คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
โสพิทย์ คังคะเกตุ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 401 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่นาให้แล้วเรียกคืนภายใต้เงื่อนไขเนรคุณ: ไม่เข้าข่ายผู้ยากไร้จึงไม่สามารถเรียกคืนได้
โจทก์ยกที่นาให้จำเลย ต่อมาโจทก์ขออาศัยทำนาเพื่อขายผลิตผลชำระหนี้ซึ่งโจทก์เป็นหนี้ผู้อื่น จำเลยไม่ยอมโจทก์ขอยืมเงิน จำเลยก็ไม่ให้ ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยไม่ช่วยเหลือโจทก์ในการชำระหนี้สินของโจทก์เท่านั้นมิใช่เป็นการที่ผู้รับบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(3) จึงไม่เป็นเหตุอันจะเรียกถอนคืนการให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดผู้ครอบครองทรัพย์สินและการพิสูจน์อำนาจหน้าที่เพื่อความรับผิดฐานยักยอกทรัพย์
ผู้ควบคุมสาขาของบริษัทผู้เสียหายมีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมดูแลสินค้าในโกดัง และจะต้องรับผิดชอบในกรณีที่สินค้าขาดหายไป จำเลยเป็นเพียงผู้ตรวจสอบสินค้าและทำรายงานยอดสินค้าประจำวัน ไม่มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลสินค้าแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่ใช่ผู้ครอบครองสินค้าในโกดัง จะเอาผิดจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของผู้เสียหาย ได้ยักยอกสินค้าของผู้เสียหายไป มิได้กล่าวหาว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับมอบหมายว่าจำเลยมีอำนาจครอบครองดูแลรักษาและสั่งจำหน่ายสินค้าในโกดังนั้น ก็เป็นการบรรยายถึงอำนาจหน้าที่ของลูกจ้างตำแหน่งผู้ตรวจสอบสินค้าว่ามีอะไรบ้างเท่านั้น ฟ้องโจทก์ไม่ครอบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ลงโทษจำเลยตามมาตรานี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์: ผู้ตรวจสอบสินค้าไม่มีอำนาจครอบครอง จึงไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
ผู้ควบคุมสาขาของบริษัทผู้เสียหายมีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมดูแลสินค้าในโกดังและจะต้องรับผิดชอบในกรณีที่สินค้าขาดหายไปจำเลยเป็นเพียงผู้ตรวจสอบสินค้าและทำรายงานยอดสินค้าประจำวัน ไม่มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลสินค้าแต่อย่างใดจำเลยจึงไม่ใช่ผู้ครอบครองสินค้าในโกดัง จะเอาผิดจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของผู้เสียหาย ได้ยักยอกสินค้าของผู้เสียหายไปมิได้กล่าวหาว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้เสียหายแล้วกระทำผิดหน้าที่จนเกิดความเสียหายขึ้นและที่โจทก์บรรยายว่าจำเลยมีอำนาจครอบครองดูแลรักษาและสั่งจำหน่ายสินค้าในโกดังนั้น ก็เป็นการบรรยายถึงอำนาจหน้าที่ของลูกจ้างตำแหน่งผู้ตรวจสอบสินค้าว่ามีอะไรบ้างเท่านั้นฟ้องโจทก์ไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ลงโทษจำเลยตามมาตรานี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันปล้นทรัพย์จนถึงแก่ความตาย แม้ไม่ได้ลงมือทำร้ายเอง ก็ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ
ในการปล้นทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์กับพวกถึงแก่ความตายนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ลงมือกระทำร้ายผู้ตาย ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ เพราะมิใช่กรณีที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 และมิใช่เหตุอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาในคดีปล้นทรัพย์ทำร้ายถึงตาย แม้ไม่ได้ลงมือเองก็มีโทษ
ในการปล้นทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์กับพวกถึงแก่ความตายนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ลงมือทำร้ายผู้ตาย ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ เพราะมิใช่กรณีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 และมิใช่เหตุอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 201/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาททั้งสองฝ่าย ศาลพิจารณาความประมาทของจำเลยแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้
