คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประเสริฐ วราภรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 402 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 88/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อเมื่อคดีก่อนหน้ามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหมายเลขดำที่ 19/2519 ศาลล่างทั้งสองไม่นับต่อให้ เพราะคดีดังกล่าวศาลยังไม่ได้พิพากษา โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยต่อกับโทษของจำเลยที่ 3 ในคดีหมายเลขดำที่ 19/2519 คดีหมายเลขแดงที่ 473/2519 ของศาลชั้นต้น ซึ่งหมายความว่าสำนวนคดีดำที่ 19/2519 นั้น ศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วตามสำนวนคดีแดงที่ 473/2519 จำเลยมิได้แก้ฎีกาปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงรับฟังได้ว่าคดีดังกล่าวศาลได้พิพากษาโทษจำคุกจำเลยแล้วจริง และพิพากษาให้นับโทษต่อ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2910/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้คำเบิกความจากคดีก่อนเป็นหลักฐานพิสูจน์ความผิดในคดีใหม่ จำเป็นต้องมีการสืบพยานต่อหน้าจำเลย
โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานขณะเกิดเหตุมาเบิกความเพราะตามหาตัวไม่พบ ดังนี้ จะถือเอาคำเบิกความของผู้เสียหายดังกล่าวในคดีเรื่องก่อนมาใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของจำเลยในคดีนี้หาได้ไม่ เพราะการพิจารณาสืบพยานผู้เสียหายในคดีก่อนไม่ได้กระทำต่อหน้าจำเลยในคดีนี้ ดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172ได้บัญญัติไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2899-2900/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบในคดีที่จำเลยขาดนัด และการพิสูจน์สิทธิในที่ดิน
คดีสองสำนวนศาลพิจารณาพิพากษารวมกัน สำนวนหลังจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบอยู่แล้ว ที่ศาลสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนทั้งสองสำนวนนั้นเป็นการชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยมีสิทธิอ้างพยานเบิกความเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แม้ไม่ซักค้านพยานโจทก์
ในคดีอาญาจำเลยนำพยานเข้าสืบความบริสุทธิ์ของจำเลยได้โดยไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ในข้อที่จะนำสืบนั้นไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2639/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัวระหว่างฎีกา ทำให้สิทธิฟ้องระงับตามกฎหมาย
คดีความผิดต่อส่วนตัว ก่อนคดีถึงที่สุด ผู้เสียหายย่อมถอนคำร้องทุกข์ได้ระหว่างฎีกา ผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์อ้างว่าประนีประนอมยอมความกับจำเลยแล้ว สิทธิ์นำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2639/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) เมื่อมีการประนีประนอม
คดีความผิดต่อส่วนตัว ก่อนคดีถึงที่สุด ผู้เสียหายย่อมถอนคำร้องทุกข์ได้ ระหว่างฎีกา ผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์อ้างว่าประนีประนอมยอมความกับจำเลยแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2637/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันการติดต่อขอใบอนุญาตลงทุน: จำเลยต้องคืนเงินเมื่อไม่สามารถดำเนินการตามสัญญาได้
จำเลยทำสัญญารับจะติดต่อทางการให้ออกใบอนุญาตส่งเสริมการลงทุนให้โจทก์จนเป็นผลสำเร็จ โดยโจทก์จะให้ค่าตอบแทนแก่จำเลย 300,000 บาท โจทก์ได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้จำเลยไปแล้ว 100,000 บาท จำเลยได้ออกเช็คพิพาทจำนวนเงิน 100,000 บาทให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันโดยมีข้อตกลงว่าถ้าจำเลยทำการไม่สำเร็จจะคืนเช็คดังกล่าวให้จำเลย และจำเลยจะต้องคืนเงิน 100,000 บาท ให้โจทก์ ปรากฏว่าขณะโจทก์ยื่นขอรับทุนนั้น ตามเงื่อนไขของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนโจทก์จะต้องทำสัญญาและนำเงินสดหรือพันธบัตรรัฐบาลไปวางเป็นจำนวนเงิน 250,000 บาท ต่อเมื่อได้รับอนุมัติตามคำขอแล้ว แต่ต่อมาคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใหม่ และแจ้งตามเงื่อนไขใหม่นี้ให้โจทก์นำเงินหรือสัญญาค้ำประกันของธนาคารไปวางเป็นมูลค่า 9,000,000 บาท ภายในวันที่กำหนดก่อนได้รับอนุมัติคำขอ ดังนี้จำนวนเงินที่โจทก์ต้องวางสูงกว่าเดิมมาก และภายในเวลาจำกัด ทั้งไม่แน่นอนว่าจะได้รับอนุมัติหรือไม่ การที่โจทก์ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขใหม่ของคณะกรรมการที่แจ้งมาดังกล่าว ไม่ใช่ความผิดโดยตรงของโจทก์ ถือว่าจำเลยไม่สามารถติดต่อให้โจทก์ได้มาซึ่งใบอนุญาตส่งเสริมการลงทุนตามสัญญาจำเลยต้องคืนเงิน 100,000 บาท ให้โจทก์ เช็คพิพาทจึงมีมูลหนี้ เมื่อโจทก์นำเช็คพิพาทไปขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยจึงต้องชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2574/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งห้ามชั่วคราวชอบด้วยกฎหมายเมื่อโจทก์กระทำซ้ำการผิดสัญญาภารจำยอม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามชั่วคราวตามคำร้องขอของจำเลยที่ฟ้องแย้งให้โจทก์ระงับการก่อสร้างใดๆ ในทางภารจำยอม ให้โจทก์เปิดทางที่กั้นทั้งหมดรวมทั้งรื้อถอนเสาในถนนด้านทิศใต้ออก ให้โจทก์ขนสัมภาระที่กีดขวางทางภารจำยอมออกไปให้หมด เพราะโจทก์กำลังทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งเป็นการผิดสัญญาตามที่จำเลยกล่าวอ้างในคำขอ โจทก์ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โดยอ้างลอยๆ เพียงว่าโจทก์ไม่ได้กระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดหรือการผิดสัญญา ซึ่งข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์กระทำซ้ำตามที่ศาลสั่งห้ามนั้นโจทก์รับแล้วว่าขณะนั้นโจทก์กำลังกระทำอยู่จริง โจทก์ไม่ได้โต้เถียงว่าคำสั่งศาลชั้นต้นสั่งโดยไม่มีเหตุเพียงพอหรือไม่มีเหตุสมควรตามกฎหมายหรือมีเหตุอื่นที่จะเพิกถอนคำสั่งห้ามของศาลชั้นต้น กรณีไม่มีเหตุที่จะต้องทำการไต่สวน ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์โดยไม่ทำการไต่สวนนั้นชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2574/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งห้ามชั่วคราวชอบด้วยกฎหมาย เมื่อโจทก์กระทำซ้ำการผิดสัญญาตามฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามชั่วคราวตามคำร้องขอของจำเลยที่ฟ้องแย้งให้โจทก์ระงับการก่อสร้างใด ๆ ในทางภาระจำยอม ให้โจทก์เปิดทางที่กั้นทั้งหมดรวมทั้งรื้อถอนเสาในถนนด้านทิศใต้ออก ให้โจทก์ขนสัมภาระที่กีดขวางทางภาระจำยอมออกไปให้หมด เพราะโจทก์กำลังทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งเป็นการผิดสัญญาตามที่จำเลยกล่าวอ้างในคำขอ โจทก์ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โดยอ้างลอย ๆ เพียงว่าโจทก์ไม่ได้กระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดหรือการผิดสัญญา ซึ่งข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์กระทำซ้ำตามที่ศาลสั่งห้ามนั้นโจทก์รับแล้วว่าขณะนั้นโจทก์กำลังกระทำอยู่จริง โจทก์ไม่ได้โต้เถียงว่าคำสั่งศาลชั้นต้นสั่งโดยไม่มีเหตุเพียงพอหรือไม่มีเหตุสมควรตามกฎหมายหรือมีเหตุอื่นที่จะเพิกถอนคำสั่งห้ามของศาลชั้นต้น กรณีไม่มีเหตุที่จะต้องทำการไต่สวนที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์โดยไม่ทำการไต่สวนนั้นชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2572/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องเงินค่าก่อสร้างของผู้รับเหมา ไม่ใช่ทรัพย์สินในคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจอายัด
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อายัดสิทธิเรียกร้องเงินค่าก่อสร้างจำนวน 8ล้านบาท ที่ผู้ร้องมีต่อการเคหะแห่งชาติ เพราะได้สอบสวนแล้วเห็นว่าผู้ล้มละลายเป็นเจ้าหนี้ผู้ร้องโดยเป็นผู้ลงทุนในการก่อสร้างอาคารที่ผู้ร้องเป็นผู้รับจ้างจากการเคหะแห่งชาติ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือยืนยันหนี้จำนวนดังกล่าวไปยังผู้ร้องแล้วด้วย ดังนี้ สิทธิเรียกร้องเงินค่าก่อสร้างจากการเคหะแห่งชาตินี้เป็นของผู้ร้อง หาใช่เป็นสิทธิเรียกร้องของผู้ล้มละลายไม่ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันจอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 109 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิที่จะอายัดโดยอาศัยอำนาจตาม มาตรา 19 และ 22
ปัญหาที่ว่าผู้ร้องได้โอนสิทธิการรับเงินค่าก่อสร้างจากการเคหะแห่งชาติให้แก่ผู้อื่นไปแล้ว ผู้ร้องจะมีสิทธิร้องขอให้ถอนการอายัดได้หรือไม่นั้น ปัญหาข้อนี้ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
of 41