คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ขจร หะวานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,047 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2374/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินเช่า การรบกวนการครอบครอง และอำนาจฟ้องขับไล่
โจทก์เป็นผู้เช่าและรับมอบที่พิพาทที่เช่ามาจากผู้ให้เช่าแล้ว การเช่ามีกำหนดคราวละ 1 ปี โจทก์ได้ต่อสัญญาและชำระค่าเช่าทุกปีตลอดมา แม้โจทก์ยังไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่พิพาท แต่ได้ให้จำเลยอาศัยปลูกกระต๊อบอยู่ ต่อมาจำเลยรื้อกระต๊อบปลูกเป็นอาคารห้องแถวไม่ถาวรในที่พิพาทโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ ย่อมถือได้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่พิพาทแล้ว เมื่อจำเลยปลูกห้องแถวไม้ในที่พิพาทหลังจากโจทก์มีสิทธิครอบครองโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ ก็ย่อมเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2374/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินเช่าและการรบกวนการครอบครองเมื่อปลูกสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์เป็นผู้เช่าและรับมอบที่พิพาทที่เช่ามาจากผู้ให้เช่าแล้ว การเช่ามีกำหนดคราวละ 1 ปี โจทก์ได้ต่อสัญญาและชำระค่าเช่าทุกปีตลอดมา แม้โจทก์ยังไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่พิพาท แต่ได้ให้ จำเลยอาศัยปลูกกระต๊อบอยู่ ต่อมาจำเลยรื้อกระต๊อบปลูกเป็น อาคารห้องแถวไม้ถาวรในที่พิพาทโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ ย่อมถือได้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่พิพาทแล้ว เมื่อจำเลยปลูก ห้องแถวไม้ในที่พิพาทหลังจากโจทก์มีสิทธิครอบครองโดยมิได้รับ ความยินยอมจากโจทก์ ก็ย่อมเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2275/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามคำสั่งศาลทุเลาการบังคับคดี: การวางหลักทรัพย์และข้อยกเว้นวันหยุด
การขอทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีแล้ว ก็เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ คู่ความจะฎีกาต่อไปไม่ได้แต่เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งแล้ว คู่ความได้ปฏิบัติถูกต้องตามคำสั่งหรือไม่นั้น มิใช่เป็นคำสั่งในเรื่องการทุเลาการบังคับคดี คู่ความชอบที่จะฎีกาได้
ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2520 โดยกำหนดให้จำเลยนำหลักทรัพย์มาวางศาล ศาลชั้นต้นได้นัดพิจารณาหลักทรัพย์ถึง 3 ครั้ง จนเป็นที่พอใจ และจำเลยได้นำหนังสือค้ำประกันยื่นต่อศาลเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2520 ล่วงพ้นเวลาที่จำเลยจะต้องนำเงินค่าเสียหายรายเดือน ๆ แรกตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์มาวางศาล การที่จำเลยนำเงินค่าเสียหายเดือนแรกและเดือนต่อไป (เดือนตุลาคมและพฤศจิกายน) รวม 2 เดือนมาวางในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2520 เนื่องจากวันที่ 5 และ 6 ตรงกับวันหยุดราชการ จึงเป็นการปฏิบัติถูกต้องตามคำสั่งเรื่องทุเลาการบังคับคดีของศาลอุทธรณ์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อเรียกค่าไถ่และการกระทำโดยทรมาร ศาลพิจารณาความร้ายแรงและเหตุผลในการปล่อยตัวผู้ถูกกระทำ
การที่จำเลยเอาตัวผู้เสียหายไปเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่แล้วเอาโซ่ล่ามขาใส่กุญแจไว้อยู่ในขนำ 10 วัน และอยู่ในป่าอีก 4 วัน 4 คืน ดังนี้ เป็นการกระทำโดยทรมานแล้ว แต่ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 313 วรรคแรก ไม่ผิดตามวรรค 2
เมื่อจำเลยถูกจับกุมและรับสารภาพ ก็ได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเอาตัวผู้เสียหายคืนมาโดยสมัครใจ มิใช่ว่าไปติดตามได้เองและไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้จัดให้ผู้เสียหายผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขัง ได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา กรณีต้องด้วยมาตรา 316 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน่วงเหนี่ยวเพื่อเรียกค่าไถ่ - การกระทำโดยทรมาน - การปล่อยตัวก่อนพิพากษา - มาตรา 316
