พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนค่าภาคหลวงไม้ที่ถูกยึดและสูญหายโดยเจ้าหน้าที่ จำเลยรับผิดเฉพาะผู้ที่สั่งยึด
โจทก์กับพวกได้รับอนุญาตให้ตัดฟันไม้ในป่าโดยโจทก์ได้ชำระค่าภาคหลวง. จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นป่าไม้เขต ได้ออกตรวจและตีตรายึดไม้ที่โจทก์กับพวกตัดไม้ รวมทั้งไม้ 1021ท่อนที่จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นนายอำเภอสั่งให้นายดวงสอนตรวจวัดไม้และตีตราเพื่อชำระค่าภาคหลวงให้โจทก์. ไม้จำนวน 1021 ท่อนนี้ถูกจำเลยที่ 5 ยึดไว้รวมกับไม้อื่นๆที่โจทก์กับพวกตัดฟันและยังไม่ได้ตรวจตีตรา. ไม้ 1021ท่อนได้สูญหายไปหมดสิ้น. ดังนี้ถ้าจำเลยที่ 5 มิได้สั่งยึดไม้รายนี้ไว้. และไม้รายนี้มิได้สูญหายไปในระหว่างที่ถูกจำเลยที่ 5 ผู้เป็นเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1 ยึดไว้แล้ว. การทำไม้ก็เป็นอันสมบูรณ์. แต่ไม้รายนี้ได้ทำถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่จำเลยที่ 5 ได้มีคำสั่งให้ยึดไว้รวมกับไม้รายอื่นที่โจทก์ทำผิดแล้วไม่ถอนคืนให้โจทก์. ต่อมาไม้ได้สูญหายไปในระหว่างถูกจำเลยที่ 5 สั่งยึดและการสูญหายก็อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ด้วย. ดังนี้ จะถือว่าการทำไม้สมบูรณ์แล้วหาได้ไม่. การทำไม้รายนี้เป็นการทำโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว.แต่โจทก์ไม่ได้ไม้ไป. จำเลยจึงไม่มีอำนาจเอาเงินค่าภาคหลวงของโจทก์ไว้ โดยที่มิใช่เรื่องละเมิด. จำเลยที่ 1 ผู้เดียวจึงต้องคืนเงินค่าภาคหลวงที่เก็บไปแล้วแก่โจทก์. ส่วนจำเลยที่ 2-5 ไม่ต้องรับผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าหน้าที่ในการยึดไม้โดยมิชอบ และการคืนเงินค่าภาคหลวงเมื่อไม้สูญหาย
โจทก์กับพวกได้รับอนุญาตให้ตัดฟันไม้ในป่าโดยโจทก์ได้ชำระค่าภาคหลวงจำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นป่าไม้เขต ได้ออกตรวจและตีตรายึดไม้ที่โจทก์กับพวกตัดไม้ รวมทั้งไม้ 1021ท่อนที่จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นนายอำเภอสั่งให้นายดวงสอนตรวจวัดไม้และตีตราเพื่อชำระค่าภาคหลวงให้โจทก์ไม้จำนวน 1021 ท่อนนี้ถูกจำเลยที่ 5 ยึดไว้รวมกับไม้อื่นๆที่โจทก์กับพวกตัดฟันและยังไม่ได้ตรวจตีตรา ไม้ 1021ท่อนได้สูญหายไปหมดสิ้นดังนี้ถ้าจำเลยที่ 5 มิได้สั่งยึดไม้รายนี้ไว้และไม้รายนี้มิได้สูญหายไปในระหว่างที่ถูกจำเลยที่ 5 ผู้เป็นเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1 ยึดไว้แล้ว การทำไม้ก็เป็นอันสมบูรณ์ แต่ไม้รายนี้ได้ทำถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่จำเลยที่ 5 ได้มีคำสั่งให้ยึดไว้รวมกับไม้รายอื่นที่โจทก์ทำผิดแล้วไม่ถอนคืนให้โจทก์ต่อมาไม้ได้สูญหายไปในระหว่างถูกจำเลยที่ 5 สั่งยึดและการสูญหายก็อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ด้วยดังนี้ จะถือว่าการทำไม้สมบูรณ์แล้วหาได้ไม่การทำไม้รายนี้เป็นการทำโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว.แต่โจทก์ไม่ได้ไม้ไปจำเลยจึงไม่มีอำนาจเอาเงินค่าภาคหลวงของโจทก์ไว้ โดยที่มิใช่เรื่องละเมิด จำเลยที่ 1 ผู้เดียวจึงต้องคืนเงินค่าภาคหลวงที่เก็บไปแล้วแก่โจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2-5 ไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185-195/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาเดิม แม้จำเลยอ้างการครอบครองต่อเนื่อง ศาลไม่ต้องฟ้องขับไล่ใหม่
คดีที่ศาลพิพากษาให้ลงโทษปรับและให้จำเลยออกจากป่าที่แผ้วถาง. เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา.กล่าวคือ ยังคงครอบครองป่าที่ศาลสั่งให้ออกอยู่ โจทก์จึงมีคำขอต่อศาลให้บังคับคดี. ศาลย่อมมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาขั้นบังคับคดีแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15. โดยไม่จำเป็นจะต้องให้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยในทางแพ่งขึ้นมาใหม่. จำเลยจะอ้างว่าตนได้ครอบครองที่ป่ามาช้านานจนกลายเป็นที่นา.ดังนี้ถือว่า เป็นการอ้างข้อเท็จจริงมาใหม่ขัดกับข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติในทางพิจารณา. หากจะฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยอ้างมา ก็เท่ากับให้ดำเนินคดีกับจำเลยใหม่ ซึ่งจะมีผลเป็นการแก้ไขคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้วย่อมเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190.โดยห้ามมิให้แก้ไขคำพิพากษาหรือคำสั่งซึ่งอ่านแล้ว.นอกจากถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185-195/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการอ้างข้อเท็จจริงใหม่ขัดกับคำพิพากษาถึงที่สุด ศาลมีอำนาจบังคับคดีได้โดยไม่ต้องฟ้องใหม่
คดีที่ศาลพิพากษาให้ลงโทษปรับและให้จำเลยออกจากป่าที่แผ้วถางเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษากล่าวคือ ยังคงครอบครองป่าที่ศาลสั่งให้ออกอยู่ โจทก์จึงมีคำขอต่อศาลให้บังคับคดีศาลย่อมมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาขั้นบังคับคดีแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 โดยไม่จำเป็นจะต้องให้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยในทางแพ่งขึ้นมาใหม่ จำเลยจะอ้างว่าตนได้ครอบครองที่ป่ามาช้านานจนกลายเป็นที่นาดังนี้ถือว่า เป็นการอ้างข้อเท็จจริงมาใหม่ขัดกับข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติในทางพิจารณาหากจะฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยอ้างมา ก็เท่ากับให้ดำเนินคดีกับจำเลยใหม่ ซึ่งจะมีผลเป็นการแก้ไขคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้วย่อมเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190โดยห้ามมิให้แก้ไขคำพิพากษาหรือคำสั่งซึ่งอ่านแล้วนอกจากถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษกรรมเดียวผิดหลายบท ศาลฎีกาแก้โทษลงบทหนักสุดได้ แม้มีโทษเท่ากัน
การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทหากศาลล่างลงโทษจำเลยมาทุกบท ศาลฎีกาก็พิพากษาแก้ลงบทที่มีโทษหนักที่สุดให้ถูกต้องได้
หากบทกฎหมายที่จำเลยกระทำผิดกรรมเดียวมีอัตราโทษหนักที่สุดเท่ากันอยู่ 2 บท ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทหนึ่งบทใดในสองบทนั้นได้
หากบทกฎหมายที่จำเลยกระทำผิดกรรมเดียวมีอัตราโทษหนักที่สุดเท่ากันอยู่ 2 บท ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทหนึ่งบทใดในสองบทนั้นได้