คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ขจร หะวานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,047 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 388/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถยนต์โอนแล้ว สิทธิเรียกร้องคืนย่อมสิ้นสุด แม้เป็นเจ้าของตอนยื่นคำร้อง
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางที่ศาลสั่งริบนั้น แม้ขณะยื่นคำร้องผู้ร้องจะเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลางนั้น แต่เมื่อในระหว่างพิจารณา กรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลางได้โอนไปยังจำเลยแล้ว ผู้ร้องย่อมหมดสิทธิที่จะร้องขอคืน ชอบที่ศาลจะยกคำร้องของผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยในการส่งมอบสินค้าและการใช้สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตามสัญญาค้ำประกัน
ลูกหนี้ไม่ส่งน้ำตาลแก่ผู้ซื้อตามเวลากำหนด เพราะไม่สามารถตกลงราคากับผู้ผลิตน้ำตาลได้ ต่อมารัฐบาลจึงห้ามส่งน้ำตาลออกไปต่างประเทศไม่เป็นเหตุสุดวิสัยที่จะอ้างขึ้นปัดความรับผิด
ผู้ค้ำประกันลูกหนี้ต่อธนาคารมีเงินฝากในธนาคารเจ้าหนี้ลูกหนี้ผิดนัดผู้ค้ำประกันต้องรับผิดต่อธนาคาร ธนาคารหักเงินของผู้ค้ำประกันที่ฝากไว้กับธนาคารนั้นเมื่อใดก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารรับเช็คลงวันล่วงหน้าและภาระความรับผิดต่อการยักยอกเงินของพนักงาน
คนของโจทก์รับเงินจากลูกค้าแล้วยักยอกไว้ โดยออกเช็คส่วนตัวลงวันล่วงหน้าเข้าบัญชีธนาคารแทน ธนาคารพาณิชย์จะรับเช็คลงวันล่วงหน้าได้หรือไม่ และวันที่ในใบรับเช็คจะต้องตรงกับวันที่ที่ลงในเช็คหรือไม่นั้นไม่มีระเบียบหรือกฎข้อบังคับของธนาคารหรือของทางราชการวางไว้ธนาคารจำเลยที่ 2 ย่อมถือปฏิบัติในการบริการความสะดวกแก่ลูกค้าโดยการรับเช็คลงวันล่วงหน้าไว้เพื่อเรียกเก็บเงินให้ในเมื่อเช็คนั้นถึงกำหนดโดยที่ธนาคารจำเลยที่ 2 ยอมรับเสี่ยงภัยในความเสียหายนั้นเองได้ โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 ทำให้โจทก์เสียหาย เพราะรับเช็คลงวันล่วงหน้าจากคนของโจทก์ จึงไม่ทราบว่าคนของโจทก์ยักยอกเงินไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126-127/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีแพ่งถึงแม้มีการประนีประนอมยอมความแล้ว ก็ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
ในคดีแพ่งที่จำเลยทั้งสองถูก ส. ฟ้องว่าผิดสัญญาขายที่ดินและเรียกค่าเสียหาย ซึ่งโจทก์ถูกเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยนั้น ศาลได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า จำเลยที่ 1 ได้มอบอำนาจให้โจทก์ (ซึ่งเป็นจำเลยร่วม)ขายที่พิพาทหรือไม่ อันเป็นประเด็นสำคัญชี้ขาดการแพ้ชนะคดีนั้น การที่จำเลยทั้งสองเบิกความอันเป็นเท็จว่าไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ไปจำหน่ายหรือขายที่ดินให้คนอื่น จึงเป็นข้อความสำคัญในคดี
เมื่อจำเลยเบิกความเท็จและข้อความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีแม้คดีนั้นจะเสร็จเด็ดขาดลงด้วยการประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็ตามการกระทำที่เป็นการเบิกความเท็จของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จแล้ว จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126-127/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีแพ่งถึงสำเร็จความผิด แม้คดีนั้นสิ้นสุดด้วยการประนีประนอมยอมความ
ในคดีแพ่งที่จำเลยทั้งสองถูก ส. ฟ้องว่าผิดสัญญาขายที่ดินและเรียกค่าเสียหาย ซึ่งโจทก์ถูกเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยนั้น ศาลได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า จำเลยที่ 1 ได้มอบอำนาจให้โจทก์ (ซึ่งเป็นจำเลยร่วม) ขายที่พิพาทหรือไม่ อันเป็นประเด็นสำคัญชี้ขาดการแพ้ชนะคดีนั้น การที่จำเลยทั้งสองเบิกความอันเป็นเท็จว่าไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ไปจำหน่ายหรือขายที่ดินให้คนอื่นจึงเป็นข้อความสำคัญในคดี
