พบผลลัพธ์ทั้งหมด 401 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานะจากยึดถือแทนเป็นการยึดถือเพื่อตน ทำให้หมดสิทธิเรียกคืนการครอบครอง
แม้เดิมจำเลยจะยึดถือที่พิพาทไว้เพื่อทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้ อันเป็นการยึดถือไว้แทนนายยะและโจทก์แต่เมื่อนายยะตาย โจทก์และทายาทของนายยะขอชำระหนี้เงินกู้เพื่อเอาที่พิพาทคืน จำเลยไม่ยอม รับชำระโดยอ้างว่าที่นาเป็นของจำเลย ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้บอกกล่าว โจทก์และทายาทของนายยะว่า จำเลยไม่มีเจตนาจะยึดถือที่พิพาทไว้ แทนโจทก์และทายาทของนายยะ เป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไว้แทนมาเป็นการยึดถือเพื่อตนอันเป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์และจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมา โจทก์มิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาที่ถูกแย่งการครอบครองย่อม หมดสิทธิที่จะเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาและการปล่อยทรัพย์เมื่อไม่บังคับคดี ศาลต้องพิจารณาการปล่อยทรัพย์ตามสิทธิของผู้ร้อง
โจทก์นำยึดรถยนต์ก่อนคำพิพากษา เมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีแล้ว โจทก์ไม่บังคับคดี การยึดทรัพย์สิ้นผล ไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องสอดเพื่อเป็นโจทก์ร่วมต้องมีส่วนได้เสียในผลแห่งคดี โดยทรัพย์มรดกที่กล่าวอ้างต้องเป็นทรัพย์เดียวกันกับที่โจทก์ฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกส่วนแบ่งทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมของเจ้ามรดก ผู้ร้องยื่นคำร้องสอดขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม โดยอ้างว่าผู้ร้องมีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรม ปรากฏว่าทรัพย์มรดกที่ผู้ร้องกล่าวอ้างเป็นทรัพย์ต่างรายกับทรัพย์มรดกที่โจทก์ฟ้อง กรณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี ไม่มีเหตุที่ผู้ร้องจะร้องสอดเข้ามาในคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องสอดเพื่อเป็นโจทก์ร่วมในคดีมรดกต้องมีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกที่ฟ้องร้อง หากเป็นทรัพย์ต่างรายกัน ย่อมไม่มีสิทธิร้องสอด
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกส่วนแบ่งทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมของเจ้ามรดกผู้ร้องยื่นคำร้องสอดขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม โดยอ้างว่าผู้ร้องมีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรมเมื่อปรากฏว่าทรัพย์มรดกที่ผู้ร้องกล่าวอ้างเป็นทรัพย์ต่างรายกับทรัพย์มรดกที่โจทก์ฟ้อง กรณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี ไม่มีเหตุที่ผู้ร้องจะร้องสอดเข้ามาในคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมการยักยอกทรัพย์ ผู้ถือหุ้นฟ้องเรียกความเสียหาย
กรรมการกับผู้อื่นยักยอกทรัพย์ของบริษัท กรรมการไม่ฟ้องคดีอาญา ผู้ถือหุ้นเป็นผู้เสียหายฟ้องกรรมการและผู้อื่นนั้น ขอให้ลงโทษฐานยักยอกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2722/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พาหญิงอายุ 17 ปีหลอกลวงเพื่อบังคับค้าประเวณี เป็นความผิดฐานพาไปโดยปราศจากความยินยอมและอนาจาร
