คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
โสพิทย์ คังคะเกตุ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 401 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1966/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านการเลือกตั้งถูกจำหน่ายคดีเนื่องจากรัฐธรรมนูญและรัฐสภาสิ้นสุดลงหลังมีคำสั่งคณะปฏิรูปฯ
ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบ ขอให้มีการเลือกตั้งใหม่ ปรากฏว่าขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินได้มีคำสั่งให้รัฐธรรมนูญซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้นและรัฐสภาสิ้นสุดลง จึงไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาที่ผู้ร้องฎีกา เพราะไม่อาจจะบังคับคดีให้เป็นไปตามคำร้องของผู้ร้องได้ ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำหน่ายคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขยายระยะเวลายื่นฎีกา: เหตุสุดวิสัยที่ไม่สมควรรับฟัง
จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 3 ตุลาคม 2518 แล้วยื่นคำร้องลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2518 ว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2518 มีคนร้ายยิงทนายจำเลยได้รับอันตรายสาหัส ป่วยหนัก ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล สำนวนและเอกสารยังหาไม่พบจำเลยความรู้น้อยไม่สามารถทำฎีกาด้วยตนเอง ทั้งเป็นคนยากจนได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถายังจัดหาทนายคนอื่นไม่ได้ทันท่วงที ขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นฎีกาไปอีก 10 วัน ดังนี้ จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วไม่ทำฎีกายื่น จนเวลาล่วงเลยไป 14 วัน ทนายของจำเลยจึงถูกคนร้ายยิง จากนั้นจำเลยมีเวลาหาทนายความคนอื่นและมีเวลาดำเนินการยื่นฎีกาอีก 15 วันก่อนขอขยายระยะเวลาฎีกา เห็นได้ว่าจำเลยเพิกเฉยมาแต่ต้น ไม่รีบแก้ไขเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นแก่ทนายความของจำเลย กรณีไม่นับว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษ ไม่สมควรขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ขยายระยะเวลายื่นฎีกาเนื่องจากความประมาทเลล่าของจำเลย แม้ทนายความถูกทำร้าย
จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 3 ตุลาคม 2518 แล้วยื่นคำร้องลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2518 ว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2518 มีคนร้ายยิงทนายจำเลยได้รับอันตรายสาหัส ป่วยหนัก ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล สำนวนและเอกสารยังหาไม่พบจำเลยความรู้น้อยไม่สามารถทำฎีกาด้วยตนเอง ทั้งเป็นคนยากจนได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถายังจัดหาทนายคนอื่นไม่ได้ทันท่วงที ขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นฎีกาไปอีก 10 วัน ดังนี้ จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วไม่ทำฎีกายื่น จนเวลาล่วงเลยไป 14 วัน ทนายของจำเลยจึงถูกคนร้ายยิง จากนั้นจำเลยมีเวลาหาทนายความคนอื่นและมีเวลาดำเนินการยื่นฎีกาอีก 15 วันก่อนขอขยายระยะเวลาฎีกา เห็นได้ว่าจำเลยเพิกเฉยมาแต่ต้น ไม่รีบแก้ไขเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นแก่ทนายความของจำเลย กรณีไม่นับว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษ ไม่สมควรขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการปล้นทรัพย์: ผู้รอรับของที่ได้จากการปล้น มีความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิด
จำเลยรอรับแบกกระสอบใส่ของที่คนร้ายปล้น อยู่ห่างจากสถานที่ปล้นประมาณ 3 เส้น อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดในขณะกระทำความผิดนั้น จำเลยจึงเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการปล้นทรัพย์: ผู้รอรับของที่ได้จากการปล้นมีความผิดฐานสนับสนุน
จำเลยรอรับแบกกระสอบใส่ของที่คนร้ายปล้น อยู่ห่างจากสถานที่ปล้นประมาณ 3 เส้น อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดในขณะกระทำความผิดนั้น จำเลยจึงเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727-1729/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้จัดการมรดกฟ้องขับไล่ผู้เช่า - ความยินยอมร่วม
โจทก์กับ อ.และส.เป็นผู้จัดการมรดกท. ตามคำสั่งศาล โจทก์ผู้เดียวฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากทรัพย์มรดกโดย อ.ส. มิได้รู้เห็นยินยอมด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองและจำหน่ายยาเสพติดเป็นความผิดต่างกรรมกัน ศาลต้องลงโทษทุกกระทง
มียาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอินไฮโดรคลอไรด์ไว้ในความครอบครองจำนวนหนึ่ง และจำหน่ายเฮโรอีนนั้นบางส่วนไป เป็นการกระทำความผิดสองกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองและจำหน่ายยาเสพติดเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกระทง
มียาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ไว้ในความครอบครองจำนวนหนึ่ง และจำหน่ายเฮโรอีนนั้นบางส่วนไป เป็นการกระทำความผิดสองกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1553/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยการทำร้ายด้วยอาวุธมีด: การพิจารณาการกระทำทรมานหรือทารุณโหดร้าย
จำเลยกับพวกร่วมกันใช้มีดดาบปลายแหลมผลัดกันฟันและแทงผู้ตายมีบาดแผลรวม 17 แผล และตายในที่เกิดเหตุขณะนั้นเอง ไม่ปรากฏว่าได้ใช้มีดดาบฆ่าผู้ตายในลักษณะอื่นใดเป็นพิเศษ แม้ผู้ตายจะมีบาดแผลมากมายหลายแห่ง ก็เป็นที่เห็นเจตนาได้ว่า ต้องการฟันและแทงผู้ตายให้ถึงแก่ความตายในทันทีเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการฆ่าโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องเรียนโดยสุจริตเพื่อปกป้องตนเอง ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท แม้จะกล่าวอ้างถึงอาการป่วยทางจิต
โจทก์เป็นครูใหญ่โรงเรียนการช่าง เข็นรถยนต์ของจำเลยซึ่งจอดอยู่นอกบริเวณโรงเรียนเข้าไปในบริเวณโรงเรียน แล้วใช้ปืนยิงจานครอบดุมล้อและยางรถยนต์ของจำเลยเสียหาย โดยไม่ปรากฏสาเหตุ เป็นเหตุให้จำเลยเชื่อว่าโจทก์มีโรคจิต ร้องเรียนการกระทำของโจทก์ต่อผู้อำนายการกองโรงเรียน กรมอาชีวศึกษาไปโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตน ตามคลองธรรม จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
of 41