คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุจริต เสถียรกาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 252 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1923/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิในทรัพย์สิน: การติดตั้งเครื่องป้องกันทรัพย์สินและการกระทำของผู้บุกรุก
โรงเก็บของของจำเลยอยู่ในบริเวณสวนของจำเลย มีรั้วต้นพู่ระหงปลูกเป็นแนวเขต จำเลยเก็บของอันมีค่าเช่นเครื่องยนต์สูบน้ำและอุปกรณ์อื่น ๆ ไว้ ทรัพย์สินที่จำเลยเก็บไว้ในโรงเก็บของเคยถูกคนร้ายลักไป ในตำบลที่เกิดเหตุมีคนร้ายชุกชุม จำเลยเอาเส้นลวดขึงที่โรงเก็บของและปล่อยกระแสไฟฟ้าจากบ้านไว้เพื่อป้องกันคนร้าย ผู้ตายกับพวกอีก 3 คนบุกรุกเข้าไปที่โรงเก็บของในเวลาวิกาล โดยเจตนาจะลักทรัพย์ ในมือผู้ตายมีเหล็กไขควง 1 อัน แต่ผู้ตายไปถูกเส้นลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ถึงแก่ความตายเสียก่อน มิฉะนั้นผู้ตายกับพวกย่อมลักทรัพย์ของจำเลยไปได้ นับได้ว่าภยันตรายที่จะเกิดแก่ทรัพย์สินของจำเลยใกล้จะถึงแล้ว ถ้าจำเลยไปพบเห็นเข้า จำเลยย่อมมีสิทธิทำร้ายผู้ตายกับพวกเพื่อป้องกันทรัพย์สินของจำเลยได้ ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมาย และพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1923/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันทรัพย์สินโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้กระแสไฟฟ้าป้องกันการลักทรัพย์
โรงเก็บของของจำเลยอยู่ในบริเวณสวนของจำเลย มีรั้วต้นพู่ระหงปลูกเป็นแนวเขต จำเลยเก็บของอันมีค่าเช่นเครื่องยนต์สูบน้ำและอุปกรณ์อื่นๆไว้ ทรัพย์สินที่จำเลยเก็บไว้ในโรงเก็บของเคยถูกคนร้ายลักไปในตำบลที่เกิดเหตุมีคนร้ายชุกชุม จำเลยเอาเส้นลวดขึงที่โรงเก็บของและปล่อยกระแสไฟฟ้าจากบ้านไว้เพื่อป้องกันคนร้ายผู้ตายกับพวกอีก 3 คนบุกรุกเข้าไปที่โรงเก็บของในเวลาวิกาล โดยเจตนาจะลักทรัพย์ ในมือผู้ตายมีเหล็กไขควง 1 อัน แต่ผู้ตายไปถูกเส้นลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ถึงแก่ความตายเสียก่อน มิฉะนั้นผู้ตายกับพวกย่อมลักทรัพย์ของจำเลยไปได้ นับได้ว่าภยันตรายที่จะเกิดแก่ทรัพย์สินของจำเลยใกล้จะถึงแล้ว ถ้าจำเลยไปพบเห็นเข้า จำเลยย่อมมีสิทธิทำร้ายผู้ตายกับพวกเพื่อป้องกันทรัพย์สินของจำเลยได้ ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมาย และพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาหยุดการพิจารณาเมื่อจำเลยเสียชีวิตระหว่างดำเนินคดี โจทก์ไม่จำเป็นต้องขอถอนฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกา ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ 2 ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นส่งสำนวนให้ศาลฎีกาพิจารณาดังนี้ คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1) โดยโจทก์ไม่จำต้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาหยุดระงับเมื่อจำเลยถึงแก่กรรม โจทก์ไม่ต้องถอนฎีกา ศาลจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกา ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ 2 ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นส่งสำนวนให้ศาลฎีกาพิจารณา ดังนี้ คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1) โดยโจทก์ไม่จำต้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจาก สารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1824/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกันภัยค้ำจุน: ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดหากผู้เอาประกันภัยไม่มีส่วนต้องรับผิดในความเสียหาย
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887วรรคหนึ่งผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะต้องรับผิดในวินาศภัยที่เกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง ก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบสำหรับวินาศภัยที่เกิดขึ้นนั้น
โจทก์ฟ้องว่า จ. ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทชนรถที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหาย โจทก์ซ่อมแซมความเสียหายแล้ว จึงฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ซึ่งรับประกันภัยค้ำจุนรถคันที่ชนร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้ เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า ก. เป็นผู้เอาประกันภัยรถคันที่ชนไว้กับจำเลยที่ 2 มิใช่จำเลยที่ 1 เป็นผู้เอาประกัน ส่วน จ. เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 มิได้เป็นลูกจ้างของ ก. ด้วยทั้งโจทก์ก็มิได้นำสืบว่า ก. มีส่วนจะต้องรับผิดในวินาศภัยที่เกิดขึ้นอย่างไร การที่ ก. เป็นแต่เพียงผู้เอาประกันภัยจะถือว่า ก. ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในวินาศภัยที่เกิดขึ้นด้วยไม่ได้ เมื่อ ก. ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบในผลแห่งการละเมิดที่จะก่อให้เกิดขึ้นแล้ว จำเลยที่ 2ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1824/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุน: ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงจะทำให้ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดด้วย
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 วรรคหนึ่ง ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะต้องรับผิดในวินาศภัยที่เกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง ก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยจะตองรับผิดชอบสำหรับวินาศภัยที่เกิดขึ้นนั้น
โจทก์ฟ้องว่า จ.ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทชนรถที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหาย โจทก์ซ่อมแซมความเสียหายแล้ว จึงฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ซึ่งรับประกันค้ำจุนรถคันที่ชนร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้ เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า ก. เป็นผู้เอาประกันภัยรถคันที่ชนไว้กับจำเลยที่ 2 มิใช่จำเลยที่ 1 เป็นผู้เอาประกัน ส่วนจ. เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 มิได้เป็นลูกจ้างของ ก.ด้วย ทั้งโจทก์ก็มิได้สืบนำสืบว่า ก.มีส่วนจะต้องรับผิดในวินาศภัยที่เกิดขึ้นอย่างไร การที่ ก. เป็นแต่เพียงผู้เอาประกันภัยจะถือว่า ก. ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในวินาศภัยที่เกิดขึ้นด้วยไม่ได้ เมื่อ ก. ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบในผลแห่งการละเมิด ที่จะก่อให้เกิดขึ้นแล้ว จำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้สักแปรรูปเป็นบานประตูหน้าต่างสำเร็จรูป ไม่ถือเป็นไม้แปรรูปตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ผู้ครอบครองไม่มีความผิด
ไม้สักของกลางเป็นบานประตูหน้าต่างสำเร็จรูป สามารถนำไปใช้ติดตั้งอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างได้ทันที โดยไสกบตบแต่งเพียงเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับวงกบประตูหรือหน้าต่างมีสภาพเป็นของใหม่ยังไม่เคยใช้มาก่อน ทำไว้แน่น เป็นการแสดงเจตนาว่าจะนำไปใช้เป็นบานประตูหน้าต่างโดยเฉพาะ จึงมิใช่ไม้แปรรูปตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แม้จำเลยมีไว้ในความครอบครองก็ไม่มีความผิด และไม่จำต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าจำเลยมีไว้ในความครอบครองมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี เพราะมิใช่เป็นไม้ที่เคยอยู่ในสภาพที่เป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเคยอยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้มาก่อนแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้สักสำเร็จรูปไม่ใช่ไม้แปรรูป จำเลยไม่ต้องพิสูจน์ระยะเวลาครอบครอง หากไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้เดิม
ไม้สักบานประตูหน้าต่างสำเร็จรูป มีสภาพเป็นเครื่องใช้สำหรับติดตั้งกับอาคารได้ทันที โดยตบแต่งให้เข้ากับวงกบไม่ใช่ไม้แปรรูป จำเลยไม่ต้องพิสูจน์ว่ามีไว้ในครอบครองมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี จำเลยจะต้องพิสูจน์ก็ต่อเมื่อเป็นไม้ที่เคยอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้าง หรือเคยอยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้มาก่อนเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1659/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องจำเลยโดยใช้ชื่อบริษัทไม่ถูกต้อง ศาลมีอำนาจสั่งแก้ฟ้องได้ แม้จะไม่ได้มีการขอ
โจทก์ฟ้องระบุบริษัทศรีเมืองประกันภัย จำกัด จำเลยที่ 2 ความจริงเป็นบริษัทประกันภัยศรีเมือง จำกัด จำเลยที่ 2 ให้การรับว่าได้รับประกันภัยรถยนต์ตามฟ้อง จึงเป็นเพียงพิมพ์ตำแหน่งในถ้อยคำผิดพลาดเล็กน้อย ไม่ใช่สารสำคัญแห่งคำฟ้อง แม้ศาลชั้นต้นมิได้สั่งคำร้องขอแก้ฟ้องโจทก์ก็มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลและการถอนฎีกา: สิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายที่เสียไปเมื่อถอนฎีกาเป็นอันยุติ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ มิได้ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดข้อแพ้ชนะในข้อหาแห่งคดี หรือขอให้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จึงควรเสียค่าขึ้นศาล 50 บาท โจทก์ได้เสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้อง แต่มิได้โต้แย้งว่าศาลชั้นต้นกำหนดหรือคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้คืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินมาให้แก่โจทก์ ในชั้นฎีกา แม้โจทก์จะขอให้ศาลฎีกาสั่งคืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินไปให้แก่โจทก์ แต่โจทก์ก็ขอถอนฎีกาเสียแล้ว ปัญหาค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์จึงเป็นอันยุติ โจทก์จะกลับมาขอให้ศาลคืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินไปนั้นไม่ได้
of 26