คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประเสริฐ วราภรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 402 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้และการสะดุดหยุดอายุความจากการชำระหนี้เป็นงวดๆ
จำเลยซื้อเชื่อสินค้าของโจทก์ตามใบสั่งของรวม 7 คราว แล้วจึงได้ผ่อนชำระหนี้ให้เป็นครั้งแรก ต่อมาเมื่อซื้อเชื่อครั้งที่ 8 อันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจึงผ่อนชำระให้อีก 2 ครั้ง เงินที่ชำระแต่ละครั้งมีจำนวนไม่เท่ากับราคาของสินค้าที่ปรากฏในใบสั่งของแม้แต่ฉบับเดียว และโจทก์ไม่เคยกำหนดจำนวนเงินที่ชำระมาแล้วให้พอประมาณกับราคาสินค้าในใบส่งของแล้วเลือกคืนใบส่งของแก่จำเลยไปด้วย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวรับฟังได้ว่า โจทก์และจำเลยได้ตกลงกันให้รวมยอดหนี้สินตามใบสั่งของทั้งหมดเป็นหนี้ก่อนเดียวกันแล้วการที่จำเลยชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์รวม 3 ครั้งนั้น เป็นการรับสภาพหนี้โดยใช้เงินให้บางส่วนในหนี้สินรายพิพาทที่ตกลงรวมกันเป็นหนี้ก้อนเดียวแล้ว มีผลให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 อันจะต้องเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่นับแต่เวลานั้น (วันที่ชำระครั้งสุดท้าย) สืบไปตามมาตรา 181 คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความและกรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 328 วรรค 2
ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงซึ่งเป็นสารสำคัญในประเด็นที่จะชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายซึ่งคู่ความฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยไปเสียเลยทีเดียวโดยไม่ย้อนสำนวนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 240 (3) ประกอบด้วยมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานใช้เอกสารปลอม, ให้สินบนเจ้าพนักงาน, รับสินบน และความสัมพันธ์ของผู้สนับสนุน
จำเลยที่ 1 นำเอกสารปลอมพร้อมด้วยเงิน 5,000 บาท มอบให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานทำหน้าที่ช่วยเสมียนทะเบียนยานพาหนะ เพื่อให้จัดการจดทะเบียนรถยนต์ให้จำเลยที่ 2 รับเอกสารปลอมกับเงินนั้นไว้ โดยตกลงรับดำเนินการให้ โดยจำเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าเป็นเอกสารปลอม จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอมจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานให้เงินเจ้าพนักงานเพื่อให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่และจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานรับเงินสำหรับตนเองเพื่อกระทำการโดยมิชอบด้วยหน้าที่อยู่แล้วจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 อีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานใช้เอกสารปลอม, ให้สินบนเจ้าพนักงาน, และการสนับสนุนความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จำเลยที่ 1 นำเอกสารปลอมพร้อมด้วยเงิน 5,000 บาทมอบให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานทำหน้าที่ช่วยเสมียนทะเบียนยานพาหนะ เพื่อให้จัดการจดทะเบียนรถยนต์ให้ จำเลยที่ 2 รับเอกสารปลอมกับเงินนั้นไว้ โดยตกลงรับดำเนินการให้ โดยจำเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าเป็นเอกสารปลอม จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอม จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานให้เงินเจ้าพนักงานเพื่อให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ และจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานรับเงินสำหรับตนเองเพื่อกระทำการโดยมิชอบด้วยหน้าที่อยู่แล้ว จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 อีกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้ยืมเงิน เช็คคืนเงินไม่ได้ สิทธิเรียกร้องหนี้ และดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย
จำเลยกู้เงินโจทก์ 60,000 บาท ออกเช็คให้โจทก์ไว้โจทก์โอนเช็คต่อไปจนถึง ว. ว. เบิกเงินไม่ได้ จำเลยทำหนังสือกู้ให้โจทก์ไว้ 84,000 บาท รวมกับหนี้ที่จำเลยรับโอนจาก ท. ลูกหนี้โจทก์ ต่อมา ว. ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยดังนี้โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามเช็คสัญญากู้ที่จำเลยทำให้โจทก์จึงไม่มีมูลหนี้จำนวนนี้ ส่วนอีก 20,000 บาท ซึ่งจำเลยรับโอนจาก ท. ลูกหนี้โจทก์นั้น จำเลยต้องชำระแก่โจทก์แต่ดอกเบี้ยอีก 4,000 บาท นั้นเป็นอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนดอกเบี้ยเป็นโมฆะโจทก์คงเรียกจากจำเลยได้เพียง 20,000 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่วันฟ้อง
หนี้ตามสัญญากู้ 84,000 บาท เป็นหนี้ร่วม จำเลยที่ 1 ผู้เดียวฎีกาศาลฎีกาพิพากษาลดเป็นให้จำเลยใช้ 20,000 บาท ให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่ฎีกาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดอาญาแผ่นดินแม้โจทก์มรณะ ศาลยังดำเนินคดีได้ การแก้น้อยต้องห้ามฎีกา
ความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 ลักษณะ 3 เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน มิใช่ความผิดอันยอมความได้ แม้โจทก์มรณะก็ไม่เป็นเหตุขัดข้องแก่การดำเนินคดีต่อไป ถือได้ว่าโจทก์ได้ฟ้องร้องแทนแผ่นดิน ศาลจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไปได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177,180(ซึ่งมาตรานี้ศาลชั้นต้นเคยยกฟ้องไปแล้วชั้นไต่สวนมูลฟ้อง),181 ให้ลงโทษตามมาตรา 181(2) อันเป็นบทหนัก จำคุก 8 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่คงจำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177,181(2) จำคุก 4 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่คงจำคุก 3 ปี ดังนี้ เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดอาญาแผ่นดินแม้โจทก์มรณะ ศาลยังดำเนินคดีได้ การแก้น้อยในชั้นฎีกา
ความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 ลักษณะ 3 เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน มิใช่ความผิดอันยอมความได้ แม้โจทก์มรณะก็ไม่เป็นเหตุขัดข้องแก่การดำเนินคดีต่อไป ถือได้ว่าโจทก์ได้ฟ้องร้องแทนแผ่นดิน ศาลจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไปได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177, 180 (ซึ่งมาตรานี้ศาลชั้นต้นเคยยกฟ้องไปแล้วชั้นไต่สวนมูลฟ้อง) 181 ให้ลงโทษตามมาตรา 181 (2) อันเป็นบทหนัก จำคุก 8 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่คงจำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177, 181 (2) จำคุก4ปีลดโทษให้หนึ่งในสี่คงจำคุก 3 ปี ดังนี้ เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานโดยมิชอบเพื่อขัดขวางการตรวจค้น ไม่เป็นความผิด
จำเลยพูดว่า 'อั๊วเป็นนายร้อยตำรวจตรี ค้นไม่ได้' ไม่ ยอมให้ตำรวจค้นรถที่จำเลยขับมายังไม่เป็นกระทำการเป็นเจ้าพนักงานไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาด: ผู้ให้ราคาสูงสุดไม่วางมัดจำ สิทธิการซื้อเป็นของผู้ให้ราคาถัดไป, สิทธิจำเลย
ผู้สู้ราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีเงินวางมัดจำตามกำหนด ศาลสั่งให้ขายแก่ผู้ให้ราคาถัดลงไปได้
การขายทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ไม่ใช่ส่วนได้เสียของจำเลยที่ 1 ไม่ต้องแจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บาดแผลจากมีดดาบไม่ถึงอันตรายแก่กาย
บาดแผลถูกฟันด้วยมีดดาบ 2 แผล กว้าง 1 ซ.ม. ยาว 2 ซ.ม.ลึกหนังถลอก ไม่ถึงเป็นอันตรายแก่กายตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 88/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อในคดีอาญา: ศาลฎีกาวินิจฉัยให้นับโทษต่อเมื่อมีคำพิพากษาลงโทษในคดีก่อนแล้ว
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหมายเลขดำที่ 19/2519 ศาลล่างทั้งสองไม่นับต่อให้ เพราะคดีดังกล่าวศาลยังไม่ได้พิพากษา โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยต่อกับโทษของจำเลยที่ 3 ในคดีหมายเลขดำที่ 19/2519 นั้น ศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วตามสำนวนคดีแดงที่ 473/2519 จำเลยมิได้แก้ฎีกาปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงรับฟังได้ว่าคดีดังกล่าวศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วจริง และพิพากษาให้นับโทษต่อ
of 41