พบผลลัพธ์ทั้งหมด 401 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินกว่าเหตุ: จำเลยยิงผู้ทำร้ายด้วยไม้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบด้วยเหตุผล
ส. ใช้ไม้เหลี่ยมยาว 1 ศอก ตีจำเลย จำเลยใช้ปืนยิง2 นัด ส. ตายเป็นป้องกันเกินกว่าเหตุ แม้จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ยิงหน้าที่โจทก์นำสืบตามฟ้อง เมื่อได้ความว่าจำเลยยิงป้องกัน แต่เกินกว่าเหตุศาลลงโทษและลดโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 852/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักกลบลบหนี้ตามบัญชีธนาคารและการแจ้งยอดหนี้ที่ลูกหนี้ไม่โต้แย้ง ถือเป็นการคิดบัญชีที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ธนาคารคิดดอกเบี้ยลงยอดเงินหักกลบลบหนี้เดือนละครั้งตามประเพณีของธนาคาร แล้วแจ้งให้ลูกหนี้ทราบ ลูกหนี้ไม่โต้แย้งอย่างใดถือว่ามีการหักทอนบัญชีกัน ไม่ขัดต่อมาตรา856 ไม่ต้องให้เจ้าหนี้ลูกหนี้ร่วมตรวจสอบคิดบัญชีกันอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลียนแบบสินค้าและเครื่องหมายการค้า: สิทธิของผู้ผลิตและขอบเขตการคุ้มครอง
โจทก์และจำเลยต่างก็ผลิตสินค้าสร้อยข้อมือโดยเลียนแบบจากของต่างประเทศออกจำหน่าย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีสิทธิแต่ผู้เดียวในการผลิตสร้อยข้อมือแบบดังกล่าว จำเลยก็ไม่มีสิทธิห้ามมิให้โจทก์ผลิตสินค้าสร้อยข้อมือเลียนแบบสินค้าของจำเลย
จำเลยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสร้อยข้อมือของจำเลยไว้ ใช้ว่าฮกลกซิ่วคัง อันมีลักษณะเป็นเครื่องหมายคำ 4 คำรวมกัน แปลว่า มีวาสนาศรีสุข อายุยืน มีพลานามัยดี ซึ่งการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวระบุไว้ด้วยว่า ไม่ให้สิทธิแก่ผู้ขอจดทะเบียนแต่ผู้เดียวที่จะใช้อักษรจีนคำว่า ฮกลกซิ่ว แยกแต่ลำพัง ส่วนสร้อยข้อมือของโจทก์ปรากฏว่า เครื่องหมายคำทั้ง 4 คำดังกล่าวไม่ได้อยู่รวมกัน หากแต่แยกออกจากกันเป็นคำๆ คำละหนึ่งข้อสร้อย แต่ละคำปรากฏในข้อสร้อยนี้อยู่สลับกับข้อสร้อยที่มีลวดลายเป็นรูปดอกไม้ ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทำละเมิดเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของจำเลย จำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์
จำเลยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสร้อยข้อมือของจำเลยไว้ ใช้ว่าฮกลกซิ่วคัง อันมีลักษณะเป็นเครื่องหมายคำ 4 คำรวมกัน แปลว่า มีวาสนาศรีสุข อายุยืน มีพลานามัยดี ซึ่งการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวระบุไว้ด้วยว่า ไม่ให้สิทธิแก่ผู้ขอจดทะเบียนแต่ผู้เดียวที่จะใช้อักษรจีนคำว่า ฮกลกซิ่ว แยกแต่ลำพัง ส่วนสร้อยข้อมือของโจทก์ปรากฏว่า เครื่องหมายคำทั้ง 4 คำดังกล่าวไม่ได้อยู่รวมกัน หากแต่แยกออกจากกันเป็นคำๆ คำละหนึ่งข้อสร้อย แต่ละคำปรากฏในข้อสร้อยนี้อยู่สลับกับข้อสร้อยที่มีลวดลายเป็นรูปดอกไม้ ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทำละเมิดเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของจำเลย จำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและการละเมิดสิทธิ: การใช้เครื่องหมายที่แยกส่วนและการเลียนแบบแบบสินค้า
โจทก์และจำเลยต่างก็ผลิตสินค้าสร้อยข้อมือโดยเลียนแบบจากของต่างประเทศออกจำหน่าย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีสิทธิแต่ผู้เดียวในการผลิตสร้อยข้อมือแบบดังกล่าว จำเลยก็ไม่มีสิทธิห้ามมิให้โจทก์ผลิตสินค้าสร้อยข้อมือเลียนแบบสินค้าของจำเลย
จำเลยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสร้อยข้อมือของจำเลยไว้ ใช้ว่าฮกลกซิ่วคัง อันมีลักษณะเป็นเครื่องหมายคำ 4 คำรวมกัน แปลว่า มีวาสนาศรีสุข อายุยืนมีพลานามัยดี ซึ่งการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวระบุไว้ด้วยว่า ไม่ให้สิทธิแก่ผู้ขอจดทะเบียนแต่ผู้เดียวที่จะใช้อักษรจีนคำว่าฮกลกซิ่ว แยกแต่ลำพัง ส่วนสร้อยข้อมือของโจทก์ปรากฏว่า เครื่องหมายคำทั้ง 4 คำ ดังกล่าวไม่ได้อยู่รวมกัน หากแต่แยกออกจากกันเป็นคำ ๆ คำละหนึ่งข้อสร้อยแต่ละคำที่ปรากฏในข้อสร้อยนี้อยู่สลับกับข้อสร้อยที่มีลวดลายเป็นรูปดอกไม้ ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทำละเมิดเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของจำเลยจำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์
จำเลยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสร้อยข้อมือของจำเลยไว้ ใช้ว่าฮกลกซิ่วคัง อันมีลักษณะเป็นเครื่องหมายคำ 4 คำรวมกัน แปลว่า มีวาสนาศรีสุข อายุยืนมีพลานามัยดี ซึ่งการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวระบุไว้ด้วยว่า ไม่ให้สิทธิแก่ผู้ขอจดทะเบียนแต่ผู้เดียวที่จะใช้อักษรจีนคำว่าฮกลกซิ่ว แยกแต่ลำพัง ส่วนสร้อยข้อมือของโจทก์ปรากฏว่า เครื่องหมายคำทั้ง 4 คำ ดังกล่าวไม่ได้อยู่รวมกัน หากแต่แยกออกจากกันเป็นคำ ๆ คำละหนึ่งข้อสร้อยแต่ละคำที่ปรากฏในข้อสร้อยนี้อยู่สลับกับข้อสร้อยที่มีลวดลายเป็นรูปดอกไม้ ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทำละเมิดเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของจำเลยจำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดจากยึดรถของผู้อื่นโดยเข้าใจผิดถึงหนี้สิน และความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง
รถยนต์พิพาทเป็นของโจทก์ น้องชายโจทก์เช่าไปขับรับจ้างชักลากไม้ให้บริษัทจำเลยที่ 3 โดยน้องชายโจทก์ได้เบิกเงินค่าจ้างล่วงหน้าไปจากจำเลยที่ 3 แล้วยังชักลากไม้ให้ไม่ครบตามจำนวนเงินที่ขอเบิกล่วงหน้าไปต่อมาโจทก์ต้องการใช้รถยนต์พิพาท จึงให้น้องชายโจทก์พาคนไปขับรถยนต์พิพาทไปเสียจากบริษัทจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 3 มีหน้าที่ควบคุมรถยนต์บรรทุกไม้รู้อยู่แล้วว่ารถยนต์พิพาทเป็นของโจทก์ ได้ไปขอกำลังตำรวจติดตามไปยึดรถยนต์พิพาทไว้โดยคำนึงอยู่แต่อย่างเดียวว่าน้องชายโจทก์ยังติดค้างหนี้สินบริษัทจำเลยที่ 3 อยู่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายและเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย ถือว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากการกระทำนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 3 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ในระหว่างที่ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของบริษัทจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 จึงต้องรับผิดในความเสียหายซึ่งเกิดจากผลของการละเมิดที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นในฐานะเป็นผู้แทนนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามมาตรา 451 ส่วนจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ติดตามรถยนต์พิพาทไปกับจำเลยที่ 1 และแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจอีกท้องที่หนึ่งยึดรถยนต์พิพาทไว้ เมื่อปรากฏว่าได้กระทำไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยสุจริตใจจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดจากเจ้าหน้าที่บริษัทและตำรวจ ยึดรถของผู้อื่นโดยไม่ชอบ ศาลพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหาย
รถยนต์พิพาทเป็นของโจทก์ น้องชายโจทก์เช่าไปขับรับจ้างชักลากไม้ให้บริษัทจำเลยที่ 3 โดยน้องชายโจทก์ได้เบิกเงินค่าจ้างล่วงหน้าไปจากจำเลยที่ 3 แล้งยังชักลากไม้ให้ไม่ครบตามจำนวนเงินที่ขอเบิกล่วงหน้าไป ต่อมาโจทก์ต้องการใช้รถยนต์พิพาท จึงให้น้องชายโจทก์พาคนไปขับรถยนต์พิพาทไปเสียจากบริษัทจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 3 มีหน้าที่ควบคุมรถยนต์บรรทุกไม้ รู้อยู่แล้วว่ารถยนต์พิพาทเป็นของโจทก์ ได้ไปขอกำลังตำรวจติดตามไปยึดรถยนต์พิพาทไว้โดยคำนึงอยู่แต่อย่างเดียวว่าน้องชายโจทก์ยังคิดค้างหนึ้สินบริษัทจำเลยที่ 3 อยู่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายและเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย ถือว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากการกระทำนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 3 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ในระหว่างที่ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของบริษัทจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 