พบผลลัพธ์ทั้งหมด 318 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2094/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทนกับการฟ้องขับไล่: การโอนสิทธิการเช่าทำให้โจทก์หมดอำนาจฟ้องหรือไม่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและอาคารที่ให้จำเลยอาศัยจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์โอนสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารให้จำเลยแล้ว โดยโจทก์เรียกเงินสองหมื่นบาทเป็นค่าตอบแทนในการโอนสิทธิการเช่า จึงเกิดประเด็นข้อพิพาทขึ้นว่า โจทก์โอนสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารให้จำเลยโดยได้เรียกเงินค่าโอนกัน 20,000 บาทจริงหรือไม่ ซึ่งตรงกับที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไว้ว่า จำเลยเข้าอยู่ในห้องพิพาทเป็นสัญญาต่างตอบแทนหรือไม่นั่นเอง หากข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่จำเลยต่อสู้ก็ต้องถือว่ามีสัญญาต่างตอบแทนกันจริง มิใช่โจทก์ให้จำเลยเข้าอยู่อาศัยตามฟ้อง และเมื่อสัญญามีผลผูกพันโจทก์และจำเลยซึ่งเป็นคู่สัญญาก็จะทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยด้วย จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2081-2082/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัด ค่าเสียหายเรียกได้ภายใน 10 ปี แม้โจทก์รับชำระหนี้หลังผิดนัด
จำเลยเช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์ 3 ครั้ง ตามสัญญา 3 ฉบับ รวม 21 คันโดยชำระเงินในวันทำสัญญาแต่ละฉบับจำนวนหนึ่ง ส่วนที่เหลือนั้นผ่อนชำระเป็นงวดค่าเช่าซื้อที่จำเลยส่งชำระให้แก่โจทก์นั้นไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ระบุให้ชำระหนี้ค่าเช่าซื้อรถคันใดโดยเฉพาะ จึงเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328 ซึ่งถ้าลูกหนี้ไม่ได้ระบุว่าชำระหนี้รายใด ก็ให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ปรากฏว่าจำเลยผิดนัดชำระเงินค่าเช่าซื้อโดยไม่ชำระตรงตามวันและเดือนที่กำหนดไว้มาแต่เริ่มแรกและในระยะหลังๆ ก็ผิดนัดกว่า 2 เดือน ถึง 7 เดือน ซึ่งตามสัญญาเช่าซื้อให้ถือว่าโจทก์มีสิทธิริบเงินค่าเช่าซื้อได้ทันที และจำเลยต้องส่งรถคืนโจทก์ แต่โจทก์ก็ยอมผ่อนผันไม่ติดตามเอารถคืน ยังคงรับเงินจากจำเลยแบ่งเฉลี่ยชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อทั้ง 3 ฉบับ ยิ่งกว่านั้นเมื่อโจทก์ออกใบรับเงินให้จำเลย จำเลยก็มิได้ทักท้วงหรือโต้แย้ง จึงต้องถือว่าการแบ่งเฉลี่ยหนี้ของโจทก์เป็นไปตามความประสงค์ของจำเลยแล้ว จำเลยจะมาระบุว่าชำระหนี้สินรายใด ให้หนี้สินรายนั้นได้เปลื้องไปอีกหาได้ไม่
จำเลยชำระหนี้ค่าเช่าซื้อไม่ตรงตามกำหนดเวลา โจทก์ก็ยอมผ่อนผันให้จำเลยชำระไม่บังคับตามสัญญาทันที ทั้ง ๆที่สัญญาเช่าซื้อกำหนดไว้ว่า เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้องวดหนึ่งงวดใด หรือผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ให้ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเป็นอันมีผลบังคับทันที บรรดาเงินที่ชำระแล้วให้โจทก์ริบทั้งสิ้น และจำเลยต้องส่งรถคืนแล้วจำเลยก็ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าซื้อเกิน 2 ครั้งแล้วแต่ยังคงครอบครองและใช้รถเหล่านั้นตลอดมา โจทก์จึงได้ติดตามยึดรถคืน แต่หลังจากจำเลยผิดสัญญาแล้ว โจทก์ยังยอมรับชำระเงินจากจำเลยทั้งๆ ที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้ว โดยโจทก์ไม่ใช้สิทธิกลับเข้าครอบครองรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อจึงต้องถือว่าโจทก์ยอมรับเงินจากจำเลยเป็นค่าเสียหายในการที่จำเลยใช้รถที่เช่าซื้อนั่นเอง ดังนี้ โจทก์จะเรียกค่าเสียหายในระหว่างผิดนัดถึงวันที่จำเลยชำระเงินครั้งสุดท้ายซ้ำอีกไม่ได้คงเรียกค่าเสียหายได้ตั้งแต่วันชำระเงินครั้งสุดท้ายจนถึงวันที่โจทก์กลับเข้าครอบครองรถที่เช่าซื้อนั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ว่าด้วยเช่าซื้อมิได้บัญญัติเรื่องอายุความสำหรับฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ผู้เช่าซื้อผิดสัญญาและยังใช้ทรัพย์ที่เช่าซื้อนั้นอยู่ไว้โดยตรง ผู้ให้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิเรียกร้องได้ภายในอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164 เพราะมิใช่ค่าเสียหายฐานละเมิด ส่วนการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและเรียกให้ผู้เช่าซื้อส่งทรัพย์คืนหากส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนนั้น ก็เป็นเรื่องที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ใช้สิทธิติดตามเรียกเอาทรัพย์สินคืน ย่อมมีอายุความ 10 ปีเช่นกัน
จำเลยชำระหนี้ค่าเช่าซื้อไม่ตรงตามกำหนดเวลา โจทก์ก็ยอมผ่อนผันให้จำเลยชำระไม่บังคับตามสัญญาทันที ทั้ง ๆที่สัญญาเช่าซื้อกำหนดไว้ว่า เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้องวดหนึ่งงวดใด หรือผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ให้ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเป็นอันมีผลบังคับทันที บรรดาเงินที่ชำระแล้วให้โจทก์ริบทั้งสิ้น และจำเลยต้องส่งรถคืนแล้วจำเลยก็ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าซื้อเกิน 2 ครั้งแล้วแต่ยังคงครอบครองและใช้รถเหล่านั้นตลอดมา โจทก์จึงได้ติดตามยึดรถคืน แต่หลังจากจำเลยผิดสัญญาแล้ว โจทก์ยังยอมรับชำระเงินจากจำเลยทั้งๆ ที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้ว โดยโจทก์ไม่ใช้สิทธิกลับเข้าครอบครองรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อจึงต้องถือว่าโจทก์ยอมรับเงินจากจำเลยเป็นค่าเสียหายในการที่จำเลยใช้รถที่เช่าซื้อนั่นเอง ดังนี้ โจทก์จะเรียกค่าเสียหายในระหว่างผิดนัดถึงวันที่จำเลยชำระเงินครั้งสุดท้ายซ้ำอีกไม่ได้คงเรียกค่าเสียหายได้ตั้งแต่วันชำระเงินครั้งสุดท้ายจนถึงวันที่โจทก์กลับเข้าครอบครองรถที่เช่าซื้อนั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ว่าด้วยเช่าซื้อมิได้บัญญัติเรื่องอายุความสำหรับฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ผู้เช่าซื้อผิดสัญญาและยังใช้ทรัพย์ที่เช่าซื้อนั้นอยู่ไว้โดยตรง ผู้ให้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิเรียกร้องได้ภายในอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164 เพราะมิใช่ค่าเสียหายฐานละเมิด ส่วนการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและเรียกให้ผู้เช่าซื้อส่งทรัพย์คืนหากส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนนั้น ก็เป็นเรื่องที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ใช้สิทธิติดตามเรียกเอาทรัพย์สินคืน ย่อมมีอายุความ 10 ปีเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2012/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค: การออกเช็คล่วงหน้าและการปฏิเสธการจ่ายเงิน
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือ ต่อมาผู้ทรงคนหนึ่งได้สลักหลังเช็คฉบับนี้มาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เมื่อครบกำหนดวันที่ลงในเช็ค โจทก์นำเช็คไปเข้าบัญชีของโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินว่า เงินในบัญชีไม่พอจ่าย ดังนี้ จำเลยผู้สั่งจ่ายจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2012/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชี หรือเจตนาไม่ให้ใช้เงินได้