พาหญิงอายุ 17 ปี ไปจากบิดามารดาโดยหลอกว่าจะพาไปทำงานที่กรุงเทพฯ แต่กลับมาไปบังคับให้ค้าประเวณี เป็นการพาไปโดยหญิงไม่เต็มใจและอนาจาร ตาม มาตรา 318 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2651/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การที่ผู้ฟ้องนำเช็คไปขึ้นเงินโดยไม่มีมูลหนี้ ถือเป็นการกระทำผิดทางอาญา และจำเลยไม่ต้องรับผิดตามเช็ค
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองออกเช็ค 5 ฉบับชำระหนี้ค่าบ้านที่ดินกับค่าหุ้นที่จำเลยซื้อจากโจทก์ตามสัญญาซื้อขาย (เอกสารหมาย จ.3) โจทก์ได้รับเงินตามเช็คเพียง 1 ฉบับส่วนอีก 4ฉบับธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็ค 4 ฉบับพร้อมทั้งดอกเบี้ย จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์บังอาจเอาเช็คของจำเลยไปและได้นำเช็คไปขึ้นเงินแล้ว 1ฉบับ จึงขอให้โจทก์คืนเงินและเช็คดังกล่าวให้จำเลยปรากฏว่าโจทก์ได้ถูกอัยการศาลทหารฟ้องเป็นจำเลยและศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ได้วินิจฉัยว่าโจทก์ลักเช็คทั้ง 5 ฉบับนั้นจากจำเลยที่ 2 ไปลงวันที่สั่งจ่ายแล้วนำไปขึ้นเงินที่ธนาคาร 1 ฉบับ นำเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินอีก 4 ฉบับทั้งที่โจทก์จำเลยมิได้มีมูลหนี้ต่อกันแต่อย่างใดและพิพากษาจำคุกโจทก์ ศาลทหารกลางพิพากษายืน คดีถึงที่สุด ดังนี้ คดีนี้ซึ่งเป็นคดีแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาดังกล่าว เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ลักเช็คพิพาทจากจำเลยที่ 2 ไปขึ้นเงิน โดยที่โจทก์จำเลยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน จำเลยจึงไม่ผูกพันจะต้องชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนแบ่งกำไร: สัญญาซื้อขายที่ดิน+หุ้นส่วน, การแบ่งกำไรตามสัดส่วนเงินลงทุน, ผู้ชำระบัญชีที่เป็นกลาง
โจทก์ฟ้องขอให้เลิกกิจการห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนโดยกล่าวไว้ในฟ้องว่า ในการเข้าหุ้นส่วนค้าที่ดินและตึกแถวกันนี้จำเลยตกลงแบ่งกำไรให้โจทก์ร้อยละ 60 จำเลยขายที่ดินและตึกแถวไปหลายห้องไม่แบ่งกำไรให้โจทก์ ขอให้พิพากษาเลิกกิจการห้างหุ้นส่วนและตั้ง ค. เป็นผู้ชำระบัญชี จำเลยปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ใช่หุ้นส่วน ศาลได้กำหนดประเด็นว่าโจทก์กับจำเลยเป็นหุ้นส่วนกันหรือไม่ ตกลงแบ่งผลกำไรกันเท่าใด โจทก์มีสิทธิบอกเลิกหุ้นส่วนกันหรือไม่ ข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์จำเลยประสงค์จะแบ่งปันกำไรกันอย่างไรจึงเป็นประเด็นวินิจฉัย ศาลพิพากษาให้แบ่งกำไรกันตามที่พิจารณาได้ความได้
ในชั้นแรก โจทก์ซื้อที่ดินจากจำเลยมาดำเนินการตามโครงการของโจทก์นั้น โจทก์ต้องแบ่งกำไรสุทธิให้จำเลยร้อยละ 40 ครั้นเมื่อโจทก์ดำเนินการต่อไปไม่ได้ เพราะขาดทุนหมุนเวียน จนจำเลยต้องเข้ามาร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วยสัญญาเข้าหุ้นส่วนระบุว่าการแบ่งผลประโยชน์ที่โจทก์จะได้รับให้เป็นไปตามแนวข้อตกลงของสัญญาซื้อที่ดิน "แนวข้อตกลง"จึงมีความหมายว่าจะต้องแบ่งกำไรสุทธิให้จำเลยในฐานะเจ้าของที่ดินร้อยละ 40 อย่างเดิมเสียก่อน กำไรที่เหลืออีกร้อยละ 60 จึงแบ่งกันระหว่างโจทก์จำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนกันตามส่วนของเงินที่ลงหุ้น
