ได้ชำระบัญชีจดทะเบียนเลิกห้างยังมีสภาพนิติบุคคลและฟ้องขับไล่ผู้โต้แย้งสิทธิการเช่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2582/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนค้าที่ดินมีสิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งผลกำไร แม้จะไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยตรง
โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากัน แต่มิได้จดทะเบียนสมรสและได้ร่วมกันทำการค้าที่ดิน ป.ทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่จำเลยในระหว่างที่โจทก์จำเลยกำลังอยู่กินเป็นสามีภริยากัน ดังนี้เมื่อ ป.ผิดสัญญาสิทธิเรียกร้องในการจะฟ้องบังคับให้ ป.โอนขายที่ดินดังกล่าว โจทก์จำเลยย่อมมีสิทธิร่วมกันในฐานะที่เข้าหุ้นกันทำการค้าที่ดิน
โจทก์มีส่วนได้เสียร่วมอยู่กับจำเลยในการค้าที่ดิน โจทก์จึงออกเงินค่าธรรมเนียมให้จำเลยฟ้องให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์เพื่อแบ่งปันกันระหว่างโจทก์จำเลย ดังนี้เป็นการรักษาผลประโยชน์ของโจทก์ซึ่งชอบที่จะทำได้ หาขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ได้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในที่ดินที่จำเลยฟ้อง ป.ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนซึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะและคดีถึงที่สุดแล้ว หรือให้จำเลยจัดซื้อและขายที่ดินดังกล่าวแล้วหักค่าใช้จ่ายเอาผลกำไรแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ดังนี้มีความหมายเป็น 2 นัยคือ นัยแรกให้เอาผลประโยชน์จากการดำเนินคดีที่จำเลยฟ้อง ป.เกี่ยวกับการขอเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดิน นัยหลังมีความหมายว่าหากได้เงินประโยชน์สุทธิมาเท่าใด ก็ให้แบ่งให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าคดีที่จำเลยฟ้อง ป.นั้น จำเลยไม่ติดใจบังคับคดีจำเลยจึงไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับจำเลยไม่ได้ และจะให้โจทก์เข้าสวมสิทธิของจำเลยก็ไม่ได้ด้วยเป็นอันว่าจะบังคับให้ ป.ปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีที่จำเลยฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินไม่ได้ แต่ศาลก็ยังมีทางบังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงินตามคำขอของโจทก์นัยหลังได้
โจทก์มีส่วนได้เสียร่วมอยู่กับจำเลยในการค้าที่ดิน โจทก์จึงออกเงินค่าธรรมเนียมให้จำเลยฟ้องให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์เพื่อแบ่งปันกันระหว่างโจทก์จำเลย ดังนี้เป็นการรักษาผลประโยชน์ของโจทก์ซึ่งชอบที่จะทำได้ หาขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ได้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในที่ดินที่จำเลยฟ้อง ป.ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนซึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะและคดีถึงที่สุดแล้ว หรือให้จำเลยจัดซื้อและขายที่ดินดังกล่าวแล้วหักค่าใช้จ่ายเอาผลกำไรแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ดังนี้มีความหมายเป็น 2 นัยคือ นัยแรกให้เอาผลประโยชน์จากการดำเนินคดีที่จำเลยฟ้อง ป.เกี่ยวกับการขอเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดิน นัยหลังมีความหมายว่าหากได้เงินประโยชน์สุทธิมาเท่าใด ก็ให้แบ่งให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าคดีที่จำเลยฟ้อง ป.นั้น จำเลยไม่ติดใจบังคับคดีจำเลยจึงไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับจำเลยไม่ได้ และจะให้โจทก์เข้าสวมสิทธิของจำเลยก็ไม่ได้ด้วยเป็นอันว่าจะบังคับให้ ป.ปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีที่จำเลยฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินไม่ได้ แต่ศาลก็ยังมีทางบังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงินตามคำขอของโจทก์นัยหลังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2582/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนค้าที่ดินมีสิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งผลประโยชน์ แม้จะไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์
โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากัน แต่มิได้จดทะเบียนสมรสและได้ร่วมกันทำการค้าที่ดิน ป. ทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่จำเลยในระหว่างที่โจทก์จำเลยกำลังอยู่กินเป็นสามีภริยากัน ดังนี้ เมื่อ ป. ผิดสัญญา สิทธิเรียกร้องในการจะฟ้องบังคับให้ ป. โอนขายที่ดินดังกล่าว โจทก์จำเลยย่อมมีสิทธิร่วมกันในฐานะที่เข้าหุ้นกันทำการค้าที่ดิน
