คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ขจร หะวานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,047 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การท้าทายข้อกฎหมายในคดีแรงงาน และผลผูกพันของข้อตกลงต่อโจทก์ที่ไม่ได้ร่วมท้า
โจทก์ทั้งเจ็ดคนและจำเลยตกลงท้ากันให้ศาลแรงงานวินิจฉัยว่า การที่ ร. ค้างชำระค่าจ้างโจทก์นั้นจำเลยจะต้องรับผิดด้วยหรือไม่ ถ้าจำเลยไม่ต้องรับผิดโจทก์ยอมแพ้คดี ถ้าต้องรับผิดจำเลยยอมใช้ค่าจ้างตามฟ้อง เมื่อศาลแรงงานวินิจฉัยว่าจำเลยต้องรับผิดใช้ค่าจ้างแก่โจทก์ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ข้อ 7 จำเลยก็ต้องแพ้คดีตามคำท้าหาจำต้องวินิจฉัยว่าลักษณะคดีเป็นจ้างทำของหรือจ้างแรงงานไม่ แต่เมื่อปรากฏว่าศาลแรงงานมิได้พิพากษาให้จำเลยชำระค่าจ้างแก่โจทก์ที่ 5 ซึ่งร่วมท้าด้วย เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ที่ 5 ด้วย
ในวันท้ากันดังกล่าวศาลแรงงานจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า โจทก์จำเลยและทนายจำเลยมาศาล แต่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์ที่1ในรายงานนั้น และไม่แจ้งว่าโจทก์ที่ 1 ไม่มาศาล คำท้าจะมีผลผูกพันโจทก์ที่ 1 ด้วยหรือไม่ ข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอแก่การวินิจฉัย ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานดำเนินการพิจารณาในข้อนี้แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับข้อตกลงท้าทายทางกฎหมายในคดีแรงงาน และผลผูกพันต่อผู้แทนดำเนินคดี
โจทก์ทั้งเจ็ดคนและจำเลยตกลงท้ากันให้ศาลแรงงานวินิจฉัยว่า การที่ ร. ค้างชำระค่าจ้างโจทก์นั้นจำเลยจะต้องรับผิดด้วยหรือไม่ ถ้าจำเลยไม่ต้องรับผิดโจทก์ยอมแพ้คดี ถ้าต้องรับผิดจำเลยยอมใช้ค่าจ้างตามฟ้อง เมื่อศาลแรงงานวินิจฉัยว่าจำเลยต้องรับผิดใช้ค่าจ้างแก่โจทก์ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ข้อ 7 จำเลยก็ต้องแพ้คดีตามคำท้าหาจำต้องวินิจฉัยว่าลักษณะคดีเป็นจ้างทำของหรือจ้างแรงงานไม่ แต่เมื่อปรากฏว่าศาลแรงงานมิได้พิพากษาให้จำเลยชำระค่าจ้างแก่โจทก์ที่ 5 ซึ่งร่วมท้าด้วย เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ที่ 5 ด้วย
ในวันท้ากันดังกล่าวศาลแรงงานจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าโจทก์จำเลยและทนายจำเลยมาศาล แต่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์ที่1 ในรายงานนั้น และไม่แจ้งว่าโจทก์ที่ 1 ไม่มาศาลคำท้าจะมีผลผูกพันโจทก์ที่ 1 ด้วยหรือไม่ ข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอแก่การวินิจฉัย ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานดำเนินการพิจารณาในข้อนี้แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อห้ามฟ้องซ้ำประเด็นภารจำยอม: มาตรา 148 ว.พ.พ.