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือ ต่อมาผู้ทรงคนหนึ่งได้สลักหลังเช็คฉบับนี้มาชกำระหนี้ให้แก่โจทก์ เมื่อครบกำหนดวันที่ลงในเช็ค โจทก์นำเช็คไปเข้าบัญชีของโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินว่า เงินในบัญชีไม่พอจ่าย ดังนี้ จำเลยผู้สั่งจ่ายจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953-1956/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: ผู้ขับขี่ไม่ต้องรับผิดหากความเสียหายเกิดจากการกระทำของผู้อื่น
เมื่อสาเหตุที่รถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับไปชนกับรถยนต์ของนาย ซ.โจทก์เป็นเหตุให้นาย ซ.นาย ส. นาย ค. และ นาย น. โจทก์ทั้งสี่สำนวนเสียหายนั้น เป็นผลโดยตรงจากการกระทำของผู้ขับรถยนต์คันอื่น ไม่ใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นนายจ้าง ก็ไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1874/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดของรัฐสภาและผลกระทบต่อคดีเลือกตั้ง
ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปราฏว่าคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาหลังที่คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินให้รัฐธรรมนูญซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้นสิ้นสุดลง และให้รัฐสภาสิ้นสุดลงพร้อมกับรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยคำร้องของผู้ร้องต่อไป ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1783-1799/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คเพื่อประกัน ไม่ถือเป็นเจตนาทุจริตตาม พ.ร.บ.เช็ค หากตกลงกันไม่ให้ขึ้นเงิน
จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อเป็นประกันในการที่โจทก์ร่วมให้สินเชื่อซื้อยาปราบศัตรูฝ้ายและพืช โดยเมื่อถึงกำหนดชำระเงินตามเช็คจำเลยจะซื้อดราฟท์ส่งไปให้โจทก์ร่วม และโจทก์ร่วมก็จะคืนเช็คพิพาทให้ ดังนี้ แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท จำเลยก็หามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 ไม่ ข้อความในมาตรา 3(1) ที่ว่า "โดยเจตนาที่จะมิให้มีการใช้เงินตามเช็ค" ย่อมเป็นความผิดหมายความว่าเมื่อออกเช็คนั้นผู้สั่งจ่ายต้องมีเจตนาจะไม่ให้มีการจ่ายเงินในเมื่อนำเช็คไปขึ้นเงินหาได้หมายความว่าหากคู่กรณีตกลงกันไม่ให้นำเช็คไปขึ้นก็จะต้องเป็นความผิดไปด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1783-1799/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คเพื่อประกัน ไม่ถือเป็นเจตนาทุจริตตาม พ.ร.บ. เช็ค หากตกลงกันไม่ขึ้นเงิน
จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อเป็นประกันในการที่โจทก์ร่วมให้สินเชื่อซื้อยาปราบศัตรูและพืช โดยเมื่อถึงหนดชำระเงินตามเช็คจำเลยจะซื้อดราฟท์ส่งไปให้โจทก์ร่วม และโจทก์ร่วมก็จะคืนเช็คพิพาทให้ ดังนี้ แม้ธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท จำเลยก็หามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 ไม่ ข้อความในมาตรา 3(1) ที่ว่า "โดยเจตนาที่จะมิให้มีการใช้เงินตามเช็ค" ย่อมเป็นความผิดหมายความว่าเมื่อออกเช็คนั้นผู้สั่งจ่ายต้องมีเจตนาจะไม่ให้มีการจ่ายเงินในเมื่อนำเช็คไปขึ้นเงินหาได้หมายความว่าหากคู่กรณีตกลงกันไม่ให้นำเช็คไปขึ้นก็จะต้องเป็นความผิดไปด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องขอสืบพยานเพิ่มเติมหลังศาลเห็นว่าโจทก์ละทิ้งคดี การไม่ไต่สวนถือเป็นการไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อน ถึงวันนัดทนายโจทก์ ทนายจำเลยและตัวจำเลยมาศาล ทนายโจทก์แถลงว่าตัวโจทก์และพยานไม่มีศาลไม่ทราบเหตุขัดข้องสุดแต่ศาลจะพิจารณาสั่ง ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่เอาใจใส่ละทิ้งคดีเป็นการประวิงคดี ก็เป็นความเข้าใจของศาลชั้นต้นเอง แม้ศาลชั้นต้นได้สั่งว่าให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อโดยไม่ให้เลื่อน โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบแล้วอนุญาตให้สืบพยานจำเลยไปจนเสร็จสิ้นและนัดอ่านคำพิพากษาไว้ในวันเดียวกันก็ตาม แต่เมื่อก่อนอ่านคำพิพากษาตัวโจทก์มาศาลและยื่นคำร้องว่า เหตุที่มาศาลล่าช้าเพราะฝนตกมีรถตักดินเสียขวางทางอยู่เป็นเหตุสุดวิสัย ขอสืบพยาน จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนให้ได้ความเสียก่อนว่าข้ออ้างของโจทก์เป็นความจริงหรือไม่ เพราะถ้าเป็นความจริงก็ไม่พอถือได้ว่าตัวโจทก์ไม่เอาใจใส่ในคดี ประวิงคดี ดังที่ศาลชั้นต้นเข้าในในตอนแรก การที่ศาลชั้นต้นไม่ไต่สวนและพิจารณาคดีไป จึงไม่เป็นไปตามขั้นตอนแห่งการดำเนินกระบวนการพิจารณาเป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสีย ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่
แม้ตามอุทธรณ์ของโจทก์คงขอให้สืบพยาน มิได้ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องของโจทก์ก็ตาม แต่การที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์ ก็เป็นไปตามขั้นตอนที่จะอนุญาตให้โจทก์ทำการสืบพยานใหม่ตามอุทธรณ์ของโจทก์นั่นเอง ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจสั่งได้
แม้ตามอุทธรณ์ของโจทก์คงขอให้สืบพยาน มิได้ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องของโจทก์ก็ตาม แต่การที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์ ก็เป็นไปตามขั้นตอนที่จะอนุญาตให้โจทก์ทำการสืบพยานใหม่ตามอุทธรณ์ของโจทก์นั่นเอง ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจสั่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ไต่สวนเหตุจำเป็นที่โจทก์มาศาลล่าช้าก่อนพิพากษาคดี เป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ชอบพิพากษายกคำพิพากษาเดิม
ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อน ถึงวันนัดทนายโจทก์ทนายจำเลยและตัวจำเลยมาศาล ทนายโจทก์แถลงว่าตัวโจทก์และพยานไม่มาศาลไม่ทราบเหตุขัดข้องสุดแต่ศาลจะพิจารณาสั่ง ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่เอาใจใส่ละทิ้งคดีเป็นการประวิงคดี ก็เป็นความเข้าใจของศาลชั้นต้นเอง แม้ศาลชั้นต้นได้สั่งว่าให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อโดยไม่ให้เลื่อน โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบแล้วอนุญาตให้สืบพยานจำเลยไปจนเสร็จสิ้นและนัดอ่านคำพิพากษาไว้ในวันเดียวกันก็ตาม แต่เมื่อก่อนอ่านคำพิพากษาตัวโจทก์มาศาลและยื่นคำร้องว่า เหตุที่มาศาลล่าช้าเพราะฝนตกมีรถตักดินเสียขวางทางอยู่เป็นเหตุสุดวิสัย ขอสืบพยาน จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนให้ได้ความเสียก่อนว่าข้ออ้างของโจทก์เป็นความจริงหรือไม่ เพราะถ้าเป็นความจริงก็ไม่พอถือได้ว่าตัวโจทก์ไม่เอาใจใส่ในคดี ประวิงคดี ดังที่ศาลชั้นต้นเข้าใจในตอนแรก การที่ศาลชั้นต้นไม่ไต่สวนและพิจารณาคดีไป จึงไม่เป็นไปตามขั้นตอนแห่งการดำเนินกระบวนพิจารณา เป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสีย ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่
แม้ตามอุทธรณ์ของโจทก์คงขอให้สืบพยาน มิได้ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องของโจทก์ก็ตาม แต่การที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์ ก็เป็นไปตามขั้นตอนที่จะอนุญาตให้โจทก์ทำการสืบพยานใหม่ตามอุทธรณ์ของโจทก์นั่นเอง ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจสั่งได้
แม้ตามอุทธรณ์ของโจทก์คงขอให้สืบพยาน มิได้ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องของโจทก์ก็ตาม แต่การที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์ ก็เป็นไปตามขั้นตอนที่จะอนุญาตให้โจทก์ทำการสืบพยานใหม่ตามอุทธรณ์ของโจทก์นั่นเอง ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจสั่งได้