คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ขจร หะวานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,047 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 67/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีบุกรุก และข้อจำกัดในการอุทธรณ์คดีที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง
ปรากฏจากบันทึกข้อตกลงว่า ผู้เสียหายได้กล่าวหาจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 2 คนว่าบุกรุกที่ดินผู้เสียหายในที่สุดจำเลยที่ 1 กับพวกรับว่าได้บุกรุกและยอมออกไปจากที่ดินของผู้เสียหาย แต่จำเลยที่ 1 คนเดียวไม่ยอมออกไป คงครอบครองที่ดินนั้นตลอดมา ถือได้ว่าผู้เสียหายกับจำเลย ที่ 1 ได้ยอมความกันโดยตกลงเลิกคดีกันแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) การที่จำเลยที่ 1 ผิดเงื่อนไขไม่ยอมออกไปจากที่ดินเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงว่ามิได้มีการร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 โจทก์จะฎีกาว่ามีการร่วมกันบุกรุกซึ่งเป็นข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 67/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีบุกรุกและการระงับสิทธิฟ้องร้อง รวมถึงข้อจำกัดในการโต้แย้งข้อเท็จจริงในฎีกา
ปรากฏจากบันทึกว่า ผู้เสียหายได้กล่าวหาจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 2 คนว่าบุกรุกที่ดินผู้เสียหาย ในที่สุดจำเลยที่ 1 กับพวกรับว่าได้บุกรุกและยอมออกไปจากที่ดินของผู้เสียหายแต่จำเลยที่ 1 คนเดียวไม่ยอมออกไป คงครอบครองที่ดินนั้นตลอดมา ถือได้ว่าผู้เสียหายกับจำเลยที่ 1 ได้ยอมความกันโดยตกลงเลิกคดีกันแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) การที่จำเลยที่ 1 ผิดเงื่อนไขไม่ยอมออกไปจากที่ดินเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงว่ามิได้มีการร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 โจทก์จะฎีกาว่ามีการร่วมกันบุกรุกซึ่งเป็นข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสั่งพักงานเกิน 7 วัน ไม่ถือเป็นการเลิกจ้างหากไม่มีเจตนาจะไม่จ้าง หรือกลั่นแกล้ง
จำเลยสั่งพักงานโจทก์ โดยไม่มีเจตนาที่จะไม่จ้างหรือกลั่นแกล้งแต่เพื่อสอบสวนกรณีทุจริต แล้วสั่งให้โจทก์เข้าทำงานต่อไปไม่ถือเป็นการเลิกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ
คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลแรงงานกลาง ซึ่งโจทก์ มิได้คัดค้านไว้โจทก์อุทธรณ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่เป็นธรรมเนื่องจากลูกจ้างใต้บังคับบัญชาทุจริตและผลงานไม่เป็นที่พอใจ
การเลิกจ้างเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมนั้น จะต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป การที่ ธ. ลูกจ้างจำเลยและอยู่ใต้บังคับบัญชาโจทก์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ที่มีอยู่ในบริษัทจำเลยไปขายสินค้า ส่งสินค้า เรียกเก็บเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ตนมีหุ้นอยู่ ทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทจำเลย โจทก์ได้รู้เห็นการกระทำของ ธ. ที่ทำให้จำเลยเสียหาย ทำให้จำเลยมีความระแวงสงสัยและไม่ไว้ใจในตัวโจทก์ กับการทำงานของโจทก์มีผลงานไม่เป็นที่พอใจจำเลย ดังนี้ เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ จึงเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุสมควรและเป็นธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่เป็นธรรมเมื่อลูกจ้างบังคับบัญชาลูกจ้างอื่นกระทำผิดเสียหายต่อบริษัท
การเลิกจ้างเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมนั้น จะต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆ ไป การที่ ธ. ลูกจ้างจำเลยและอยู่ใต้บังคับบัญชาโจทก์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ที่มีอยู่ในบริษัทจำเลยไปขายสินค้า ส่งสินค้า เรียกเก็บเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ตนมีหุ้นอยู่ ทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทจำเลย โจทก์ได้รู้เห็นการกระทำของ ธ. ที่ทำให้จำเลยเสียหาย ทำให้จำเลยมีความระแวงสงสัยและไม่ไว้ใจในตัวโจทก์ กับการทำงานของโจทก์มีผลงานไม่เป็นที่พอใจจำเลย ดังนี้ เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ จึงเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุสมควรและเป็นธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างเพราะยุบงานขัดมาตรา 123 พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ แม้มีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
มาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มีข้อความชัดแจ้งเป็นการห้ามนายจ้างเลิกจ้างบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง เว้นแต่เลิกจ้างเพราะเหตุที่บุคคลนั้นกระทำการตามที่ระบุไว้ การเลิกจ้างเพราะยุบงานไม่อยู่ในข้อยกเว้น จึงอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรานี้ได้ และแม้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างโจทก์ผู้เป็นนายจ้างกับสหภาพแรงงานที่ให้โจทก์มีสิทธิยุบงานจะใช้บังคับ ก็หามีผลให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะเลิกจ้างได้โดยไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 123 ซึ่งเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ของประชาชนด้วยไม่