การที่จำเลยเอาตัวผู้เสียหายไปเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ แล้วเอาโซ่ล่ามขาใส่กุญแจไว้อยู่ในขนำ 10 วัน และอยู่ในป่าอีก 4 วัน 4 คืน ดังนี้ เป็นการกระทำโดยทรมานแล้ว แต่ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคแรก ไม่ผิดตามวรรค 2
เมื่อจำเลยถูกจับกุมและรับสารภาพ ก็ได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเอาตัวผู้เสียหายคืนมาโดยสมัครใจ มิใช่ว่าไปติดตามได้เอง และไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้จัดให้ผู้เสียหายผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขัง ได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา กรณีต้องด้วยมาตรา 316 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2195/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตอบโต้ด้วยสุจริตเพื่อปกป้องชื่อเสียง: ข้อยกเว้นความผิดหมิ่นประมาท
ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย การที่หนังสือพิมพ์ของโจทก์นำรูปจำเลยไปรวมอยู่ในกลุ่มคนร้ายและอาชญากรในหน้าปกหนังสือพิมพ์เป็นการทำให้คนทั้งหลายเข้าใจว่าจำเลยเป็นบุคคลประเภทเดียวกับคนร้ายและอาชญากรเหล่านั้นทำให้จำเลยเสื่อมเสียชื่อเสียง จำเลยย่อมมีสิทธิตอบโต้โดยสุจริต เพื่อให้การกระทำดังกล่าวของโจทก์ไร้ผล ไม่มีคนเชื่อ ดังนั้น การที่จำเลยกล่าวต่อหน้าสาธารณชนว่า "โจทก์เป็นบรรณาธิการ จิตใจต่ำช้ามาก จิตใจเลวทรามต่ำช้ามาก .......ไอ้คนปัญญาทรามอย่างนี้ผมไม่มีวันไปร่วมด้วย" ย่อมทำให้ผู้ที่ได้รับฟังไม่เลื่อมใสโจทก์ อันมีผลทำให้ผลร้ายที่จำเลยได้รับจากการกระทำของโจทก์ลดน้อยถอยลง เป็นการป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนโดยสุจริตตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1077/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2131/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การควบคุมตัวบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมต้องมีหลักฐานชัดเจน ไม่ใช่แค่พฤติการณ์เลื่อนลอย
พฤติการณ์อันเป็นเหตุที่จะควบคุมบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมได้นั้นจะต้องมีหลักฐานประกอบพอสมควรที่จะฟังได้ว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์เช่นนั้น มิใช่มีแต่เพียงหลักฐานอันเลื่อนลอยและคลุมเครือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2131/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การควบคุมตัวบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงหลักฐานเลื่อนลอย
พฤติการณ์อันเป็นเหตุที่จะควบคุมบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมได้นั้นจะต้องมีหลักฐานประกอบพอสมควรที่จะฟังได้ว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์เช่นนั้น มิใช่มีแต่เพียงหลักฐานอันเลื่อนลอยและคลุมเครือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถ: การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดและไม่ลดความเร็วเมื่อเห็นรถอื่นเลี้ยว
จำเลยที่ 2 ขับรถผ่านทางแยกด้วยความเร็วสูงกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเกินกว่าอัตราความเร็วที่กฎหมายกำหนด ทั้งๆ ที่จำเลยที่ 2 เห็นอยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 กำลังขับรถเลี้ยวขวาผ่านทางแยก ขณะที่เห็นรถจำเลยที่ 2 อยู่ห่างทางแยกถึง 40 เมตร ซึ่งเป็นระยะทางไกลพอสมควรที่จำเลยที่ 2 สามารถจะลดความเร็วลงได้ให้พอแก่ความปลอดภัย แต่หาได้กระทำไม่ เป็นเหตุให้ชนรถที่จำเลยที่ 1 ขับ จนมีผู้ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำโดยประมาทแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1598/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือกาบที่ใช้เป็นพาหนะนำคนต่างด้าวเข้าประเทศผิดกฎหมาย
จำเลยใช้เรือกาบของกลางเป็นพาหนะพาคนต่างด้าวสัญชาติลาวเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ในทางอื่นซึ่งมิใช่ช่องทางที่รัฐบาลได้ประกาศกำหนดให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรและไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองโดยจำเลยได้รับเงินเป็นค่าจ้างจากคนต่างด้าวจำนวน 2,000 บาท เรือกาบพร้อมด้วยไม้พายจึงเป็นทรัพย์ที่จำเลยใช้เพื่อให้ได้รับผลในการกระทำความผิดโดยตรง จึงเป็นของควรริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)
of 205