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยและศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับให้จำเลยจัดการจดทะเบียนสิทธิภารจำยอมดังกล่าว คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน คือทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่กรณีจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 มิให้โจทก์รื้อร้องฟ้องในประเด็นตามคำขอท้ายฟ้องในคดีนี้ซึ่งโจทก์อาจมีคำขอได้อยู่แล้วในคดีก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องร้องบังคับจดทะเบียนสิทธิภารจำยอมซ้ำ กรณีเคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยและศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับให้จำเลยจัดการจดทะเบียนสิทธิภารจำยอมดังกล่าว คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน คือทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ กรณีจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 มิให้โจทก์รื้อร้องฟ้องในประเด็นตามคำขอท้ายฟ้องในคดีนี้ซึ่งโจทก์อาจมีคำขอได้อยู่แล้วในคดีก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ถูกเพิกถอน ย่อมเป็นเหตุให้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายสิ้นสุดลง
โจทก์ฟ้องให้จำเลยผู้เป็นนายจ้างจ่ายค่าเสียหายโดยอาศัยคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์เป็นหลักแห่งข้อหา เมื่อปรากฏว่าศาลฎีกาได้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวแล้วเช่นนี้ถือว่าโจทก์ขาดข้ออ้างซึ่งอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาที่ให้จำเลยต้องรับผิด โจทก์จึงไม่มีสิทธิอ้างคำสั่งดังกล่าวมาเรียกร้องค่าเสียหายในคดีนี้ได้ ศาลชอบที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ถูกเพิกถอน โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากคำสั่งเดิม
โจทก์ฟ้องให้จำเลยผู้เป็นนายจ้างจ่ายค่าเสียหายโดยอาศัยคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์เป็นหลักแห่งข้อหา เมื่อปรากฏว่าศาลฎีกาได้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวแล้วเช่นนี้ ถือว่าโจทก์ขาดข้ออ้างซึ่งอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาที่ให้จำเลยต้องรับผิด โจทก์จึงไม่มีสิทธิอ้างคำสั่งดังกล่าวมาเรียกร้องค่าเสียหายในคดีนี้ได้ ศาลชอบที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่ารักษาพยาบาลลูกจ้าง: การบาดเจ็บจากวัวไม่ได้เกิดจากการกระทำโดยตรงของลูกจ้าง
การที่วัวของลูกจ้างจะออกลูก ลูกจ้างจึงให้สัตวแพทย์ ไป ทำคลอด สัตวแพทย์ให้ลูกจ้างช่วยจับวัว แล้ววัวเตะลูกจ้างซี่โครงหัก นั้น แม้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างจะระบุว่า ลูกจ้างไม่มีสิทธิ เบิกเงินค่ารักษาพยาบาลหากการเจ็บป่วยนั้นลูกจ้างก่อให้เกิดขึ้นเองก็ตาม แต่การ เจ็บป่วยดังกล่าวลูกจ้างไม่อาจคาดคิดมาก่อน และมิใช่เป็นผลโดยตรงจากการที่ลูกจ้างเข้าไปจับวัว จึงหาใช่เป็นการเจ็บป่วยที่ลูกจ้างก่อให้เกิดขึ้นเองแต่อย่างใดไม่ นายจ้างต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลแก่ลูกจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่ารักษาพยาบาลลูกจ้าง: การบาดเจ็บจากเหตุสุดวิสัย ไม่ถือเป็นการก่อให้เกิดเอง
การที่วัวของลูกจ้างจะออกลูก ลูกจ้างจึงให้สัตวแพทย์ ไป ทำคลอด สัตวแพทย์ให้ลูกจ้างช่วยจับวัว แล้ววัวเตะลูกจ้างซี่โครงหักนั้น แม้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างจะระบุว่า ลูกจ้างไม่มีสิทธิเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลหากการเจ็บป่วยนั้นลูกจ้างก่อให้เกิดขึ้นเองก็ตาม แต่การเจ็บป่วยดังกล่าวลูกจ้างไม่อาจคาดคิดมาก่อน และมิใช่เป็นผลโดยตรงจากการที่ลูกจ้างเข้าไปจับวัว จึงหาใช่เป็นการเจ็บป่วยที่ลูกจ้างก่อให้เกิดขึ้นเองแต่อย่างใดไม่ นายจ้างต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลแก่ลูกจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421-422/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายบำเหน็จและค่าชดเชยของรัฐวิสาหกิจ การออกข้อบังคับใหม่ทำให้ระเบียบเดิมสิ้นผล