โจทก์มีส่วนได้เสียร่วมอยู่กับจำเลยในการค้าที่ดิน โจทก์จึงออกเงินค่าธรรมเนียมให้จำเลยฟ้องให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์เพื่อแบ่งปันกันระหว่างโจทก์จำเลย ดังนี้เป็นการรักษาผลประโยชน์ของโจทก์ซึ่งชอบที่จะทำได้ หาขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ได้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในที่ดินที่จำเลยฟ้อง ป. ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนซึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะและคดีถึงที่สุดแล้ว หรือให้จำเลยจัดซื้อและขายที่ดินดังกล่าวแล้วหักค่าใช้จ่าย เอาผลกำไรแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ดังนี้ มีความหมายเป็น 2 นัยคือ นัยแรกให้เอาผลประโยชน์จากการดำเนินคดีที่จำเลยฟ้อง ป. เกี่ยวกับการขอเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดิน นัยหลังมีความหมายว่าหากได้เงินประโยชน์สุทธิมาเท่าใด ก็ให้แบ่งให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าคดีที่จำเลยฟ้อง ป. นั้น จำเลยไม่ติดใจบังคับคดีจำเลยจึงไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินศาลจะพิพากษาให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับจำเลยไม่ได้ และจะให้โจทก์เข้าสวมสิทธิของจำเลยก็ไม่ได้ด้วย เป็นอันว่าจะบังคับให้ ป. ปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีที่จำเลยฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินไม่ได้ แต่ศาลก็ยังมีทางบังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงินตามคำขอของโจทก์นัยหลังได้
โจทก์มีส่วนได้เสียร่วมอยู่กับจำเลยในการค้าที่ดิน โจทก์จึงออกเงินค่าธรรมเนียมให้จำเลยฟ้องให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์เพื่อแบ่งปันกันระหว่างโจทก์จำเลย ดังนี้เป็นการรักษาผลประโยชน์ของโจทก์ซึ่งชอบที่จะทำได้ หาขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ได้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในที่ดินที่จำเลยฟ้อง ป. ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนซึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะและคดีถึงที่สุดแล้ว หรือให้จำเลยจัดซื้อและขายที่ดินดังกล่าวแล้วหักค่าใช้จ่าย เอาผลกำไรแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ดังนี้ มีความหมายเป็น 2 นัยคือ นัยแรกให้เอาผลประโยชน์จากการดำเนินคดีที่จำเลยฟ้อง ป. เกี่ยวกับการขอเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดิน นัยหลังมีความหมายว่าหากได้เงินประโยชน์สุทธิมาเท่าใด ก็ให้แบ่งให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าคดีที่จำเลยฟ้อง ป. นั้น จำเลยไม่ติดใจบังคับคดีจำเลยจึงไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินศาลจะพิพากษาให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับจำเลยไม่ได้ และจะให้โจทก์เข้าสวมสิทธิของจำเลยก็ไม่ได้ด้วย เป็นอันว่าจะบังคับให้ ป. ปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีที่จำเลยฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินไม่ได้ แต่ศาลก็ยังมีทางบังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงินตามคำขอของโจทก์นัยหลังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธปืน: ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยเถียงกับผู้เสียหายเรื่องผู้เสียหายสงสัยว่าจำเลยเป็นชู้กับภริยาผู้เสียหาย จำเลยยิงผู้เสียหายด้วยปืนลูกซองสั้น 1 นัดในระยะ 1 วา เป็นแผลเล็กน้อยรักษาในโรงพยาบาล 2 วันก็กลับบ้านได้ แสดงว่าปืนไม่อาจทำให้ตายได้ เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,81 ไม่เป็นบันดาลโทสะหรือป้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงชื่อโจทก์หลังยื่นฟ้อง ศาลรับทราบการเปลี่ยนแปลงชื่อจากคำแถลงและการระบุชื่อในบัญชีระบุพยานได้ แม้ไม่มีคำร้องขอแก้ไขฟ้อง
โจทก์ยื่นฟ้องแล้วระหว่างพิจารณาได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ให้ใช้ชื่อของบริษัทโจทก์ใหม่ แต่ไม่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องเกี่ยวกับชื่อโจทก์ เพียงแต่ยื่นคำแถลงว่าโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยระบุในนามบริษัทโจทก์ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ใหม่โจทก์ขอดำเนินคดีในนามใหม่ตลอดไปส่วนหนังสือที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อใหม่จะนำเสนอศาลในวันนัดพิจารณาศาลสั่งรวมคำแถลงนี้ไว้ในสำนวน ดังนี้ แม้โจทก์จะไม่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขชื่อของบริษัทโจทก์ ก็ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้รับรู้แล้วว่าชื่อบริษัทโจทก์ได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่แล้ว การที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานมาโดยกล่าวเลขคดีเดิมได้ระบุชื่อบริษัทโจทก์เก่าใหม่มาด้วยจึงถือได้ว่าเป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ในคดีนั้นเองการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงชื่อโจทก์หลังยื่นฟ้อง ศาลต้องรับบัญชีระบุพยานที่ใช้ชื่อใหม่ได้ หากโจทก์ได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงชื่อให้ศาลทราบแล้ว
