คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
คมกริช นุรักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 36 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้จัดการมรดกขายฝากทรัพย์มรดก และความรับผิดชอบเจ้าพนักงานที่ดิน
ผู้จัดการมรดกมีอำนาจขายฝากทรัพย์มรดก (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1236/2491) เมื่อขายแล้วไม่แบ่งเงินให้ทายาทก็เป็นเรื่องระหว่างผู้จัดการมรดกกับทายาทที่จะว่ากล่าวกันต่างหาก หาทำให้นิติกรรมซื้อขายที่ผู้จัดการมรดกทำไปเป็นโมฆะไม่
กรณีที่เจ้าพนักงานที่ดินรับจดทะเบียนขายฝากให้แก่ผู้จัดการมรดกโดยมิได้สอบสวนว่าทายาทได้ยินยอมและผู้จัดการมรดกมีเหตุผลในการขายสมควรอย่างไรหรือไม่นั้น ไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ เพราะไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติเช่นนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้จัดการมรดกขายฝากทรัพย์มรดก และความรับผิดของเจ้าพนักงานที่ดิน
ผู้จัดการมรดกมีอำนาจขายฝากทรัพย์มรดก (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1236/2491) เมื่อขายแล้วไม่แบ่งเงินให้ทายาทก็เป็นเรื่องระหว่างผู้จัดการมรดกกับทายาทที่จะว่ากล่าวกันต่างหาก หาทำให้นิติกรรมซื้อขายที่ผู้จัดการมรดกทำไปเป็นโมฆะไม่
การที่เจ้าพนักงานที่ดินรับจดทะเบียนขายฝากให้แก่ผู้จัดการมรดกโดยมิได้สอบสวนว่าทายาทได้ยินยอมและผู้จัดการมรดกมีเหตุผลในการขายสมควรอย่างไรหรือไม่นั้น ไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ เพราะไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติเช่นนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคืนการให้โดยอ้างยากไร้ ต้องยากไร้จริงตามกฎหมาย
สามีโจทก์ยกที่นาทำกินให้บุตรชาย 4 คน โจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยเมื่อยกให้แล้วโจทก์กับสามียังมีที่ดินปลูกบ้านพร้อมเรือนอยู่อาศัย 2 หลัง มีที่ดินปลูกบ้านอีก 2 ไร่ และที่ดินนาทำกิน 5 ไร่ เช่านาจากคนอื่นทำ 20 ไร่ มีกระบือทำนา 2 ตัว บุตรชาย 4 คนที่ได้รับที่ดินได้ให้เงินและสิ่งของแก่โจทก์และสามีเป็นครั้งคราวตามฐานะ ส่วนจำเลยเคยใช้ข้าวเปลือก 50 ถัง ให้เงินครั้งละ 100-200 บาท ดังนี้แม้โจทก์จะยากจนก็เป็นฐานะตามปกติตั้งแต่โจทก์และสามียกที่ดินให้ลูกอยู่แล้วหาใช่เพิ่งยากจนลงในตอนหลังไม่ ความยากจนดังกล่าวไม่ถึงขนาดเป็นยากไร้ ตามความหมายของมาตรา 531 (3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นแม้จะฟังว่าโจทก์ให้ที่พิพาทแก่จำเลยโดยเสน่หาและจำเลยไม่ยอมให้ข้าวเปลือกแก่โจทก์ 50 ถังตามที่โจทก์ขอ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอคืนที่พิพาทจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคืนการให้โดยอ้างยากจน: ต้องยากจนถึงขั้นยากไร้ตามกฎหมายเท่านั้น
สามีโจทก์ยกที่นาทำกินให้บุตรชาย 4 คน โจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลย เมื่อยกให้แล้วโจทก์กับสามียังมีที่ดินปลูกบ้านพร้อมเรือนอยู่อาศัย 2 หลัง มีที่ดินปลูกบ้านอีก 2 ไร่ และที่ดินทำกิน 5 ไร่ เช่านาจากคนอื่นทำ 20 ไร่ มีกระบือทำนา 2 ตัว บุตรชาย 4 คนที่ได้รับที่ดินได้ให้เงินและสิ่งของแก่โจทก์และสามีเป็นครั้งคราวตามฐานะ ส่วนจำเลยเคยให้ข้าวเปลือก 50 ถังให้เงินครั้งละ 100-200 บาท ดังนี้แม้โจทก์จะยากจนก็เป็นฐานะตามปกติตั้งแต่โจทก์และสามียกที่ดินให้ลูกอยู่แล้ว หาใช่เพิ่งยากจนลงในตอนหลังไม่ ความยากจนดังกล่าวไม่ถึงขนาดเป็นคนยากไร้ตามความหมายของมาตรา 531(3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นแม้จะฟังว่าโจทก์ให้ที่พิพาทแก่จำเลยโดยเสน่หาและจำเลยไม่ยอมให้ข้าวเปลือกแก่โจทก์ 50 ถังตามที่โจทก์ขอ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอคืนที่พิพาทจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความมรดกและการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลมีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่ถอนอุทธรณ์
