คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
โสพิทย์ คังคะเกตุ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 401 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2968/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำจำนองก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ และมูลหนี้หลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ไม่เป็นเจ้าหนี้มีประกัน
ลูกหนี้ (จำเลย) ได้มอบอำนาจให้เจ้าหนี้นำที่ดิน 6 โฉนดไปทำสัญญาจำนองประกันหนี้ที่ลูกหนี้เบิกเงินเกินบัญชีไว้กับเจ้าหนี้ เจ้าหนี้นำที่ดินทั้ง 6 โฉนดไปทำจำนองในวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ โดยได้จดทะเบียนจำนองเสร็จเรียบร้อยในเดียวกันทั้ง 6 โฉนดก่อนสิ้นเวลาราชการในวันนั้น เมื่อไม่มีพยานฝ่ายเจ้าหนี้ปากใดยืนยันว่าได้ทำจำนองเสร็จก่อนเที่ยงวันหรือก่อนเวลา 13.30 น. อันเป็นเวลาที่ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดลูกหนี้ กรณีฟังไม่ได้ว่า เจ้าหนี้ได้ทำจำนองเสร็จก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จึงจะถือว่าเป็นเจ้าหนี้มีประกัน มีสิทธิจำนองเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันซึ่งลูกหนี้ได้ให้ไว้ก่อนถูกพิทักษ์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 95 ไม่ได้
ลูกหนี้ออกเช็คสั่งให้ธนาคารเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้จ่ายเงินให้แก่บริษัท อ. โดยลงวันที่ในเช็ควันที่ 12 ธันวาคม 2517 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ธนาคารเจ้าหนี้จ่ายเงินตามเช็คนั้นให้แก่บริษัท อ.ไปในวันดังกล่าว ดังนี้ มูลแห่งหนี้ที่เจ้าหนี้ขอรับชำระจึงเกิดขึ้นหลังจากที่ลูกหนี้ได้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว แม้เจ้าหนี้จะจ่ายเงินตามเช็คไปโดยสุจริตและไม่ทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ เจ้าหนี้ก็จะขอรับชำระหนี้ในเงินจำนวนดังกล่าวไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2918/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการพิจารณาคดีอาญา: ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยนอกเหนือจากประเด็นที่โจทก์ฟ้องและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำใบสำคัญทหารกองเกินอันเป็นเอกสารราชการปลอมไปใช้เป็นเอกสารประกอบคำร้องขอรับหนังสือเดินทาง ขอให้ลงโทษ มิได้ฟ้องว่าจำเลยนำสำเนาทะเบียนบ้านปลอมไปใช้แต่อย่างใด การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยยื่นคำร้องเพื่อทำหนังสือเดินทางโดยได้แนบเอกสารต่าง ๆมีเอกสารหมาย จ.13(สำเนาทะเบียนบ้าน) ซึ่งเป็นเอกสารปลอมรวมอยู่ด้วย จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม ดังนี้เป็นการพิพากษาลงโทษจำเลยนอกเหนือข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 และเมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารใบสำคัญทหารกองเกินปลอม การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารดังกล่าวนี้ปลอมศาลฎีกาก็รับวินิจฉัยให้ไม่ได้เพราะไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วแต่ในชั้นศาลอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2803/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่าเนื่องจากละทิ้งร้าง ต้องพิจารณาพฤติการณ์ของทั้งสองฝ่าย ศาลยกฟ้องหากโจทก์ไม่ช่วยเหลือดูแลบุตร
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยคลอดบุตรแล้วโจทก์ไม่อยู่ช่วยเหลือดูแลบุตร จำเลยจึงต้องพาบุตรไปอาศัยอยู่กับมารดาของจำเลยชั่วคราว แต่โจทก์กลับไม่ยอมให้จำเลยอยู่ด้วยโดยไปแจ้งย้ายทะเบียนบ้าน ให้จำเลยและบุตรออกไปจากบ้านโจทก์ เมื่อจำเลยมาพบพูดจากับโจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นสามี โจทก์ก็ไม่ยอมพูดด้วย จำเลยต้องอาศัยอยู่กับมารดาของจำเลยต่อมา ดังนี้ จึงไม่ใช่เป็นเรื่องจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ อันจะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2803/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่าร้าง: การไม่ช่วยเหลือดูแลบุตรหลังคลอด ไม่ถือเป็นการละทิ้งร้าง
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยคลอดบุตรแล้วโจทก์ไม่อยู่ช่วยดูแลบุตรจำเลยจึงต้องพาบุตรไปอาศัยอยู่กับมารดาของจำเลยชั่วคราว แต่โจทก์กลับไม่ยอมให้จำเลยอยู่ด้วยโดยไปแจ้งย้ายทะเบียนบ้าน ให้จำเลยและบุตรออกไปจากบ้านโจทก์ เมื่อจำเลยมาพบพูดจากับโจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นสามี โจทก์ก็ไม่ยอมพูดด้วย จำเลยต้องอาศัยอยู่กับมารดาของจำเลยต่อมา ดังนี้ จึงไม่ใช่เป็นเรื่องจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ อันเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2777/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสินสมรสระหว่างคดีหย่าเพื่อฉ้อฉล ศาลเพิกถอนนิติกรรม
โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยและขอแบ่งสินสมรสซึ่งรวมทั้งที่ดินแปลงที่พิพาท ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยได้ขอให้ทางราชการออก น.ส.3. และโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องไปในวันเดียวกัน โดยไม่รอฟังผลคำชี้ขาดของศาลเสียก่อน พฤติการณ์ของจำเลยกับผู้ร้องส่อให้เห็นเจตนาร่วมกันที่จะฉ้อฉลโจทก์ เพื่อมิให้ได้รับส่วนแบ่งในที่ดินพิพาทเมื่อศาลมีคำพิพากษาให้หย่าขาดจากกัน ผู้ร้องจึงไม่ได้สิทธิในที่ดินพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนคดีด้วยเหตุป่วยเจ็บและมีใบรับรองแพทย์ แม้ศาลจะกำชับแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นการประวิงคดี
ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรก ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีเพราะตนป่วยและในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งที่สองทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีอีก เพราะตนป่วยไม่สามารถว่าความได้ และมีใบรับรองแพทย์แนบมาพร้อมกับคำร้อง แม้ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกศาลจะได้กำชับฝ่ายโจทก์ว่าจะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ แต่การเลื่อนคดีของทนายโจทก์ครั้งหลังนี้เป็นเพราะความป่วยเจ็บโดยมีใบรับรองแพทย์มาแสดงเป็นหลักฐานทนายจำเลยก็มิได้คัดค้านว่าไม่เป็นความจริง คงคัดค้านแต่ว่าการขอเลื่อนคดีของทนายโจทก์ทำให้คดีชักช้าเพราะพยานจำเลยมาศาลพร้อมแล้วดังนี้ ยังไม่เป็นเหตุพอที่จะถือว่าทนายโจทก์เจตนาประวิงคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนคดีเนื่องจากความเจ็บป่วยของทนาย ไม่ถือเป็นการประวิงคดีหากมีใบรับรองแพทย์
ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรก ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีเพราะตนป่วยในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งที่สองทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีอีกเพราะตนป่วยไม่สามารถว่าความได้ และมีใบรับรองแพทย์แนบมาพร้อมกับคำร้อง แม้ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกศาลจะได้กำชับฝ่ายโจทก์ว่าจะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ แต่การเลื่อนคดีของทนายโจทก์ครั้งหลังนี้เป็นเพราะความป่วยเจ็บ โดยมีใบรับรองแพทย์มาแสดงเป็นหลักฐานทนายจำเลยก็มิได้คัดค้านว่าไม่เป็นความจริง คงคัดค้านแต่ว่าการขอเลื่อนคดีของทนายโจทก์ ทำให้คดีชักช้า เพราะพยานจำเลยมาศาลพร้อมแล้ว ดังนี้ ยังไม่เป็นเหตุพอที่จะถือว่าทนายโจทก์เจตนาประวิงคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2723/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเผยแพร่ข้อความโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(3) ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยลงข้อความโฆษณาในหนังสือพิมพ์ของจำเลยโดยอาศัยบทความที่เขียนโดยชาวต่างประเทศที่ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ต่างประเทศฉบับหนึ่งซึ่งพิมพ์ออกจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา มีข้อความโดยย่อว่า ซีไอเอ ได้จ่ายเงิน 250 ล้านบาทอุดหนุนหน่วย "นวพล" ที่ซีไอเอ ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยบางคนตั้งขึ้นมาเพื่อกำราบประชาชนและนักศึกษาที่มีกิจกรรมต่อต้านสหรัฐฯโจทก์เป็นผู้เสนอโครงการ "นวพล" นี้โดยมีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของกระทรวงการต่างประเทศและกลาโหมของสหรัฐฯ มาก่อนเงินอุดหนุน "นวพล" นี้ เฉพาะตัวโจทก์ได้รับเงินเดือน ๆ ละ 8 หมื่นบาท ดังนี้ แม้หากจะฟังว่าข้อความตามที่จำเลยลงโฆษณานั้นมีความหมายเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ก็ตามแต่การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตด้วยความเป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329(3) ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2723/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงข้อความโดยสุจริตด้วยความเป็นธรรมเป็นข้อยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาท
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยลงข้อความโฆษณาในหนังสือพิมพ์ของจำเลยโดยอาศัยบทความที่เขียนโดยชาวต่างประเทศที่ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ต่างประเทศฉบับหนึ่งซึ่งพิมพ์ออกจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา มีข้อความโดยย่อว่า ซีไอเอ ได้จ่ายเงิน 250 ล้านบาทอุดหนุนหน่วย "นวพล" ที่ซีไอเอ ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยบางคนตั้งขึ้นมาเพื่อกำราบประชาชนและนักศึกษาที่มีกิจกรรมต่อต้านสหรัฐฯโจทก์เป็นผู้เสนอโครงการ "นวพล" นี้โดยมีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของกระทรวงการต่างประเทศและกลาโหมของสหรัฐฯ มาก่อนเงินอุดหนุน "นวพล" นี้ เฉพาะตัวโจทก์ได้รับเงินเดือน ๆ ละ 8 หมื่นบาท ดังนี้ แม้หากจะฟังว่าข้อความตามที่จำเลยลงโฆษณานั้นมีความหมายเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ก็ตามแต่การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตด้วยความเป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329(3) ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2681/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการฆ่าผู้อื่น หลักฐานจากการกระทำและคำพูดสนับสนุน
จำเลยกับพวกเดินมาด้วยกันและเข้าไปพูดกับผู้ตาย แล้วพวกของจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย 1 นัด ส่วนจำเลยยืนถือปืนอยู่ด้วย เมื่อพวกของจำเลยยิงผู้ตายแล้ว จำเลยกับพวกเดินหนีไปด้วยกัน ก่อนจะหนี จำเลยพูดดังๆ 2 ครั้งว่า คนอื่นไม่เกี่ยว ดังนี้ พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย
of 41