โจทก์ยื่นฟ้องแล้ว ระหว่างพิจารณาได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ให้ใช้ชื่อของบริษัทโจทก์ใหม่ แต่ไม่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องเกี่ยวกับชื่อโจทก์ เพียงแต่ยื่นคำแถลงว่าโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยระบุในนามบริษัทโจทก์ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ใหม่ โจทก์ขอดำเนินคดีในนามใหม่ตลอดไป ส่วนหนังสือที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อใหม่จะนำเสนอศาลในวันนัดพิจารณา ศาลสั่งรวมคำแถลงนี้ไว้ในสำนวน ดังนี้ แม้โจทก์จะไม่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขชื่อของ บริษัทโจทก์ ก็ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้รับรู้แล้วว่าชื่อบริษัทโจทก์ได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่แล้วการที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานมาโดยกล่าวเลขคดีเดิม ได้ระบุชื่อบริษัทโจทก์เก่าใหม่มาด้วยจึงถือได้ว่าเป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ในคดีนั้นเอง การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานโจทก์ไว้จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น: การรื้อถอนสิ่งกีดขวางทางออกของที่ดินที่ถูกล้อมรอบ และการพิพากษาชอบด้วยฟ้อง
ตามฟ้องมีข้อความตอนหนึ่งว่า จำเลยทั้งสองใช้ไม้กระดานและสังกะสีปิดกั้นทาง ขุดถนนเป็นหลุมและปลูกต้นกล้วยโจทก์ทั้งสองกับบริวารไม่สามารถใช้ทางผ่านเข้าออกและไม่มีทางอื่นที่จะให้โจทก์ผ่านออกไปได้อีกด้วย โดยที่ดินของโจทก์ถูกล้อมไว้รอบ โจทก์จำเป็นต้องตัดรั้วลวดหนามใช้บันไดปีนรั้วสังกะสีด้านหลัง ขออนุญาตชั่วคราวผ่านบ้านของผู้อื่นเป็นทางเข้าออกได้เฉพาะเวลากลางวันจากถ้อยคำในฟ้องดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดอยู่แล้วว่า บ้านและที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่น ๆ ล้อมไว้รอบไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ คงมีทางออกอยู่ทางเดียวที่จำเลยปิดกั้นเสีย ทางพิพาทจึงเข้าลักษณะทางจำเป็น ศาลชอบที่จะพิพากษาให้จำเลยเปิดทางจำเป็นได้ ไม่เกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น: ศาลพิพากษาให้เปิดทางได้หากที่ดินถูกล้อมรอบและไม่มีทางออกอื่น แม้คำขอท้ายฟ้องขอเพียงรื้อถอนสิ่งกีดขวาง
ตามฟ้องมีข้อความตอนหนึ่งว่า จำเลยทั้งสองใช้ไม้กระดานและสังกะสีปิดกั้นทาง ขุดถนนเป็นหลุมและปลูกต้นกล้วย โจทก์ทั้งสองกับบริวารไม่สามารถใช้ทางผ่านเข้าออกและไม่มีทางอื่นที่จะให้โจทก์ผ่านออกไปได้อีกด้วย โดยที่ดินของโจทก์ถูกล้อมไว้รอบ โจทก์จะเป็นต้องตัดรั้วลวดหนามใช้บันไดปีนรั้วสังกะสีด้านหลัง ขออนุญาตชั่วคราวผ่านบ้านของผู้อื่นเป็นทางเข้าออกได้เฉพาะเวลากลางวัน จากถ้อยคำในฟ้องดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดอยู่แล้วว่า บ้านและที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นๆ ล้อมไว้รอบไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ คงมีทางออกอยู่ทางเดียวที่จำเลยปิดกั้นเสีย ทางพิพาทจึงเข้าลักษณะทางจำเป็น ศาลชอบที่จะพิพากษาให้จำเลยเปิดทางจำเป็นได้ ไม่เกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 724/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กฎหมายใหม่ที่มีผลเป็นคุณแก่จำเลยในคดีอาญา แม้จำเลยมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องได้
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ โจทก์ฎีกา ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ออกใช้บังคับ พระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้พระราชบัญญัตินี้มาปรับแก่คดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 วรรคแรก แม้จำเลยไม่ได้ฎีกาขึ้นมา เมื่อคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา และมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ต้องรับโทษ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 724/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กฎหมายยกเว้นโทษอาวุธปืนใหม่มีผลย้อนหลัง ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้อง แม้จำเลยไม่ได้ฎีกา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯโจทก์ฎีกา ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 ออกใช้บังคับพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้พระราชบัญญัตินี้มาปรับแก่คดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 วรรคแรก แม้จำเลยไม่ได้ฎีกาขึ้นมา เมื่อคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา และมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ต้องรับโทษ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ได้