จึงต้องรับผิดในความเสียหายซึ่งเกิดจากผลของการละเมิดที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นในฐานะเป็นผู้แทนนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามมาตรา 451 ส่วนจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ติดตามรถยนต์พิพาทไปกับจำเลยที่ 1 และแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจอีกท้องที่หนึ่งยึดรถยนต์พิพาทไว้ เมื่อปรากฏว่าได้กระทำไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยสุจริตใจจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตตามรายงาน ไม่ถือเป็นการละเมิด แม้จะรังวัดที่ดินตามคำกล่าวอ้างที่ไม่ถูกต้อง และสิทธิเรียกร้องค่าทนายความ
ที่ดินที่โจทก์ขอออกโฉนดมิใช่ที่สงวนไว้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ตามประกาศหวงห้ามฯ นายอำเภอสั่งคนไปรังวัดสำรวจคัดค้านการออกโฉนดว่าเป็นที่สงวนตามประกาศหวงห้าม แต่คนเหล่านั้นปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตตามที่กำนันผู้ใหญ่บ้านรายงานมา ไม่จงใจหรือประมาทเลินเล่อ ไม่เป็นละเมิด
โจทก์ไม่ได้แต่งทนายความ ไม่มีค่าทนายความที่โจทก์ต้องเสียศาลไม่ให้จำเลยผู้แพ้คดีใช้ค่าทนายความแก่โจทก์
โจทก์ไม่ได้แต่งทนายความ ไม่มีค่าทนายความที่โจทก์ต้องเสียศาลไม่ให้จำเลยผู้แพ้คดีใช้ค่าทนายความแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเงินโดยอ้างอำนาจตำรวจ ไม่เข้าข่ายข่มขืนใจหรือใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ
จำเลยเป็นตำรวจแต่งเครื่องแบบไปขอเงินผู้เสียหาย โดยอ้างว่าผู้ใหญ่ให้มาเอา เมื่อผู้เสียหายว่าไม่มี จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือแล้วจำเลยกลับไป ต่อมาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จำเลยกลับมาหาผู้เสียหายอีก และบอกว่ารองผู้กำกับการตำรวจให้มาเอาเงิน 3,000-4,000 บาท ผู้เสียหายจะให้เพียง 100 บาท จำเลยว่าไม่พอ ดังนี้ ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยแกล้งกล่าวหาจับกุมผู้เสียหายในข้อหาใด แล้วจำเลยใช้อำนาจหน้าที่ข่มขืนใจให้ผู้เสียหายมอบเงินแก่จำเลย การที่จำเลยขอเงินจากผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของจำเลยเอง ที่จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือ ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อเสรีภาพและทรัพย์สินของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 337 ประกอบด้วยมาตรา 80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อำนาจหน้าที่ข่มขืนใจเรียกรับเงิน แม้แต่งเครื่องแบบตำรวจ แต่ไม่มีพฤติการณ์ข่มขู่หรือใช้กำลัง จึงไม่เป็นความผิด
จำเลยเป็นตำรวจแต่งเครื่องแบบไปขอเงินผู้เสียหาย โดยอ้างว่าผู้ใหญ่ให้มาเอา เมื่อผู้เสียหายว่าไม่มี จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือแล้วจำเลยกลับไป ต่อมาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จำเลยกลับมาหาผู้เสียหายอีก และบอกว่ารองผู้กำกับการตำรวจให้มาเอาเงิน 3,000 - 4,000 บาท ผู้เสียหายจะให้เพียง 100 บาท จำเลยว่าไม่พอ ดังนี้ ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยแกล้งกล่าวหาจับกุมผู้เสียหายในข้อหาใด แล้วจำเลยใช้อำนาจหน้าที่ข่มขืนใจให้ผู้เสียหายมอบเงินแก่จำเลย การที่จำเลยขอเงินจากผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของจำเลยเอง ที่จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือ ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อเสรีภาพและทรัพย์สินของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎฆมายอายา มาตรา 148 และ 337 ประกอบด้วยมาตรา 80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 613/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้จากการพนันม้าแข่งไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ทำให้ฟ้องบังคับชำระหนี้ตามเช็คไม่ได้
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้ ร. เพื่อชำระหนี้การพนักม้าแข่ง มูลหนี้ตามเช็คดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 855 ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ไม่ได้