คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ขจร หะวานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,047 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 118/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้โรงงานไม่เสียหายจากน้ำท่วม แต่การปิดโรงงานมิอาจปฏิเสธการจ่ายค่าจ้างได้ ตราบใดที่ลูกจ้างพร้อมทำงาน
การที่น้ำท่วมบริเวณโรงงานแต่มิได้ท่วมตัวโรงงาน จนนายจ้างต้องปิดโรงงาน ประกอบกับลูกจ้างพร้อมที่จะทำงานให้แก่นายจ้างนั้น พฤติการณ์ดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นเหตุขัดขวางในการที่นายจ้างจะจ่ายค่าจ้างแก่ลูกจ้าง และกรณีไม่ถือว่าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้ซึ่งลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ นายจ้างยังไม่หลุดพ้นจากการชำระค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74-75/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะลูกจ้างไม่ได้จำกัดเฉพาะบุคคลที่กฎหมายบัญญัติ แม้เป็นเจ้าพนักงานก็อาจเป็นลูกจ้างได้
บุคคลใดจะมีฐานะเป็นลูกจ้างหรือไม่นั้น ย่อมเป็นไปตามคำนิยามของคำว่า 'ลูกจ้าง' ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน บุคคลที่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายก็อาจเป็นลูกจ้างได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา แม้ระบุวันเวลาเกิดเหตุไม่ชัดเจน หากบรรยายตามที่ทราบและจำเลยไม่หลงต่อสู้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า 'เมื่อวันเดือนใดไม่ปรากฏจนถึงปัจจุบัน ทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืนต่อเนื่องกันตลอดมา จำเลยทั้งสองร่วมกันบังอาจบุกรุกที่ดินและทำให้เสียทรัพย์ โจทก์เพิ่งทราบการกระทำผิดของจำเลยเมื่อเดือนมกราคม 2523' เห็นได้ว่า โจทก์ไม่ทราบแน่ชัดว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดวันเวลาใด แต่โจทก์ได้บรรยายเกี่ยวกับเวลาที่เกิดการกระทำผิดเท่าที่ทราบพอสมควรที่จะให้จำเลยทั้งสองเข้าใจแล้วไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้หรือเสียเปรียบ ฟ้องของโจทก์จึงมีข้อความสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: วันเวลาเกิดเหตุที่ไม่ชัดเจนแต่โจทก์บรรยายตามที่ทราบ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า "เมื่อวันเดือนใดไม่ปรากฏจนถึงปัจจุบัน ทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืนต่อเนื่องกันตลอดมา จำเลยทั้งสองร่วมกันบังอาจบุกรุกที่ดินและทำให้เสียทรัพย์ โจทก์เพิ่งทราบการกระทำผิดของจำเลยเมื่อเดือนมกราคม 2523" เห็นได้ว่า โจทก์ไม่ทราบแน่ชัดว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดวันเวลาใด แต่โจทก์ได้บรรยายเกี่ยวกับเวลาที่เกิดการกระทำผิดเท่าที่ทราบพอสมควรที่จะให้จำเลยทั้งสองเข้าใจแล้วไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้หรือเสียเปรียบ ฟ้องของโจทก์จึงมีข้อความสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16-17/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิลูกจ้าง: เลือกรับเงินบำเหน็จไม่สละสิทธิค่าชดเชย และค่าชดเชยถือเป็นหนี้ผิดนัดเมื่อเลิกจ้าง
เมื่อโจทก์มีสิทธิจะได้รับทั้งเงินบำเหน็จและค่าชดเชย การที่ จำเลยให้โจทก์ขอรับเงินได้ประเภทเดียวเป็นการปฏิเสธจ่ายเงินอีก ประเภทหนึ่งโจทก์จึงต้องขอรับเงินบำเหน็จซึ่งมีจำนวนสูงกว่า ถือไม่ได้ว่าโจทก์สละสิทธิเรียกร้องค่าชดเชย
ค่าชดเชยเป็นเงินที่นายจ้างต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้างเมื่อไม่จ่ายย่อมถือว่าผิดนัดนับแต่วันเลิกจ้างโดยมิพักต้องเรียกร้องหรือทวงถาม เมื่อผิดนัดก็ต้องเสียดอกเบี้ย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างและการจ่ายค่าชดเชย นายจ้างต้องตักเตือนเป็นหนังสือเว้นแต่ความผิดร้ายแรง
แม้การที่โจทก์ดื่มสุราในหอพักจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานก็ตาม แต่การฝ่าฝืนนั้นนายจ้างจะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยได้ก็ต่อเมื่อได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรงก็ไม่จำต้องตักเตือน ดังนั้น เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุดังกล่าวโดยไม่เคยมีหนังสือตักเตือนโจทก์ จำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์เพราะการดื่มสุราส่งเสียงดังไม่ใช่กรณีที่ร้ายแรง ทั้งข้อบังคับก็ไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นความผิดร้ายแรงด้วย
ส่วนการที่โจทก์ไปพูดขอยืมปืนจากยามเพื่อจะไปยิงน้องชายจำเลยซึ่งเป็นนายจ้าง การกระทำของโจทก์ก็ยังไม่เป็นความผิด ไม่เข้าเกณฑ์การกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างไม่เข้าข้อยกเว้นที่จำเลยจะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยอีกเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างต้องตักเตือนเป็นหนังสือก่อน เว้นแต่กรณีร้ายแรง การกระทำผิดทางอาญาไม่ถึงขั้นไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
แม้การที่โจทก์ดื่มสุราในหอพักจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานก็ตาม แต่การฝ่าฝืนนั้นนายจ้างจะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยได้ก็ต่อเมื่อได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรงก็ไม่จำต้องตักเตือน ดังนั้น เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุดังกล่าวโดยไม่เคยมีหนังสือตักเตือนโจทก์ จำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์เพราะการดื่มสุราส่งเสียงดังไม่ใช่กรณีที่ร้ายแรง ทั้งข้อบังคับก็ไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นความผิดร้ายแรงด้วย
ส่วนการที่โจทก์ไปพูดขอยืมปืนจากยามเพื่อจะไปยิงน้องชายจำเลยซึ่งเป็นนายจ้าง การกระทำของโจทก์ก็ยังไม่เป็นความผิด ไม่เข้าเกณฑ์การกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง ไม่เข้าข้อยกเว้นที่จำเลยจะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยอีกเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายค่าชดเชยกรณีเกษียณอายุของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ และอายุความในการฟ้องเรียกค่าชดเชย
วัตถุประสงค์ขององค์การอุตสาหกรรมห้องเย็น ตาม พระราชกฤษฎีกา จัดตั้งองค์การอุตสาหกรรมห้องเย็น แสดงว่ากิจการ ที่องค์การดังกล่าวดำเนินการหาใช่งานเกษตรไม่ และการประกอบ ธุรกิจขององค์การก็เป็นการจ้างงานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไร ในทางเศรษฐกิจ และองค์การนี้ก็ไม่ใช่ส่วนราชการที่เป็นกรมหรือ ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกด้วย จึงไม่ได้รับยกเว้นมิให้นำประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานมาใช้บังคับ
การที่พนักงานรัฐวิสาหกิจต้องพ้นจากตำแหน่งเมื่ออายุครบหกสิบปีบริบูรณ์หรือเกษียณอายุ ไม่เป็นการจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างที่แน่นอน เมื่อพนักงานต้องพ้นจากตำแหน่งไปเพราะเหตุดังกล่าวจึงเป็นการเลิกจ้างหรือให้ออกจากงานซึ่งนายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้
เงินกองทุนบำเหน็จตามข้อบังคับคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมห้องเย็นเป็นเงินประเภทอื่น ซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง จึงไม่อาจถือว่าเป็นค่าชดเชยได้
การฟ้องเรียกค่าชดเชยไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้ต้องถือว่ามีอายุความ 10 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4052/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างแรงงานมีกำหนดเวลาแน่นอน การต่ออายุหรือเลิกสัญญาไม่กระทบระยะเวลาเดิม และไม่ทำให้เกิดสิทธิค่าชดเชย
สัญญาจ้างแรงงานมีกำหนดเวลาจ้างที่แน่นอน และมีข้อความกำหนดวิธีการที่จะต่อสัญญาหรือเลิกสัญญาไว้ว่า ผู้ว่าจ้างจะได้แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้รับจ้างทราบ เมื่อนายจ้างต่ออายุสัญญาออกไป จึงเป็นการกำหนดระยะเวลาในการจ้างขึ้นใหม่ ไม่ใช่เป็นการขยายระยะเวลาในสัญญาเดิม จึงไม่กระทบกระเทือนต่อกำหนดเวลาในสัญญาเดิมที่ระบุจำนวนปีแน่นอนอยู่แล้ว ส่วนการเลิกสัญญา ซึ่งอาจมีขึ้นก็เป็นเรื่องที่จะตกลงกันใหม่ยกเลิกกำหนดเวลาในสัญญาเดิมเสีย หาใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาในสัญญาจ้างฉบับเดิมไม่ สำหรับข้อความตามสัญญาที่ว่าถ้าไม่มีการแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้รับจ้างทราบ ให้ถือว่าการจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างตามสัญญานั้นมีไว้เพื่อเป็นการลดหน้าที่ของผู้ว่าจ้างในกรณีไม่ต่ออายุสัญญาเท่านั้น ไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงความแน่นอนของระยะเวลาตามสัญญาจ้างที่มีอยู่แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4051/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีภาษีโรงเรือน: ต้องชำระภาษีประเมินก่อนฟ้อง
โจทก์ได้รับทราบคำชี้ขาดของจำเลยให้เสียภาษีตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยประเมินไว้แล้ว โจทก์ไม่พอใจคำชี้ขาดของจำเลย แต่โจทก์ไม่ยอมชำระค่าภาษีตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยประเมินไว้ กลับนำคดีมาฟ้องจำเลยต่อศาลว่าการประเมินไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติมาตรา 31 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยดังกล่าวจึงต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติมาตรา 39 คือโจทก์ต้องชำระค่าภาษีให้จำเลยไปก่อน เมื่อโจทก์ไม่ชำระค่าภาษีตามที่จำเลยประเมินไว้ก่อนฟ้องเช่นนี้ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ศาลจะรับไว้พิจารณาไม่ได้ และศาลไม่อาจที่จะสั่งให้โจทก์นำค่าภาษีมาชำระหลังจากฟ้องแล้วได้ ถือได้ว่าโจทก์ยังไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
of 205