กรณีที่จำเลยกับผู้ตายต่างประมาทในลักษณะเดียวกันจนเกิดเหตุขึ้น การใช้ดุลพินิจจะพิจารณาแต่ความประมาทของจำเลยฝ่ายเดียวไม่ได้ เมื่อต่างประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันตัวจำเลยเองบาดเจ็บสาหัสศาลลงโทษจำคุกจำเลยแต่รอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนของกลาง: ศาลฎีกาตัดสินว่าเมื่อศาลอุทธรณ์ยกคำร้องและไม่มีการฎีกาต่อ คดีขอคืนของกลางย่อมยุติ
ผู้ร้องร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบ โจทก์คัดค้านเป็นคดีพิพาทกันเรื่องขอให้คืนของกลาง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำร้องเพราะในคดีอาญาเดิมศาลชั้นต้นมิได้มีคำพิพากษาให้ริบของกลางและผู้ร้องก็ไม่ได้ฎีกาต่อมาคดีเรื่องที่ผู้ร้องขอคืนของกลางย่อมเป็นอันยุติไม่มีข้อที่โจทก์จะต้องพิพาทโต้แย้งต่อไปอีกในชั้นนี้ ถ้าหากคำพิพากษาในคดีอาญาเดิมของศาลชั้นต้นมีข้อผิดพลาดบกพร่องอย่างไรก็ชอบที่โจทก์จะต้องไปว่ากล่าวในคดีเดิมนั้นศาลฎีกาวินิจฉัยให้ในคดีนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอคืนของกลาง: ศาลฎีกายกคำร้องเนื่องจากไม่มีประเด็นให้วินิจฉัยเพิ่มเติมหลังศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้ว
++ เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ (ชั้นขอคืนของกลาง) ++
++ โจทก์ฎีกา ++
++
++ คำพิพากษาสั่งออก - รอย่อ
++ แจ้งการอ่านแล้ว / โปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
++
ผู้ร้องร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบ โจทก์คัดค้านเป็นคดีพิพาทกันเรื่องขอให้คืนของกลาง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำร้องเพราะในคดีอาญาเดิมศาลชั้นต้นมิได้มีคำพิพากษาให้ริบของกลางและผู้ร้องก็ไม่ได้ฎีกาต่อมา คดีเรื่องที่ผู้ร้องขอคืนของกลางย่อมเป็นอันยุติ ไม่มีข้อที่โจทก์จะต้องพิพาทโต้แย้งต่อไปอีกในชั้นนี้ ถ้าหากคำพิพากษาในคดีอาญาเดิมของศาลชั้นต้นมีข้อผิดพลาดบกพร่องอย่างไรก็ชอบที่โจทก์จะต้องไปว่ากล่าวในคดีเดิมนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ในคดีนี้ไม่ได้
หมายเหตุ : ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในคดีอาญาเดิมศาลชั้นต้นไม่ได้มีคำพิพากษาให้ริบของกลาง คดีไม่มีความจำเป็นต้องวินิจฉัย พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ตลอดจนถึงคำร้องของผู้ร้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจกรรมการบริษัทในการลงนามสัญญาเช่าซื้อ, ความถูกต้องของสัญญา, และการคิดดอกเบี้ยค่าเสียหาย
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 และมาตรา 1144 กรรมการบริษัทจำกัดเป็นผู้แทนของบริษัท มีอำนาจดำเนินกิจการทุกอย่างภายในขอบข่ายแห่งวัตถุประสงค์และข้อบังคับของบริษัทได้ หาได้มีอำนาจจำกัดเพียงเท่าที่ตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจทั่วไปมีอยู่ไม่ มาตรา 1167 เป็นเรื่องความเกี่ยวพันกันในระหว่างกรรมการและบริษัทและบุคคลภายนอก เป็นต้นว่า กรรมการบริษัทจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเป็นส่วนตัวหรือไม่ ดังนี้ จึงจะบังคับตามกฎหมายว่าด้วยตัวแทน หาได้หมายความว่ากรรมการบริษัทเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปของบริษัทไม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 ที่บัญญัติให้ผู้ให้เช่าบอกกล่าวให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าก่อนบอกเลิกสัญญาก็ดี มาตรา 574 ที่บัญญัติว่าเมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อสองคราวติดๆ กัน ผู้ให้เช่าซื้อจึงจะบอกเลิกสัญญาได้ก็ดี ไม่ใช่บทบัญญัติเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