โจทก์ในฐานะทายาทฟ้องขอแบ่งที่ดินพิพาทซึ่งเคยเป็นของ ต.บิดาจากจำเลยทั้ง 7 ซึ่งเป็นทายาทและผู้รับโอนสิทธิจากทายาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งที่ดินให้โจทก์ 1 ใน 4 จำเลยอุทธรณ์ ในระหว่างอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อนุญาต คดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ยุติ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่าโจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ ต.ถึงแก่กรรม คดีของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 และคดีเป็นการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความมรดกและการบังคับใช้คำพิพากษาต่อจำเลยที่ถอนอุทธรณ์ คดีชำระหนี้ไม่อาจแบ่งแยกได้
โจทก์ในฐานะทายาทฟ้องขอแบ่งที่ดินพิพาทซึ่งเคยเป็นของต.บิดาจากจำเลยทั้ง 7 ซึ่งเป็นทายาทและผู้รับโอนสิทธิจากทายาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งที่ดินให้โจทก์ 1 ใน 4 จำเลยอุทธรณ์ ในระหว่างอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อนุญาต คดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ยุติ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่า โจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ ต.ถึงแก่กรรม คดีของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 และคดีเป็นการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ห้างหุ้นส่วนเลิกแล้ว ต้องชำระบัญชีให้เสร็จก่อน จึงมีสิทธิเรียกร้องเงินจากห้างได้
เมื่อห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนเลิกกัน ต้องจัดให้มีการชำระบัญชีหรือตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061 วรรคแรก เพื่อให้ทราบว่ากิจการมีกำไรหรือขาดทุน หุ้นส่วนแต่ละคนมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งเท่าใดหรือจะต้องชดใช้ให้ห้างหุ้นส่วนเพียงใด แล้วจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเงินหรือทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้นได้ การที่โจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้างหุ้นส่วนสามัญที่เลิกกันนำคดีมาฟ้องเรียกเงินปันผล และเงินค่าหุ้นจากผู้จัดการมรดกของผู้ถือหุ้นอื่นที่วายขนม์ไปแล้ว ทั้งๆ ที่ยังมิได้มีการชำระบัญชีหรือตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันแต่อย่างใด นั้น เป็นการยังมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ห้างหุ้นส่วนเลิกแล้ว ต้องชำระบัญชีให้เสร็จก่อน จึงมีสิทธิเรียกร้องทรัพย์สิน
เมื่อห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนเลิกกัน ต้องจัดให้มีการชำระบัญชีหรือตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061 วรรคแรกเพื่อให้ทราบว่ากิจการมีกำไรหรือขาดทุน หุ้นส่วนแต่ละคนมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งเท่าใดหรือจะต้องชดใช้ให้ห้างหุ้นส่วนเพียงใด แล้วจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเงินหรือทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้นได้การที่โจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้างหุ้นส่วนสามัญที่เลิกกันนำคดีมาฟ้องเรียกเงินปันผล และเงินค่าหุ้นจากผู้จัดการมรดกของผู้ถือหุ้นอื่นที่วายชนม์ไปแล้ว ทั้งๆที่ยังมิได้มีการชำระบัญชีหรือตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันแต่อย่างใด นั้น เป็นการยังมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการพิพากษาคดีอาญาฐานปลอมเอกสารมีผลผูกพันในคดีขับไล่ที่ดิน
คดีขับไล่จากที่ดินอ้างว่าจำเลยออก น.ส.3 ทับที่ดินของโจทก์ศาลได้พิพากษาในคดีอาญาฐานปลอมเอกสารที่โจทก์ฟ้องจำเลยแล้วว่าเอกสารในการออก น.ส.3 ไม่ปลอม ข้อนี้ผูกพันโจทก์ในคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2349/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การเรียกร้องดอกเบี้ยจำนองเมื่อไม่มีข้อตกลงชัดเจน
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า จำเลยตกลงเช่าซื้อทรัพย์สินของโจทก์ที่โจทก์จำนองไว้ต่อธนาคาร ถ้าจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระเงินให้โจทก์ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการผิดสัญญาได้ ดังนี้ เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความที่มีกล่าวถึงเรื่องไถ่ถอนจำนองก็ไม่มีข้อตกลงให้จำเลยรับผิดในเรื่องดอกเบี้ยของหนี้จำนองแต่อย่างใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดชำระดอกเบี้ยหนี้จำนองทรัพย์สินที่จำเลยเช่าซื้อจากโจทก์ และโจทก์ต้องเสียให้ธนาคารในระหว่างจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ
of 4