การที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จำเลยออกคำสั่งให้นำเอาระเบียบการจ่ายเงินบำเหน็จและเงินทำขวัญลูกจ้าง พ.ศ.2502 ของทางราชการมาใช้บังคับโดยอนุโลมย่อมทำได้ เมื่อจำเลยได้ตราข้อบังคับองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ฉบับที่ 10 ว่าด้วยกองทุนบำเหน็จผู้ปฏิบัติการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ขึ้นมาใช้บังคับ ซึ่งมีคำจำกัดความ วิธีจัดตั้งกองทุนบำเหน็จหลักเกณฑ์การจ่ายบำเหน็จ วิธีการควบคุมรายรับ รายจ่าย ของกองทุนบำเหน็จทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้ใช้ระเบียบการจ่ายบำเหน็จและเงินทำขวัญลูกจ้าง พ.ศ.2502 อีกต่อไปแล้ว หากแต่ใช้ข้อบังคับองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ฉบับที่10 ถือปฏิบัติต่อไป ที่มาแห่งการตั้งกองทุนบำเหน็จเป็นคนละเรื่องกับที่มาแห่งค่าชดเชยหลักเกณฑ์การจ่ายบำเหน็จก็แตกต่างจากการจ่ายค่าชดเชย ถือไม่ได้ว่าบำเหน็จที่โจทก์ได้รับจากจำเลยเป็นค่าชดเชย จำเลยจึงต้องมีหน้าที่จ่ายเงินค่าชดเชยแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 337/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนพนักงาน-อายุงานต่อเนื่อง-ค่าชดเชย-เงินบำเหน็จ: สิทธิลูกจ้างเมื่อมีการเปลี่ยนนายจ้าง
บริษัท ม. กับจำเลยเป็นนิติบุคคลต่างหากจากกัน การที่บริษัท ม.ออกคำสั่งชี้แจงแก่โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท ศ. ก่อนมีการโอนพนักงานว่า เงินเดือนให้รับในอัตราและวิธีการเดิมไปพลางก่อนจนกว่าบริษัท ม. จะปรับปรุงระเบียบข้อบังคับใหม่ จึงหาผูกพันจำเลยไม่ และเมื่อพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพจำเลยบัญญัติว่า ให้ดำเนินการรับบรรจุแต่งตั้งพนักงานของบริษัทม. เป็นพนักงานของจำเลย และคณะกรรมการจำเลยมีมติว่า ให้พนักงานรับเงินเดือนเช่นเดิมจนกว่าจะพิจารณาจัดแบ่งส่วนงานและจัดบุคคลลงในตำแหน่งแล้ว จึงหมายความว่าเมื่อแบ่งส่วนงานและจัดบุคคลลงในตำแหน่งเสร็จ เงินเดือนอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ได้ ดังนั้น เมื่อจำเลยให้โจทก์รับเงินเดือนตามตำแหน่งถูกต้องตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยจ่ายเงินเดือนให้โจทก์ไม่ครบถ้วน
แต่เมื่อก่อนการโอนพนักงานของบริษัท ศ. รวมทั้งโจทก์มาเป็นพนักงานของบริษัท ม. นั้น บริษัท ม. ได้ออกคำชี้แจงให้ผู้ใคร่ขอรับค่าชดเชยมายื่นความจำนงขอรับแต่จะหมดสิทธิการนับอายุงานต่อเนื่อง โจทก์ไม่ประสงค์รับค่าชดเชย อายุการทำงานของโจทก์ต้องนับต่อเนื่องตั้งแต่โจทก์เข้าทำงานที่บริษัท ศ.และเมื่อจำเลยรับโอนพนักงานของบริษัท ม. มาเป็นพนักงานของจำเลย โดยให้พนักงานทุกคนอยู่ในตำแหน่งเดิมที่ปฏิบัติงานอยู่กับบริษัท ม.และให้ได้รับเงินเดือนเดิม จึงเป็นการโอนการจ้างอันต้องนับอายุการทำงานของโจทก์ต่อเนื่องจากที่มีอยู่ในขณะเป็นลูกจ้างของบริษัท ม. เช่นกัน ดังนั้น เมื่อข้อบังคับของจำเลยว่าด้วยเงินบำเหน็จมิได้มีข้อความแสดงให้เห็นว่าประสงค์จะให้นับเวลาทำงานของพนักงานเฉพาะที่เป็นพนักงานของจำเลยแต่อย่างใด การนับอายุการทำงานของโจทก์เพื่อรับบำเหน็จจึงต้องนับต่อเนื่องตั้งแต่โจทก์เข้าทำงานกับบริษัท ศ.
จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปรับค่าชดเชยโดยระบุว่าได้นำเงินประจำตำแหน่งมารวมเป็นฐานในการคำนวณค่าชดเชยให้ด้วยแล้ว แม้หนังสือดังกล่าวมิได้แจ้งว่าจำนวนค่าชดเชยเป็นจำนวนเท่าใด ก็แสดงว่าจำเลยคำนวณค่าชดเชยถูกต้องแล้ว การที่โจทก์ไม่ไปรับค่าชดเชย จึงเป็นผู้ผิดนัด จำเลยคงต้องใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่วันเลิกจ้างถึงวันที่โจทก์ ได้รับแจ้งดังกล่าว
of 205