คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ขจร หะวานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,047 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3003/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าชดเชยจากการเลิกจ้าง นายจ้างไม่อาจออกระเบียบตัดสิทธิลูกจ้างได้
ค่าชดเชยเป็นเงินที่ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 กำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างประจำซึ่งเลิกจ้าง หากนายจ้างไม่ปฏิบัติย่อมมีความผิดตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2515 ข้อ 8 นายจ้างจึงจะออกระเบียบข้อบังคับใดๆ ในทางตัดสิทธิในการที่จะได้รับค่าชดเชยหาได้ไม่ แม้จำเลยจะมีอำนาจออกระเบียบข้อบังคับใช้กับพนักงานของจำเลยก็ตาม แต่การที่จำเลยกำหนดในระเบียบว่า การเลิกจ้างพนักงานมีสิทธิได้รับเงินชดเชยหรือบำเหน็จตามระเบียบของจำเลยหรือสิทธิตามกฎหมายแรงงานอย่างใดอย่างหนึ่งและปรากฏว่าจำเลยเพียงจ่ายเงินบำเหน็จให้แก่โจทก์ เท่ากับตัดสิทธิโจทก์ที่จะได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ระเบียบดังกล่าวจึงไม่มีผลบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2996/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การย้ายงานและการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม นายจ้างมีอำนาจย้ายงานตามสัญญา หากลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งย้ายและถูกเลิกจ้าง ไม่ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
นายจ้างประสบปัญหาด้านการตลาดโดยไม่มีลูกค้าสั่งสินค้าแผนกที่ลูกจ้างทำอยู่จึงมีคำสั่งย้ายลูกจ้างไปทำงานแผนกอื่นซึ่งลูกจ้างสามารถทำได้ ตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญาจ้าง ลูกจ้างไม่ยอมย้าย นายจ้างเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรหลายครั้งก็ไม่ปฏิบัติตาม ฉะนั้น เมื่อนายจ้างเลิกจ้าง จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2996/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างมีอำนาจย้ายงานตามสัญญา หากลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งย้ายและถูกเลิกจ้าง ไม่ถือเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
นายจ้างประสบปัญหาด้านการตลาดโดยไม่มีลูกค้าสั่งสินค้าแผนกที่ลูกจ้างทำอยู่ จึงมีคำสั่งย้ายลูกจ้างไปทำงานแผนกอื่น ซึ่งลูกจ้างสามารถทำได้ ตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญาจ้าง ลูกจ้างไม่ยอมย้าย นายจ้างเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรหลายครั้งก็ไม่ปฏิบัติตาม ฉะนั้นเมื่อนายจ้างเลิกจ้าง จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2987/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องขัดทรัพย์: ภาระการพิสูจน์ตกแก่ผู้ร้องเมื่ออ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์
การร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ผู้ร้องขัดทรัพย์มีฐานะเสมือนเป็นโจทก์ ส่วนโจทก์มีฐานะเสมือนเป็นจำเลยเมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์กล่าวอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดทั้งหมดเป็นของตน แต่โจทก์ให้การยืนยันว่าเป็นของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อไม่มีข้อสันนิษฐานของกฎหมายอันเป็นคุณแก่ผู้ร้องขัดทรัพย์แล้ว ภาระการพิสูจน์ย่อมตกแก่ผู้ร้องขัดทรัพย์ที่จะนำสืบให้สมข้อกล่าวอ้างนั้น เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่สืบพยานผู้ร้องขัดทรัพย์จึงไม่อาจชนะคดีโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2961/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในเหตุละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: ผู้ขับขี่ทางโทประมาทเป็นเหตุให้ชนรถทางเอก
ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ชำนาญพอ ขับรถทางโทโดยประมาทพุ่งเข้าชนรถยนต์จำเลยที่ขับอยู่ในทางเอก ดังนี้ ความเสียหายเกิดขึ้นจากความผิดของผู้ตายฝ่ายเดียว หาใช่เป็นผลโดยตรงที่เกิดจากการที่จำเลยขับรถยนต์ เมื่อจะผ่านทางแยกด้วยความเร็วประมาณ 30 - 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกินอัตราที่กำหนดอันเป็นการฝ่าฝืนบทบังคับแห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก แต่อย่างใดไม่ ฉะนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2961/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางถนน: ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ประมาทเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย
ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ชำนาญพอ ขับออกจากทางโทโดยประมาทพุ่งเข้าชนรถยนต์จำเลยที่ขับอยู่ในทางเอกดังนี้ ความเสียหายเกิดขึ้นจากความผิดของผู้ตายฝ่ายเดียว หาใช่เป็น ผลโดยตรงที่เกิดจากการที่จำเลยขับรถยนต์เมื่อจะผ่านทางแยกด้วยความเร็วประมาณ 30-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกินอัตราที่กำหนดอันเป็นการฝ่าฝืนบทบังคับแห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ แต่อย่างใดไม่ ฉะนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2930/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกค่าสินค้า: คดีซื้อขายสินค้ามีอายุความ 2 ปีนับจากวันที่ส่งมอบสินค้า
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของร้านค้ากระทำกิจการเป็นผู้แทนจำหน่าย ขายส่งและขายปลีกเสื้อเชิ้ตจำเลยเป็นลูกค้าของโจทก์ จำเลยได้ซื้อและรับสินค้าไปจากโจทก์โดยชำระเงินสดส่วนหนึ่ง ส่วนที่ค้างจำเลยสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงฟ้องขอให้บังคับชำระหนี้ที่ค้างชำระดังนี้เป็นกรณีที่จำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์และโจทก์ซึ่งเป็นพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบสินค้าจึงมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2924/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการรับเงินสมทบและค่าจ้างค้างชำระของลูกจ้าง แม้มีการทุจริต แต่จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงเงินดังกล่าว
กฎและข้อบังคับของจำเลยข้อ 9 ที่กำหนดว่าคณะผู้บริหารมีอำนาจที่จะตัดสินเกี่ยวกับข้อพิพาทหรือปัญหาซึ่งอาจเกิดจากโครงสร้างหรือผลของข้อบังคับนี้หรือในข้อที่เกี่ยวกับการบริหารบัญชีนี้หมายความว่า อำนาจตัดสินของคณะผู้บริหารตามกฎและข้อบังคับดังกล่าวต้องเป็นเรื่องอันเกิดจากโครงสร้าง ผลของข้อบังคับและการบริหารบัญชีเท่านั้น หามีอำนาจที่จะตัดสินให้งดจ่ายเงินสมทบแก่สมาชิกในกรณีสมาชิกทุจริตต่อหน้าที่เบียดบังยักยอกเงินของจำเลยไม่
บทบัญญัติเรื่องบุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หาได้ให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ที่จะยึดหน่วงทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้ชำระหนี้ไม่
สิทธิของจำเลยที่จะเรียกเงินที่โจทก์เบียดบังยักยอกไปคืนมิได้เกี่ยวกับเงินค่าจ้างค้างชำระ เงินสะสมและเงินสมทบที่จำเลยต้องชำระให้แก่โจทก์แต่อย่างใดจำเลยจึงหามีสิทธิยึดหน่วงไม่
การที่กฎและข้อบังคับของจำเลย ข้อ 27 กำหนดว่าบริษัทย่อมทรงไว้ซึ่งบุริมสิทธิลำดับแรกและทั้งสิ้นในเงินจำนวนที่เป็นเครดิตของสมาชิกแต่ละคนในบัญชีนี้เพื่อนำมาชดใช้แก่บรรดาการสูญเสีย ราคา ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่บริษัทอาจได้รับไม่ว่าในเวลาใดเนื่องจากความผิดของสมาชิกนั้นหรือสำหรับหนี้สินใดๆ ที่สมาชิกนั้นต้องชำระให้แก่บริษัทนั้น หมายความว่าจำเลยมีสิทธิที่จะหักเงินสะสมและเงินสมทบในบัญชีของโจทก์ไว้ชำระหนี้แก่จำเลยได้หากหนี้นั้นมีจำนวนแน่นอนและไม่เกินกว่าจำนวนหนี้ที่โจทก์จะต้องชำระแก่จำเลย
การที่จำเลยอุทธรณ์ว่า จำนวนเงินที่โจทก์ยักยอกไปมีจำนวนแน่นอนนั้นเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2923/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อบังคับบริษัทจ่ายบำเหน็จสูงกว่าค่าชดเชยขัดประกาศกระทรวงมหาดไทย นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยเพิ่ม
ข้อบังคับของบริษัทจำเลยให้จ่ายเงินบำเหน็จหรือค่าชดเชยอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีจำนวนสูงกว่าอีกอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้างอีกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2911/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าทดแทนกรณีลูกจ้างถึงแก่ความตายจากการทำงาน ต้องพิสูจน์ความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างงานและโรค/การเจ็บป่วย
โรคหรือการเจ็บป่ายอย่างอื่นที่ทำให้ลูกจ้างถึงแก่ความตาย อันเป็นผลให้นายจ้างต้องจ่ายค่าทดแทน ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง โรคซึ่งเกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกับการทำงาน ฯ ข้อ 22 จะต้องเป็นโรคหรือการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น สืบเนื่องจากการทำงานของลูกจ้างโดยตรง หรืออีกนัยหนึ่งก็คืองานที่ลูกจ้างทำนั้นเป็นมูลให้เกิดโรค หรือการเจ็บป่วยขึ้น และเป็นเหตุให้ลูกจ้างถึงแก่ความตายด้วยโรคและการเจ็บป่วยดังกล่าว ปกติลูกจ้างผู้ตายมีหน้าที่คุมประแจ ทำความสะอาดสถานีรถไฟและแขวนพ่วงทางสะดวก มิใช่เป็นงานที่ก่อให้เกิดโรคหรือการเจ็บป่วยเป็นลมในปัจจุบัน เมื่อปรากฏว่าผู้ตายมิได้ทำงานตรากตรำ แต่ทำงานทุกวันโดยไม่มีวันหยุด และถึงแก่ความตายทันทีทันใดที่ปฏิบัติหน้าที่ และกำลังปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ยังถือไม่ได้ว่าผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยโรคหรือการเจ็บป่วย ซึ่งเป็นผลเนื่องจากการทำงาน
of 205