จำเลยที่ 13 ที่ 14 และ ฮ. เป็นพนักงานส่งของของโจทก์ และเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง โจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 13 ที่ 14 และฮ.เพราะโจทก์ยุบงาน แผนกส่งของ แล้วจ้างเหมาบุคคลภายนอกให้ทำการขนส่งและ คุมสินค้าแทนเพื่อตัดรายจ่ายเป็นกรณีไม่มีความจำเป็นเพียงพอ จึงเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 123

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างเนื่องจากยุบงานขัดต่อกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ แม้มีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
มาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มีข้อความชัดแจ้งเป็นการห้ามนายจ้างเลิกจ้างบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง เว้นแต่เลิกจ้างเพราะเหตุที่บุคคลนั้นกระทำการตามที่ระบุไว้ การเลิกจ้างเพราะยุบงานไม่อยู่ในข้อยกเว้น จึงอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรานี้ได้ และแม้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างโจทก์ผู้เป็นนายจ้างกับสหภาพแรงงานที่ให้โจทก์มีสิทธิยุบงานจะใช้บังคับ ก็หามีผลให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะเลิกจ้างได้โดยไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 123 ซึ่งเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนด้วยไม่
จำเลยที่ 13 ที่ 14 และ ฮ. เป็นพนักงานส่งของของโจทก์ และเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง โจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 13 ที่ 14 และ ฮ. เพราะโจทก์ยุบงานแผนกส่งของ แล้วจ้างเหมาบุคคลภายนอกให้ทำการขนส่งและคุมสินค้าแทนเพื่อตัดรายจ่าย เป็นกรณีไม่มีความจำเป็นเพียงพอ จึงเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 123

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างเกษียณอายุ พนักงานรัฐวิสาหกิจมีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย แม้ได้รับบำเหน็จ
แม้ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ จะออกโดยฝ่ายบริหาร แต่ก็ได้ออกโดยอาศัยอำนาจที่ให้ไว้ ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ฯ ข้อ 2 จึงมีสภาพบังคับเป็นกฎหมาย
การเลิกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานฯ ไม่มีข้อยกเว้นไว้เป็นพิเศษแก่กรณีที่พนักงานรัฐวิสาหกิจต้องออกจากงานเพราะเหตุเกษียณอายุแต่อย่างใด เมื่อพนักงานรัฐวิสาหกิจต้องออกจากงานเพราะเกษียณอายุ จึงต้องถือว่าเป็นการเลิกจ้าง และพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและ พนักงานรัฐวิสาหกิจฯก็มิได้บัญญัติว่าการที่พนักงาน ต้องพ้น ตำแหน่งเพราะครบ 60 ปีบริบูรณ์ไม่เป็นการเลิกจ้าง จึงไม่ขัดหรือแย้งกับประกาศดังกล่าวในข้อที่เกี่ยวกับการเลิกจ้าง
เงินบำเหน็จเป็นเงินที่จ่ายโดยมีวัตถุประสงค์ยิ่งกว่าให้เป็นเงินจำนวนหนึ่งแก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง เป็นเงิน ประเภทอื่นซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง แม้จะมีจำนวนสูงกว่าค่าชดเชยก็หาเป็นค่าชดเชยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างเกษียณอายุถือเป็นการเลิกจ้างตามกฎหมายแรงงาน และเงินบำเหน็จไม่ใช่ค่าชดเชย
แม้ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ จะออกโดยฝ่ายบริหาร แต่ก็ได้ออกโดยอาศัยอำนาจที่ให้ไว้ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ฯ ข้อ 2 จึงมีสภาพบังคับเป็นกฎหมาย
การเลิกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ไม่มีข้อยกเว้นไว้เป็นพิเศษแก่กรณีที่พนักงานรัฐวิสาหกิจต้องออกจากงานเพราะเหตุเกษียณอายุแต่อย่างใด เมื่อพนักงานรัฐวิสาหกิจต้องออกจากงานเพราะเกษียณอายุจึงต้องถือว่าเป็นการเลิกจ้าง และพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจฯ ก็มิได้บัญญัติว่าการที่พนักงานต้องพ้นตำแหน่งเพราะครบ 60 ปีบริบูรณ์ไม่เป็นการเลิกจ้าง จึงไม่ขัดหรือแย้งกับประกาศดังกล่าวในข้อที่เกี่ยวกับการเลิกจ้าง
เงินบำเหน็จเป็นเงินที่จ่ายโดยมีวัตถุประสงค์ยิ่งกว่าให้เป็นเงินจำนวนหนึ่งแก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง เป็นเงินประเภทอื่นซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง แม้จะมีจำนวนสูงกว่าค่าชดเชยก็หาเป็นค่าชดเชยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทุจริตต่อหน้าที่ของพนักงานรถไฟ การลงโทษทางวินัย และการพิจารณาความแตกต่างของการกระทำผิด
โจทก์เป็นพนักงานรักษารถ ยอมให้ภริยาน้อยของโจทก์โดยสารรถไฟ และนำสัมภาระมาโดยไม่เสียค่าโดยสารและค่าระวางเป็นความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยลงโทษไล่ออกได้ตามข้อบังคับของคณะกรรมการรถไฟ และไม่จำเป็นต้องลงโทษผู้กระทำผิดเท่ากันทุกคน
of 205