โจทก์ขอให้ศาลตั้ง ค.เป็นผู้ชำระบัญชี ถึงแม้จำเลยจะมิได้คัดค้านเกี่ยวกับตัวผู้ชำระบัญชีไว้ แต่จำเลยได้ให้การปฏิเสธว่า โจทก์จำเลยมิได้เป็นหุ้นส่วนกัน เมื่อจำเลยปฏิเสธในเรื่องหุ้นส่วนเสียแล้ว ก็ไม่จำต้องกล่าวถึงตัวผู้ชำระบัญชี จะถือว่าจำเลยเห็นชอบให้ ค.เป็นผู้ชำระบัญชีหาได้ไม่ เมื่อศาลชั้นต้นตั้ง ค.เป็นผู้ชำระบัญชี จำเลยก็ได้อุทธรณ์ฎีกาต่อมาคัดค้านว่าไม่ควรตั้ง ค. เป็นผู้ชำระบัญชี และเป็นทนายโจทก์มีส่วนได้เสียโดยตรงกับโจทก์และไม่มีความรู้ความสามารถในการชำระบัญชี ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้และเห็นว่า เมื่อโจทก์จำเลยไม่อาจร่วมกันตั้งผู้ชำระบัญชีได้ ศาลฎีกาจึงตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ชำระบัญชีต่อไป การชำระบัญชีจะได้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยไม่ติดขัด
ในชั้นแรก โจทก์ซื้อที่ดินจากจำเลยมาดำเนินการตามโครงการของโจทก์นั้น โจทก์ต้องแบ่งกำไรสุทธิให้จำเลยร้อยละ 40 ครั้นเมื่อโจทก์ดำเนินการต่อไปไม่ได้ เพราะขาดทุนหมุนเวียน จนจำเลยต้องเข้ามาร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วยสัญญาเข้าหุ้นส่วนระบุว่าการแบ่งผลประโยชน์ที่โจทก์จะได้รับให้เป็นไปตามแนวข้อตกลงของสัญญาซื้อที่ดิน "แนวข้อตกลง"จึงมีความหมายว่าจะต้องแบ่งกำไรสุทธิให้จำเลยในฐานะเจ้าของที่ดินร้อยละ 40 อย่างเดิมเสียก่อน กำไรที่เหลืออีกร้อยละ 60 จึงแบ่งกันระหว่างโจทก์จำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนกันตามส่วนของเงินที่ลงหุ้น
โจทก์ขอให้ศาลตั้ง ค.เป็นผู้ชำระบัญชี ถึงแม้จำเลยจะมิได้คัดค้านเกี่ยวกับตัวผู้ชำระบัญชีไว้ แต่จำเลยได้ให้การปฏิเสธว่า โจทก์จำเลยมิได้เป็นหุ้นส่วนกัน เมื่อจำเลยปฏิเสธในเรื่องหุ้นส่วนเสียแล้ว ก็ไม่จำต้องกล่าวถึงตัวผู้ชำระบัญชี จะถือว่าจำเลยเห็นชอบให้ ค.เป็นผู้ชำระบัญชีหาได้ไม่ เมื่อศาลชั้นต้นตั้ง ค.เป็นผู้ชำระบัญชี จำเลยก็ได้อุทธรณ์ฎีกาต่อมาคัดค้านว่าไม่ควรตั้ง ค. เป็นผู้ชำระบัญชี และเป็นทนายโจทก์มีส่วนได้เสียโดยตรงกับโจทก์และไม่มีความรู้ความสามารถในการชำระบัญชี ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้และเห็นว่า เมื่อโจทก์จำเลยไม่อาจร่วมกันตั้งผู้ชำระบัญชีได้ ศาลฎีกาจึงตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ชำระบัญชีต่อไป การชำระบัญชีจะได้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยไม่ติดขัด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับฟังความเห็นผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์เอกสารได้, ค่าธรรมเนียมเป็นค่าฤชาธรรมเนียม
ในคดีแพ่ง ศาลรับฟังความเห็นที่ผู้เชี่ยวชาญแสดงเป็นหนังสือได้
ค่าธรรมเนียมผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์เอกสารเป็นค่าฤชาธรรมเนียมในคดี ศาลกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดรับผิดก็ได้
ค่าธรรมเนียมผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์เอกสารเป็นค่าฤชาธรรมเนียมในคดี ศาลกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดรับผิดก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2308/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งงดสืบพยานและการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ศาลมีอำนาจพิจารณาตามขั้นตอน
ศาลชั้นต้นสอบถามข้อเท็จจริงแล้วสั่งงดสืบพยาน แล้วต่อมา 7 วันจึงพิพากษายกฟ้อง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226 โจทก์ไม่คัดค้านคำสั่งนั้น โจทก์อุทธรณ์ขอให้สืบพยานไม่ได้ ในกรณีนี้ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์อุทธรณ์คำสั่งไม่ได้ตาม มาตรา 226 โจทก์ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์สั่งให้รับอุทธรณ์แล้วพิพากษายืน โจทก์ฎีกาขอให้สืบพยานต่อไป ดังนี้ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกา