คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประภาศน์ อวยชัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 318 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขต ‘เคหสถาน’ และการพยายามลักทรัพย์: การกระทำภายในพื้นที่เลี้ยงสัตว์ไม่ถือเป็นบุกรุกเคหสถาน
สถานที่เกิดเหตุเป็นคอกสุกรและห้องพักคนงานซึ่งมีรั้วสังกะสีล้อมรอบทุกด้าน. คอกสุกรสร้างขึ้นเป็นวัตถุประสงค์อันสำคัญของผู้เสียหายสำหรับเก็บรักษาสุกรโดยเฉพาะ. ส่วนห้องพักคนงานและห้องแถวเป็นวัตถุประสงค์อันดับรองที่สร้างขึ้นให้คนงานพักอาศัยชั่วคราวเพื่อดูแลสุกร. คอกสุกรแม้จะอยู่ติดกับห้องแถว ก็ไม่ใช่บริเวณของห้องแถวซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนดังกล่าว. คอกสุกรจึงไม่ใช่เคหสถานตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(4). การที่จำเลยเข้าไปยืนอยู่ริมคอกสุกรภายในรั้วสังกะสี จึงไม่มีความผิดฐานบุกรุกเข้าไปในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364. จำเลยได้เตรียมค้อน มีด และเชือกของกลางกลับมาที่เกิดเหตุ ได้ขุดรูใต้รั้วสังกะสีเพื่อทำเป็นช่องทางพาสุกรไป. จำเลยเข้าไปอยู่ภายในรั้วสังกะสี ยืนอยู่ริมคอกสุกรภายในรั้ว ห่างประมาณ 1 เมตร. โดยที่คอกสุกรตามสภาพมิได้ทำไว้กันขโมย แต่ทำไว้เพื่อมิให้สุกรออกไป. จำเลยพร้อมที่จะลักเอาสุกรตัวใดตัวหนึ่งได้โดยสะดวกโดยใช้เครื่องมือดังกล่าวมัดหรือฆ่า แล้วพาไปทางรูใต้สังกะสีที่ขุดไว้. การกระทำของจำเลยถือว่าเข้าขั้นลงมือกระทำความผิด เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์แล้ว.แต่ไม่ผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(8).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2520 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพยายามลักทรัพย์ในพื้นที่คอกสุกร ไม่ถือเป็นเคหสถานตามกฎหมาย
สถานที่เกิดเหตุเป็นคอกสุกรและห้องพักคนงานซึ่งมีรั้วสังกะสีล้อมทุกด้าน คอกสุกรสร้างขึ้นเป็นวัตถุประสงค์อันสำคัญของผู้เสียหายสำหรับเก็บรักษาสุกรโดยเฉพาะ ส่วนที่ห้องพักคนงานและฟ้องแถวเป็นวัตถุประสงค์อันดับรองที่สร้างขึ้นให้คนงานพักอาศัยชั่วคราวเพื่อดูแลสุกร คอกสุกรแม้จะติดอยู่กับห้องแถว ก็ไม่ใช่บริเวณของห้องแถวซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนดังกล่าว คอกสุกรจึงไม่ใช่เคหสถานตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(4) การที่จำเลยเข้าไปยื่นอยู่ริมคอกสุกรภายในรั้วสังกะสี จึงไม่มีความผิดฐานบุกรุกเข้าไปในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364
จำเลยได้เตรียมค้อน มีด และเชือกของกลางกลับมาที่เกิดเหตุ ได้ขุดรูใต้รั้วสังกะสีเพื่อทำเป็นช่องทางพาสุกรไป จำเลยเข้าไปอยู่ภายในรั้วสังกะสี ยืนอยู่ริมคอกสุกรภายในรั้ว ห่างประมาณ 1 เมตร โดยที่คอกสุกรตามสภาพมิได้ทำไว้กันขโมย แต่ทำไว้เพื่อมิให้สุกรออกไป จำเลยพร้อมที่จะลักเอาสุกรตัวใดตัวหนึ่งได้โดยสะดวกโดยใช้เครื่องมือดังกล่าวมัดหรือฆ่า แล้วพาไปทางรูใต้สังกะสีที่ขุดไว้ การกระทำของจำเลยถือว่าเข้าขั้นลงมือกระทำความผิด เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์แล้ว แต่ไม่ผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมาย มาตรา 335 (8)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขต 'เคหสถาน' และการพยายามลักทรัพย์ในสถานที่เลี้ยงสัตว์
สถานที่เกิดเหตุเป็นคอกสุกรและห้องพักคนงานซึ่งมีรั้วสังกะสีล้อมรอบทุกด้านคอกสุกรสร้างขึ้นเป็นวัตถุประสงค์อันสำคัญของผู้เสียหายสำหรับเก็บรักษาสุกรโดยเฉพาะส่วนห้องพักคนงานและห้องแถวเป็นวัตถุประสงค์อันดับรองที่สร้างขึ้นให้คนงานพักอาศัยชั่วคราวเพื่อดูแลสุกร คอกสุกรแม้จะอยู่ติดกับห้องแถว ก็ไม่ใช่บริเวณของห้องแถวซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนดังกล่าว คอกสุกรจึงไม่ใช่เคหสถานตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(4) การที่จำเลยเข้าไปยืนอยู่ริมคอกสุกรภายในรั้วสังกะสี จึงไม่มีความผิดฐานบุกรุกเข้าไปในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364
จำเลยได้เตรียมค้อน มีด และเชือกของกลางกลับมาที่เกิดเหตุ ได้ขุดรูใต้รั้วสังกะสีเพื่อทำเป็นช่องทางพาสุกรไป จำเลยเข้าไปอยู่ภายในรั้วสังกะสี ยืนอยู่ริมคอกสุกรภายในรั้ว ห่างประมาณ 1 เมตร โดยที่คอกสุกรตามสภาพมิได้ทำไว้กันขโมย แต่ทำไว้เพื่อมิให้สุกรออกไป จำเลยพร้อมที่จะลักเอาสุกรตัวใดตัวหนึ่งได้โดยสะดวกโดยใช้เครื่องมือดังกล่าวมัดหรือฆ่า แล้วพาไปทางรูใต้สังกะสีที่ขุดไว้ การกระทำของจำเลยถือว่าเข้าขั้นลงมือกระทำความผิด เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์แล้วแต่ไม่ผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารรับบุตรบุญธรรม: ลายพิมพ์นิ้วมือเพียงพอ ไม่ต้องมีพยานรับรอง
เอกสารรับบุตรบุญธรรมลงลายพิมพ์นิ้วมือผู้รับบุตรบุญธรรมต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องมีพยานลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธจนถึงแก่ความตาย เข้าข่ายฆ่าคนตายโดยเจตนา
จำเลยใช้ไม้ด้ามจอบขนาดกลมโต 3 เซนติเมตร ยาว 1 เมตรเศษ ตีผู้ตายที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญอาจถึงแก่ความตายได้ แม้จะตีเพียงครั้งเดียว แต่กะโหลกศีรษะแตก 5 เซนติเมตร มันสมองช้ำ และกะโหลกศีรษะส่วนท้ายทอยแตกเป็นชิ้น ๆ มีโลหิตตกในเยื่อหุ้มสมอง แสดงว่าจำเลยตีโดยแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่าอาจทำให้ถึงตายได้ เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1202/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกฟ้องจำเลยในคดีอาญาและการลงโทษกรรมเดียวฐานความผิดหลายบท
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 232 ที่บัญญัติห้ามมิให้โจทก์อ้างจำเลยเป็นพยานนั้น หมายถึงห้ามโจทก์อ้างตัวจำเลยเป็นพยานของโจทก์เท่านั้น ฉะนั้นถึงแม้ร้อยเอกจุลจะเคยถูกฟ้องร่วมกับจำเลยทั้งสามมาก่อนศาลก็ได้สั่งให้แยกฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่ต่างหากจากคดีที่ร้อยเอกจุลเคยถูกฟ้องร่วมกับจำเลยทั้งสาม โจทก์จึงอ้างร้อยเอกจุลเป็นพยานได้โดยขณะที่ร้อยเอกจุลเบิกความเป็นพยานโจทก์ในคดีนี้ ร้อยเอกจุลมิได้อยู่ในฐานะเป็นจำเลย
การที่จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจสืบสวนสอบสวนและจับกุมผู้กระทำผิด ได้ทราบแล้วว่านายเซ่งเป็นคนยิงนายชาญตาย แต่ไม่ทำการจับกุมอันเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,200 ทั้งยังร่วมกันขนย้ายศพนายชาญผู้ตายไปทิ้งเพื่อปิดบังการตายอันเป็นความผิดตาม มาตรา 199 นอกจากนี้ยังร่วมกันโกยเลือดนายชาญไปทิ้งที่อื่นอันเป็นความผิดฐานทำลายพยานหลักฐานในการกระทำผิดตามมาตรา 184 เช่นนี้ แม้การกระทำของจำเลยทั้งสามจะเป็นการกระทำหลายอย่าง แต่ก็ด้วยเจตนาอันเดียวกัน คือเพื่อช่วยเหลือมิให้ผู้กระทำผิดต้องรับโทษและเป็นการกระทำต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นกรรมเดียวกัน แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1202/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ้างพยานในคดีอาญา และการลงโทษกรรมเดียวผิดหลายบท
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 232 ที่บัญญัติห้ามมิให้โจทก์อ้างจำเลยเป็นพยานนั้น หมายถึงห้ามโจทก์อ้างตัวจำเลยเป็นพยานของโจทก์เท่านั้น ฉะนั้นถึ้งแม้ร้อยเอกจุลจะเคยถูกฟ้องร่วมกับจำเลยทั้งสามมาก่อน ศาลก็ได้สั่งให้แยกฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่ต่างหากจากคดีที่ร้อยเอกจุลเคยถูกฟ้องร่วมกับจำเลยทั้งสาม โจทก์จึงอ้างร้อยเอกจุลเป็นพยานได้ โดยขณะที่ร้อยเอกจุลเบิกความเป็นพยานโจทก์ในคดีนี้ ร้อยเอกจุลมิได้อยู่ในฐานะเป็นจำเลย
การที่จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจสืบสวนสอบสวนและจับกุมผู้กระทำผิด ได้ทราบแล้วว่านายเซ่งเป็นคนยิงนายชาญตาย แต่ไม่ทำการจับกุมอันเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 200 ทั้งยังร่วมกันขนย้ายศพนายชาญผู้ตายไปทิ้งเพื่อปิดบังการตายอันเป็นความผิดตามมาตรา 199 นอกจากนี้ยังร่วมกันโกยเลือดนายชาญไปทิ้งที่อื่นอันเป็นความผิดฐานทำลายพยานหลักฐาานในการกระทำผิดตาม มาตรา 184 เช่นนี้ แม้การกระทำของจำเลยทั้งสามจะเป็นการกระทำหลายอย่าง แต่ก็ด้วยเจตนาอันเดียวกัน คือ เพื่อช่วยเหลือมิให้ผู้กระทำผิดต้องรับโทษและเป็นการกระทำต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นกรรมเดียวกัน แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อเนื่อง: บุกรุกเพื่อข่มขืน ถือเป็นกรรมเดียว
การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายแล้วจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย นั้นเห็นได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานบุกรุกและฐานข่มขืนกระทำชำเราต่อเนื่องกัน โดยมีเจตนาอันแท้จริงเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นสำคัญ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน และจำเลยรับสารภาพตามฟ้องก็ตามศาลก็ลงโทษจำเลยทุกกระทงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: บุกรุกเพื่อข่มขืนกระทำชำเรา ศาลลงโทษได้เพียงกรรมเดียว
การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายแล้วจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย นั้น เห็นได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดษฐานบุกรุกและข่มขืนกระทำชำเราต่อเนื่องกัน โดยมีเจตนาอันแท้จริงเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นสำคัญ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน และจำเลยรับสารภาพตามฟ้องก็ตาม ศาลก็ลงโทษจำเลยทุกกระทงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิ่งราวทรัพย์ vs. ลักทรัพย์: การแย่งทรัพย์สินและคำขู่ที่ไม่ชัดเจน
จำเลยลูบคลำตามเสื้อกางเกงผู้เสียหาย และพูดขอแว่นตาที่ผู้เสียหายสวมอยู่ ผู้เสียหายไม่ให้จำเลยแย่งแว่นตาไปจากผู้เสียหายผู้เสียหายแย่งคืนมาได้ จำเลยแย่งไปได้อีกแล้วพูดว่าถ้าเอ็งมีอาวุธกูแทงเสียแล้ว และเอามือล้วงใต้เสื้อตรงขอบกางเกงหน้าท้อง ดังนี้เป็นการวิ่งราวแว่นตา แต่ไม่เป็นการขู่ว่าจะทำร้าย โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยฉกฉวยเอาทรัพย์ไปซึ่งหน้า ถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ ศาลลงโทษแต่ฐานลักทรัพย์
of 32