คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ขจร หะวานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,047 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดก, การรับพยานเพิ่มเติม, และการพิเคราะห์ข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบเพื่อวินิจฉัยทรัพย์มรดก
สิทธิการเช่าตึกแถว มีราคาและอาจโอนกันได้ จึงเป็นทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 99
พยานหลักฐานที่จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมภายหลังสืบพยาน โจทก์เสร็จ เป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับสูติบัตรที่โจทก์อ้างหมายจ. 1 นั่นเองจึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานที่ขออ้างเพิ่มเติมนั้นมาสืบ หรือไม่ทราบว่าพยานหลักฐานนั้นมีอยู่ การที่จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมเมื่อเสร็จการสืบพยานของโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน จึงไม่มีเหตุอันสมควรอนุญาตให้ระบุอ้างพยานเพิ่มเติมได้
แม้โจทก์ฟ้องอ้างว่ารถคันพิพาทเป็นทรัพย์มรดก แต่ทางพิจารณากลับได้ความตามที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยได้ขายทรัพย์มรดกอื่นไปแล้วไม่ถึงหนึ่งเดือน จำเลยก็ซื้อรถคันพิพาท ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้นำสืบว่าจำเลยขายทรัพย์อะไรไป ศาลก็มีอำนาจพิเคราะห์ข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบรับดังกล่าวประกอบกับพยานหลักฐานในสำนวนและฟังว่าจำเลยขายทรัพย์มรดกอื่นเอาเงินมาซื้อรถคันพิพาท และถือได้ว่ารถคันพิพาทเป็นทรัพย์มรดก หาเป็นการนอกฟ้องและนอกคำให้การไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดิน: เจ้าของกรรมสิทธิ์มีสิทธิเรียกคืน แม้ผู้รุกล้ำไม่ได้เป็นผู้สร้างสิ่งปลูกสร้าง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลูกบ้านและรั้วรุกล้ำที่ดินพิพาทของโจทก์จำเลยให้การว่าได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์มิได้ให้การว่าเป็นกรณีปลูกบ้านรุกล้ำที่ดินพิพาทของโจทก์โดยสุจริตคดีจึงไม่มีประเด็นให้ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยมีสิทธิใช้ที่ดินพิพาทของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1312 หรือไม่ แม้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและรั้วที่รุกล้ำที่พิพาทไม่ได้ เป็นผู้ปลูก บ้านและรั้วก็ตาม โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทก็มีสิทธิที่จะเรียกเอาที่พิพาทคืนจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1336 โดยให้จำเลยรื้อถอนบ้านและรั้วออกไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 827/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี ครอบคลุมทั้งเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง จนกว่าจะชำระหนี้ครบถ้วน
สัญญาค้ำประกันการเบิกเงินเกินบัญชีที่ผู้ค้ำประกันยอมเข้าค้ำประกันการชำระหนี้รวมทั้งดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทน ซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้จนกว่าธนาคารโจทก์จะได้รับชำระหนี้โดยสิ้นเชิงนั้นเมื่อสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีมีวงเงิน 200,000 บาทผู้ค้ำประกันย่อมต้องรับผิดตามสัญญาในวงเงิน 200,000 บาท รวมทั้งดอกเบี้ยจนกว่าธนาคารโจทก์จะได้รับชำระหนี้โดยสิ้นเชิง มิใช่รับผิดเฉพาะเพียงในวงเงิน 200,000 บาทเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 827/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันเบิกเงินเกินบัญชี ครอบคลุมหนี้รวมทั้งดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระหนี้สิ้นเชิง
สัญญาค้ำประกันการเบิกเงินเกินบัญชีที่ผู้ค้ำประกันยอมเข้าค้ำประกันการชำระหนี้รวมทั้งดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทน ซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้จนกว่าธนาคารโจทก์จะได้รับชำระหนี้โดยสิ้นเชิงนั้น เมื่อสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีมีวงเงิน 200,000 บาท ผู้ค้ำประกันย่อมต้องรับผิดตามสัญญาในวงเงิน 200,000 บาท รวมทั้งดอกเบี้ยจนกว่าธนาคารโจทก์จะได้รับชำระหนี้โดยสิ้นเชิง มิใช่รับผิดเฉพาะเพียงในวงเงิน 200,000 บาท เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814-815/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินผลประโยชน์กองทุนเมื่อออกจากงาน หักค่าชดเชยได้ ไม่เป็นการหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชย
โจทก์ออกจากงานได้รับเงินผลประโยชน์ ซึ่งคำนวณตามกฎข้อบังคับว่าด้วยโครงการกองทุนผลประโยชน์ เมื่อออกจากงานของจำเลยข้อ 12(3) ไปแล้ว โดยต้องหักด้วยจำนวนเงินเท่ากับค่าชดเชยตามกฎหมายออกเสียก่อน ตามข้อ 15(1)(ข) เหลือเท่าใดจึงจ่ายให้แก่ลูกจ้างผู้เป็นสมาชิกตามข้อ 12(1) เช่นนี้ เงินผลประโยชน์ที่โจทก์รับไปนั้นจึงมีค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานรวมอยู่ด้วยครบถ้วนแล้ว หาใช่มีเพียงเงินผลประโยชน์เพียงประเภทเดียวไม่
การที่นายจ้างกับลูกจ้างตกลงกันว่า จำนวนเงินผลประโยชน์ที่ลูกจ้างจะได้รับให้หักด้วยจำนวนเงินเท่ากับค่าชดเชยตามกฎหมายออกเสียก่อน เป็นการตกลงกันในเรื่องเงินผลประโยชน์โดยเฉพาะ ไม่เป็นการหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชย ข้อตกลงดังกล่าวจึงใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814-815/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินผลประโยชน์กองทุนฯ หักค่าชดเชยได้ ไม่ถือเป็นการหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย
โจทก์ออกจากงานได้รับเงินผลประโยชน์ ซึ่งคำนวณตามกฎข้อบังคับว่าด้วยโครงการกองทุนผลประโยชน์ เมื่อออกจากงานของจำเลยข้อ 12(3)ไปแล้ว โดยต้องหักด้วยจำนวนเงินเท่ากับค่าชดเชยตามกฎหมายออกเสียก่อน ตามข้อ 15(1)(ข) เหลือเท่าใดจึงจ่ายให้แก่ลูกจ้างผู้เป็นสมาชิกตามข้อ 12(1) เช่นนี้ เงินผลประโยชน์ที่โจทก์รับไปนั้นจึงมีค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานรวมอยู่ด้วยครบถ้วนแล้ว หาใช่มีเพียงเงินผลประโยชน์เพียงประเภทเดียวไม่
การที่นายจ้างกับลูกจ้างตกลงกันว่า จำนวนเงินผลประโยชน์ที่ลูกจ้างจะได้รับให้หักด้วยจำนวนเงินเท่ากับค่าชดเชยตามกฎหมายออกเสียก่อน เป็นการตกลงกันในเรื่องเงินผลประโยชน์โดยเฉพาะ ไม่เป็นการหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชย ข้อตกลงดังกล่าวจึงใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้าง กรณีฝ่าฝืนระเบียบและแสดงกิริยาไม่สุภาพ ไม่ถึงขั้นร้ายแรงเพียงพอต่อการเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
ลูกจ้างเมาสุรา ไม่สวมเสื้อในขณะปฏิบัติงาน อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับนั้น หาเป็นกรณีฝ่าฝืนที่ร้ายแรงไม่ และเมื่อนายจ้างบอกให้ลูกจ้างสวมเสื้อก็พูดว่า "คุณไม่เกี่ยว" นายจ้างสั่งให้ออกไปจากโรงงานก็พูดว่า "กูจะอยู่ที่นี่ได้ไหม" และเมื่อออกไปหน้าโรงงานก็พูดว่า "กูจะเข้าไปไม่ได้หรือ" ถ้อยคำดังกล่าวเป็นเพียงคำไม่สุภาพและก้าวร้าวหาเป็นความผิดทางอาญาฐานดูหมิ่น ซึ่งหน้าอันจะเป็นข้อยกเว้นที่นายจ้างเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้าง: พฤติกรรมไม่สุภาพ-ก้าวร้าว ไม่ถึงขั้นร้ายแรง เลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยไม่ได้
ลูกจ้างเมาสุรา ไม่สวมเสื้อในขณะปฏิบัติงาน อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับนั้น หาเป็นกรณีฝ่าฝืนที่ร้ายแรงไม่ และเมื่อนายจ้างบอกให้ลูกจ้างสวมเสื้อก็พูดว่า'คุณไม่เกี่ยว' นายจ้างสั่งให้ออกไปจากโรงงานก็พูดว่า'กูจะอยู่ที่นี่ได้ไหม' และเมื่อออกไปหน้าโรงงานก็พูดว่า 'กูจะเข้าไปไม่ได้หรือ' ถ้อยคำดังกล่าวเป็นเพียงคำไม่สุภาพและก้าวร้าว หาเป็นความผิดทางอาญาฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าอันจะเป็นข้อยกเว้นที่นายจ้างเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739-740/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ศาลพิจารณาเหตุผลประกอบข้อตกลงสภาพการจ้างได้ แม้ไม่มีกฎหมายเฉพาะ
การเลิกจ้างอย่างไรเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 นั้น ศาลสามารถวินิจฉัยได้โดยคำนึงถึงเหตุอันควรไม่ควรในการเลิกจ้าง.ประกอบกับระเบียบข้อบังคับการทำงานซึ่งถือได้ว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ซึ่งไม่จำต้องวินิจฉัยโดยอาศัยหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121, 123 ซึ่งเป็นคนละกรณีกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739-740/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: ศาลวินิจฉัยได้โดยพิจารณาเหตุผลและความเหมาะสมตามข้อตกลงสภาพการจ้าง
การเลิกจ้างอย่างไรเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49 นั้น ศาลสามารถวินิจฉัยได้โดยคำนึงถึงเหตุอันควรไม่ควรในการเลิกจ้าง.ประกอบกับระเบียบข้อบังคับการทำงานซึ่งถือได้ว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ซึ่งไม่จำต้องวินิจฉัยโดยอาศัยหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121,123ซึ่งเป็นคนละกรณีกัน
of 205