จำเลยฎีกาว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาโดยไม่สุจริต นั้น เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีไว้ จึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัย
สัญญาเช่าซื้อ ข้อ 8 ที่ว่า ถ้าผู้เช่าซื้อจะต้องชำระเงินใดๆ แก่เจ้าของตามข้อสัญญาประการหนึ่งประการใด ผู้เช่าซื้อยอมเสียดอกเบี้ยสำหรับเงินที่ค้างชำระในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นั้น สำหรับค่าติดตามเอาทรัพย์คืนก็ดี ค่าซ่อมแซมรถก็ดี เป็นเงินที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์ตามสัญญา ข้อ 9 อยู่ในความหมายของคำว่าเงินใดๆ ตามสัญญา ข้อ 8 จึงต้องเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี แต่เงินค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถนั้น เป็นค่าเสียหายที่ไม่ได้กำหนดไว้ในสัญญาเช่าซื้อ ไม่อยู่ในความหมายของคำว่าเงินใดๆ ตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 8 จึงคิดดอกเบี้ยได้เพียงร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
การที่โจทก์ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานที่เป็นลูกจ้างของโจทก์นั้น เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความโดยถูกต้องเท่าที่จำเป็น หาเป็นการฟุ่มเฟือยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อ การผิดสัญญา การยึดทรัพย์ และดอกเบี้ย ค่าเสียหาย การมอบอำนาจกรรมการบริษัท
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 และมาตรา 1144กรรมการบริษัทจำกัดเป็นผู้แทนของบริษัท มีอำนาจดำเนินกิจการทุกอย่างภายในขอบข่ายแห่งวัตถุประสงค์และข้อบังคับของบริษัทได้ หาได้มีอำนาจจำกัดเพียงเท่าที่ตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจทั่วไปมีอยู่ไม่ มาตรา 1167 เป็นเรื่องความเกี่ยวพันกันในระหว่างกรรมการและบริษัทและบุคคลภายนอก เป็นต้นมา กรรมการบริษัทจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเป็นส่วนตัวหรือไม่ ดังนี้ จึงจะบังคับตามกฎหมายว่าด้วยตัวแทน หาได้หมายความว่ากรรมการบริษัทเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปของบริษัทไม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 ที่บัญญัติให้ผู้ให้เช่าบอกกล่าวให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าก่อนบอกเลิกสัญญาก็ดี มาตรา 574ที่บัญญัติว่าเมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อสองคราวติด ๆ กัน ผู้ให้เช่าซื้อจึงจะบอกเลิกสัญญาได้ก็ดี ไม่ใช่บทบัญญัติเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
จำเลยฎีกาว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาโดยไม่สุจริต นั้น เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีไว้ จึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัย
สัญญาเช่าซื้อ ข้อ 8 ที่ว่า ถ้าผู้เช่าซื้อจะต้องชำระเงินใด ๆ แก่เจ้าของตามข้อสัญญาประการหนึ่งประการใด ผู้เช่าซื้อยอมเสียดอกเบี้ยสำหรับเงินที่ค้างชำระในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นั้น สำหรับค่าติดตามเอาทรัพย์คืนก็ดี ค่าซ่อมแซมรถก็ดี เป็นเงินที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์ตามสัญญา ข้อ 9 อยู่ในความหมายของคำว่าเงินใด ๆ ตามสัญญาข้อ 8 จึงต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15ต่อปี แต่เงินค่าขาดประโยชน์จากใช้รถนั้น เป็นค่าเสียหายที่ไม่ได้กำหนดไว้ในสัญญาเช่าซื้อ ไม่อยู่ในความหมายของคำว่าเงินใด ๆ ตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 8จึงคิดดอกเบี้ยได้เพียงร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
การที่โจทก์ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานที่เป็นลูกจ้างของโจทก์นั้น เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความโดยถูกต้องเท่าที่จำเป็น หาเป็นการฟุ่มเฟือยไม่
of 41