พบผลลัพธ์ทั้งหมด 252 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1767/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดเมื่อหุ้นส่วนถึงแก่กรรม และอำนาจฟ้องของผู้ชำระบัญชีเกี่ยวกับหนี้ภาษีของห้าง
ช.เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด น. เมื่อ ช.ถึงแก่กรรม ห้างน.ย่อมเป็นอันเลิกกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1055(5),1080 เว้นแต่จะมีผู้รับมรดกของ ช.เข้าสวมสิทธิในหุ้นส่วนนั้นดำเนินกิจการต่อไปตามเดิม (เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 539/2518) และเมื่อห้าง น.เลิกกันก็ต้องตั้งผู้ชำระบัญชีสะสางการงานของห้าง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 351/2507) ในกรณีนี้ผู้ชำระบัญชีมีอำนาจฟ้องหรือต่อสู้คดีเกี่ยวกับกิจการของห้างทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาตามมาตรา 1259(1)
เมื่อ ช.ถึงแก่กรรมและโจทก์ได้เป็นผู้จัดการมรดกของช.ตามคำสั่งของศาลแล้ว จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานประเมินจึงได้มีคำสั่งประเมินภาษีเงินได้ของห้างน.สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีก่อน ช.ถึงแก่กรรม แล้วแจ้งการประเมินไปยังโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ช. และผู้ชำระบัญชีของห้าง น.ให้ชำระภาษีเงินได้ของห้างเพิ่มดังนี้ คำสั่งดังกล่าวเป็นการประเมินภาษีเงินได้ของห้าง น.ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจาก ช. จึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิกองมรดกของ ช. แต่เป็นการโต้แย้งสิทธิของห้าง น. โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ช.ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งประเมินภาษีอากรของจำเลยที่ 1 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4
ประมวลรัษฎากรมาตรา 18 ซึ่งบัญญัติถึงกรณีผู้ต้องเสียภาษีอากรถึงแก่ความตายเสียก่อน ให้แจ้งจำนวนภาษีที่ประเมินไปยังผู้จัดการมรดกหรือทายาท ผู้หรือผู้ครอบครองมรดกนั้นจะนำมาใช้บังคับในกรณีตามวรรคก่อนไม่ได้ เพราะกรณีตามวรรคก่อนห้าง น.เป็นผู้ต้องเสียภาษีอากรหาใช่ ช.ไม่ และแม้จำเลยที่ 1 จะแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมินของห้าง น.ไปยังโจทก์ และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ยอมรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิกองมรดกของ ช. อันจะทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้อง
เมื่อ ช.ถึงแก่กรรมและโจทก์ได้เป็นผู้จัดการมรดกของช.ตามคำสั่งของศาลแล้ว จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานประเมินจึงได้มีคำสั่งประเมินภาษีเงินได้ของห้างน.สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีก่อน ช.ถึงแก่กรรม แล้วแจ้งการประเมินไปยังโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ช. และผู้ชำระบัญชีของห้าง น.ให้ชำระภาษีเงินได้ของห้างเพิ่มดังนี้ คำสั่งดังกล่าวเป็นการประเมินภาษีเงินได้ของห้าง น.ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจาก ช. จึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิกองมรดกของ ช. แต่เป็นการโต้แย้งสิทธิของห้าง น. โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ช.ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งประเมินภาษีอากรของจำเลยที่ 1 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4
ประมวลรัษฎากรมาตรา 18 ซึ่งบัญญัติถึงกรณีผู้ต้องเสียภาษีอากรถึงแก่ความตายเสียก่อน ให้แจ้งจำนวนภาษีที่ประเมินไปยังผู้จัดการมรดกหรือทายาท ผู้หรือผู้ครอบครองมรดกนั้นจะนำมาใช้บังคับในกรณีตามวรรคก่อนไม่ได้ เพราะกรณีตามวรรคก่อนห้าง น.เป็นผู้ต้องเสียภาษีอากรหาใช่ ช.ไม่ และแม้จำเลยที่ 1 จะแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมินของห้าง น.ไปยังโจทก์ และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ยอมรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิกองมรดกของ ช. อันจะทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1767/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีภาษีอากรของห้างหุ้นส่วนจำกัดที่เลิกกิจการ ผู้ชำระบัญชีมีอำนาจฟ้องแทน
ช.เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด น. เมื่อ ช. ถึงแก่กรรม ห้าง น. ย่อมเป็นอันเลิกกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1054 (5), 1080 เว้นแต่จะมีผู้รับมรดกของ ช.เข้าสวมสิทธิในหุ้นส่วนนั้นดำเนินกิจการต่อไปตามเดิม (เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 539/2518) และเมื่อห้าง น.เลิกกันก็ต้องตั้งผู้ชำระบัญชีสะสางการงานของห้าง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 351/2507) ในกรณีนี้ผู้ชำระบัญชีมีอำนาจฟ้องหรือต่อสู้คดีเกี่ยวกับกิจการของห้างทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาตามมาตรา 1257 (1)
เมื่อ ช. ถึงแก่กรรมและโจทก์ได้รับเป็นผู้จัดการมรดกของ ช.ตามคำสั่งของศาลแล้ว จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานประเมินจึงได้มีคำสั่งประเมินภาษีเงินได้ของห้าง น. สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีก่อน ช. ถึงแก่กรรม แล้วแจ้งการประเมินไปยังโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ช. และผู้ชำระบัญชีของห้าง น. ให้ชำระภาษีเงินได้ของห้างเพิ่ม ดังนี้ คำสั่งดังกล่าวเป็นการประเมินภาษีเงินได้ของห้าง น. ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจาก ช. จึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิกองมรดกของ ช. แต่เป็นการโต้แย้งสิทธิของห้าง น. โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งประเมินภาษีอากรของจำเลยที่ 1 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4
ประมวลรัษฎากรมาตรา 18 ซึ่งบัญญัติถึงกรณีผู้ต้องเสียภาษีอากรถึงแก่ความตายเสียก่อน ให้แจ้งจำนวนภาษีที่ประเมินไปยังผู้จัดการมรดกหรือทายาท ผู้หรือผู้ครอบครองมรดกนั้นจะนำมาใช้บังคับในกรณีตามวรรคก่อนไม่ได้ เพราะกรณีตามวรรคก่อนห้าง น. เป็นผู้ต้องเสียภาษีอากรหาใช่ ช. ไม่ และแม้จำเลยที่ 1 จะแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมินของห้าง น. ไปยังโจทก์ และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ยอมรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิกองมรดกของ ช. อันจะทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้อง
เมื่อ ช. ถึงแก่กรรมและโจทก์ได้รับเป็นผู้จัดการมรดกของ ช.ตามคำสั่งของศาลแล้ว จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานประเมินจึงได้มีคำสั่งประเมินภาษีเงินได้ของห้าง น. สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีก่อน ช. ถึงแก่กรรม แล้วแจ้งการประเมินไปยังโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ช. และผู้ชำระบัญชีของห้าง น. ให้ชำระภาษีเงินได้ของห้างเพิ่ม ดังนี้ คำสั่งดังกล่าวเป็นการประเมินภาษีเงินได้ของห้าง น. ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจาก ช. จึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิกองมรดกของ ช. แต่เป็นการโต้แย้งสิทธิของห้าง น. โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งประเมินภาษีอากรของจำเลยที่ 1 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4
ประมวลรัษฎากรมาตรา 18 ซึ่งบัญญัติถึงกรณีผู้ต้องเสียภาษีอากรถึงแก่ความตายเสียก่อน ให้แจ้งจำนวนภาษีที่ประเมินไปยังผู้จัดการมรดกหรือทายาท ผู้หรือผู้ครอบครองมรดกนั้นจะนำมาใช้บังคับในกรณีตามวรรคก่อนไม่ได้ เพราะกรณีตามวรรคก่อนห้าง น. เป็นผู้ต้องเสียภาษีอากรหาใช่ ช. ไม่ และแม้จำเลยที่ 1 จะแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมินของห้าง น. ไปยังโจทก์ และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ยอมรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิกองมรดกของ ช. อันจะทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1743/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสินเดิมก่อนสมรส โอนหลังสมรสถูกต้องตามกฎหมาย
ยกที่นาไม่มีหนังสือสำคัญให้ก่อนชายจดทะเบียนสมรสเมื่อจดทะเบียนสมรสแล้วจึงจดทะเบียนโอนขายที่ดินแปลงนั้นแก่ชายเพียงเพื่อให้ถูกต้องตามแบบกฎหมาย ที่นาเป็นสินเดิมของชาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1677/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติดเป็นสองกรรมต่างกัน ต้องเรียงกระทงลงโทษตามกฎหมาย แต่ศาลฎีกาไม่เพิ่มโทษเกินคำพิพากษาเดิม
การที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย และได้ขายไปจำนวน 2 ห่อเล็กกับจับได้ที่จำเลยอีก 23 ห่อเล็กนั้นเป็นความผิดสองกรรมต่างกันเป็นสองกระทงความผิดต้องเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดเพียงกรรมเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดเป็นสองกรรมได้ แต่จะพิพากษาลงโทษให้หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมาแล้วไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดเพียงกรรมเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดเป็นสองกรรมได้ แต่จะพิพากษาลงโทษให้หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมาแล้วไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1677/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีและจำหน่ายยาเสพติดเป็นคนละกรรม ต้องเรียงกระทงลงโทษตามกฎหมาย
การที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย และได้ขายไปจำนวน 2 ห่อเล็ก กับจับได้ที่จำเลยอีก 23 ห่อเล็กนั้น เป็นความผิดสองกรรมต่างกันเป็นสองกระทงความผิด ต้องเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดเพียงกรรมเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยเมื่อคดีขึ้นมาสู่ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดเป็นสองกรรมได้ แต่จะพิพากษาลงโทษให้หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมาแล้วไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดเพียงกรรมเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยเมื่อคดีขึ้นมาสู่ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดเป็นสองกรรมได้ แต่จะพิพากษาลงโทษให้หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมาแล้วไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดเครื่องหมายการค้า: ความคล้ายคลึงจนทำให้เกิดความสับสน
เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปว่าวจุฬาเอียงขวา มีคำว่า "ตราว่าว" ของจำเลยเป็นรูปว่าวจุฬาเอียงขวา แต่ไม่มีป่านว่าว มีคำว่า "ตราซุปเปอร์แมน" รูปแบบสีสรรการวางตัวหนังสือคล้ายของโจทก์ อาจทำให้หลงตามความรู้สึกของวิญญูชนโดยทั่วๆ ไป จำเลยต้องเลิกใช้เครื่องหมายการค้าของจำเลยและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1604/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากรถชนในสัญญาเช่าซื้อ: สิทธิเรียกร้องของผู้เช่าซื้อ
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์ รถยนต์ถูกชนเสียหาย โจทก์ฟ้องผู้ทำละเมิดเรียกค่าเสียหาย เพราะไม่ได้ใช้รถยนต์ และค่าที่รถยนต์ในความรับผิดของโจทก์เสียหาย กับจะไม่ได้รถยนต์ในสภาพดีเมื่อส่งเงินครบตามสัญญาด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไถ่ทรัพย์ขายฝากล่าช้าและการขยายเวลาสัญญา ผลต่อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์
โจทก์ขอไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากไว้กับจำเลย จำเลยจะให้ไถ่แต่ขอให้คดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องเสร็จเสียก่อน ถ้าโจทก์ไม่ยินยอมโดยจะขอไถ่ทรัพย์คืนก็ย่อมทำได้ แต่โจทก์หาได้ใช้สิทธิไถ่ถอนทรัพย์ที่ขายฝากคืน หรือกระทำการบังคับจำเลยให้ยอมรับการไถ่ถอนทรัพย์แต่อย่างใดไม่ที่โจทก์ยอมตกลงกับจำเลยดังกล่าวซึ่งเท่ากับเป็นการขยายระยะเวลาการไถ่ถอนทรัพย์จากสัญญาเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496 จึงไม่มีผลบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1524/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ใบมอบอำนาจไม่สมบูรณ์ทำให้ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ แม้มีการอ้างถึง
คำให้การว่า ค. มีอำนาจทำการแทนโจทก์หรือไม่ จำเลยไม่รับรอง และโจทก์มอบอำนาจฟ้องคดีให้ บ.ฟ้องคดีหรือไม่จำเลยไม่รับรอง ไม่ถือเป็นคำรับว่าได้มอบอำนาจ เมื่อคู่ฉบับใบมอบอำนาจไม่ปิดอากรแสตมป์ตามที่กฎหมายต้องการ ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับขนรับผิดชอบการลักทรัพย์โดยลูกจ้าง การมีผู้โดยสารไปด้วยไม่เปลี่ยนลักษณะการขนส่ง
ผู้รับขนของโดยรถยนต์ต้องรับผิดในการที่ของที่รับขนถูกลูกจ้างของผู้รับขนลักไป การที่ผู้ส่งให้คนของผู้ส่งขี่รถจักรยานยนต์ตามไปด้วย ไม่ทำให้เปลี่ยนลักษณะรับขนเป็นอย่างอื่น