เมื่อจำเลยเบิกความเท็จและข้อความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี แม้คดีนั้นจะเสร็จเด็ดขาดลงด้วยการประนีประนอมยอมความ และศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็ตาม การกระทำที่เป็นการเบิกความเท็จของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จแล้ว จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 118/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสี่ยงภัยในการขนส่งสินค้า: ผู้ซื้อไม่ต้องรับผิดหากสินค้าสูญหายก่อนถึงมือ
จำเลยสั่งซื้อเหล็กจากโจทก์โดยมีข้อตกลงว่า ถ้าจำเลยไม่มารับของก็ให้โจทก์ส่งเหล็กไปให้จำเลยที่ร้านของจำเลยซึ่งอยู่ต่างจังหวัด จำเลยไม่มารับของโจทก์จึงให้ผู้ขนส่งบรรทุกของไปให้จำเลย แต่จำเลยไม่ได้รับเพราะของสูญหายไประหว่างขนส่ง ดังนี้ จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระราคาต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3315/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย: การพิจารณาการกระทำโดยบันดาลโทสะจากการถูกข่มเหง
ผู้ตายเมาสุราเอาเท้าพาดหัวจำเลยลูบเล่น จำเลยจึงทำร้ายผู้ตายเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 และบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3204/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของผู้ร่วมกระทำผิดฐานพรากตัวเรียกค่าไถ่ แม้ไม่ได้ร่วมในการฆ่า แต่การกระทำเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกอีก 5 คนร่วมกันจับเอาตัวผู้ตายไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ระหว่างผู้ตายถูกพวกของจำเลยควบคุมตัวไว้เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่นั้น พวกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ฆ่าผู้ตายเพระาเหตุที่ผู้ตายไม่ยอมเขียนจดหมายเพื่อให้บุตรผู้ตายนำเงินมาไถ่ตัว แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้รู้เห็นในการฆ่าด้วย ก็ต้องถือว่าเนื่องด้วยการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ที่ 2 นั้นเองเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 ที่ 2 ต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3204/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดฐานร่วมกันพยายามข่มขืนและฆ่าผู้อื่น แม้ไม่ได้ลงมือเอง แต่การกระทำเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกอีก 5 คนร่วมกันจับเอาตัวผู้ตายไป เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ระหว่างผู้ตายถูกพวกของจำเลยควบคุมตัวไว้เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่นั้น พวกของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ฆ่าผู้ตายเพราะเหตุที่ผู้ตายไม่ยอมเขียนจดหมาย เพื่อให้บุตรผู้ตายนำเงินมาไถ่ตัว แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้รู้เห็นในการฆ่าด้วย ก็ต้องถือว่าเนื่องด้วยการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ที่ 2 นั้นเองเป็นเหตุให้ ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 ที่ 2 ต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3190/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิด: การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการจดทะเบียนที่ดินผิดพลาดเกิน 10 ปี
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดินได้ทำพินัยกรรมให้โจทก์โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ รู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของรัฐบาลแล้วยังขืนทำการโอนให้โจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ถูกผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ฟ้องขับไล่ ศาลฎีกาพิพากษาขับไล่โจทก์ออกจากที่พิพาท ทำให้โจทก์เสียหาย ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องถึงการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายอันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ จึงต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความเรื่องละเมิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 มาใช้บังคับ เมื่อคดีฟังข้อเท็จจริงได้ว่า นับแต่วันที่โจทก์ทำนิติกรรมซื้อที่ดินพิพาทจนถึงวันที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลเป็นเวลาห่างกันถึง 21 ปี และโจทก์เพิ่งยื่นฟ้องคดีนี้ภายหลังจากที่โจทก์ได้ฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนแล้วถึง 2 ปีเศษ คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
of 205