พบผลลัพธ์ทั้งหมด 914 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3025/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จและทำพยานหลักฐานเท็จ: การแจ้งความโดยสุจริตและบันทึกข้อเท็จจริงย้อนหลังไม่ถือเป็นความผิด
ตามพฤติการณ์มีเหตุผลควรให้จำเลยเข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นคนร้ายที่ลักทรัพย์ของจำเลยไป การที่จำเลยแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนโดยเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 1 ว่าทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ถูกคนร้ายลักไป แต่ได้ทำบันทึกในวันหลังให้มีข้อความถูกต้องทุกประการและลงวันที่ย้อนหลังให้ถูกต้องตรงกับวันที่ที่มีการแจ้งความนั้น เป็นเพียงการทำบันทึกให้ตรงกับความเป็นจริงว่ามีการแจ้งความในวันใด ไม่เป็นการทำพยานหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 179
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 1 ว่าทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ถูกคนร้ายลักไป แต่ได้ทำบันทึกในวันหลังให้มีข้อความถูกต้องทุกประการและลงวันที่ย้อนหลังให้ถูกต้องตรงกับวันที่ที่มีการแจ้งความนั้น เป็นเพียงการทำบันทึกให้ตรงกับความเป็นจริงว่ามีการแจ้งความในวันใด ไม่เป็นการทำพยานหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 179
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3025/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จและทำบันทึกเท็จ: ความผิดเกิดขึ้นเมื่อปราศจากเจตนาเล็งผลร้ายและข้อเท็จจริงถูกต้อง
ตามพฤติการณ์มีเหตุผลควรให้จำเลยเข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นคนร้ายที่ลักทรัพย์ของจำเลยไป การที่จำเลยแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนโดยเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 1 ว่าทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ถูกคนร้ายลักไปแต่ได้ทำบันทึกในวันหลังให้มีข้อความถูกต้องทุกประการและลงวันที่ย้อนหลังให้ถูกต้องตรงกับวันที่ที่มีการแจ้งความนั้น เป็นเพียงการทำบันทึกให้ตรงกับความเป็นจริงว่ามีการแจ้งความในวันใด ไม่เป็นการทำพยานหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 179
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 1 ว่าทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ถูกคนร้ายลักไปแต่ได้ทำบันทึกในวันหลังให้มีข้อความถูกต้องทุกประการและลงวันที่ย้อนหลังให้ถูกต้องตรงกับวันที่ที่มีการแจ้งความนั้น เป็นเพียงการทำบันทึกให้ตรงกับความเป็นจริงว่ามีการแจ้งความในวันใด ไม่เป็นการทำพยานหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 179
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2928-2934/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับการก่อสร้างและการบุกรุก, อายุความ, เจตนาการครอบครอง
การกระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารและพระราชบัญญัติควบคุมอาคารนั้นเทศบาลหรือทางราชการเป็นผู้เสียหายเป็นเรื่องของเทศบาลหรือทางราชการที่จะเข้าควบคุมฟ้องร้องเอาเอง โจทก์ร่วมซึ่งเป็นราษฎรหรือเอกชนไม่ใช้ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง คดีที่ฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนการที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้ววินิจฉัยผลักหน้าที่ให้จำเลยสืบแก้ว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ผิดกฎหมายเพราะในปัญหาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบ ศาลฎีกาจึงมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2928-2934/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญา, อายุความ, เจตนาบุกรุก และการดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต
การกระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารและพระราชบัญญัติควบคุมอาคารนั้นเทศบาลหรือทางราชการเป็นผู้เสียหาย เป็นเรื่องของเทศบาลหรือทางราชการที่จะเข้าควบคุมฟ้องร้องเอาเอง โจทก์ร่วมซึ่งเป็นราษฎรหรือเอกชนไม่ใช้ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คดีที่ฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน การที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้ววินิจฉัยผลักหน้าที่ให้จำเลยสืบแก้ว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ผิดกฎหมายเพราะในปัญหาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบ ศาลฎีกาจึงมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้
คดีที่ฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน การที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้ววินิจฉัยผลักหน้าที่ให้จำเลยสืบแก้ว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ผิดกฎหมายเพราะในปัญหาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบ ศาลฎีกาจึงมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้ทำให้ขาดอายุความ และศาลหักหนี้ระหว่างโจทก์-จำเลยตามสัญญา
จำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศไปจากโจทก์และค้างชำระราคาอยู่ ต่อมาจำเลยมีหนังสือไปถึงโจทก์มีข้อความว่า "การเก็บบัญชีที่ค้างนั้นมีปัญหาเรื่องการติดตั้งเครื่องปรับอากาศล่าช้ามาก ทำให้ทางห้างฯ ต้องถูกปรับและเสียหาย กรรมการของห้างฯ ได้ส่งเรื่องให้ที่ปรึกษากำลังพิจารณาอยู่ ได้ผลประการใดจะเรียนให้ทราบต่อไป" หนังสือฉบับนี้เป็นการยอมรับว่าเป็นหนี้อยู่จริง มีข้อโต้เถียงเฉพาะการติดตั้งล่าช้าเท่านั้น ไม่มีข้อโต้แย้งว่าไม่เป็นหนี้ หรือมีสิทธิไม่ต้องชำระหนี้หนังสือนี้จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 293-294/2511)
โจทก์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้จำเลยล่าช้าอันเป็นการผิดสัญญา จำเลยจึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ 5รายการเป็นเงิน 91,310 บาท เฉพาะรายการที่ถูกปรับ 28,000 บาท การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย เฉพาะที่จำเลยถูกปรับเพียงรายการเดียวเป็นเงิน 51,903บาท โดยนำคำขอในส่วนอื่นๆที่ศาลได้พิพากษายกฟ้องมาให้แทนในส่วนนี้ ย่อมเป็นการเกินคำขอของจำเลย
เมื่อจำเลยต้องชำระราคาเครื่องปรับอากาศพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ส่วนโจทก์ต้องชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย เพื่อความสะดวกในการบังคับตามคำพิพากษา ศาลฎีกาจึงให้หักหนี้กันเสียโดยให้มีผลนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
โจทก์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้จำเลยล่าช้าอันเป็นการผิดสัญญา จำเลยจึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ 5รายการเป็นเงิน 91,310 บาท เฉพาะรายการที่ถูกปรับ 28,000 บาท การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย เฉพาะที่จำเลยถูกปรับเพียงรายการเดียวเป็นเงิน 51,903บาท โดยนำคำขอในส่วนอื่นๆที่ศาลได้พิพากษายกฟ้องมาให้แทนในส่วนนี้ ย่อมเป็นการเกินคำขอของจำเลย
เมื่อจำเลยต้องชำระราคาเครื่องปรับอากาศพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ส่วนโจทก์ต้องชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย เพื่อความสะดวกในการบังคับตามคำพิพากษา ศาลฎีกาจึงให้หักหนี้กันเสียโดยให้มีผลนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้ทำให้ อายุความสะดุดหยุด และการหักหนี้ระหว่างโจทก์จำเลย
จำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศไปจากโจทก์และค้างชำระราคาอยู่ ต่อมาจำเลยมีหนังสือไปถึงโจทก์มีข้อความว่า "การเก็บบัญชีที่ค้างนั้นมีปัญหาเรื่องการติดตั้งเครื่องปรับอากาศล่าช้ามากทำให้ทางห้างฯ ต้องถูกปรับและเสียหาย กรรมการของห้างฯ ได้ส่งเรื่องให้ที่ปรึกษากำลังพิจารณาอยู่ ได้ผลประการใดจะเรียนให้ทราบต่อไป" หนังสือฉบับนี้เป็นการยอมรับว่าเป็นหนี้อยู่จริง มีข้อโต้เถียงเฉพาะการติดตั้งล่าช้าเท่านั้นไม่มีข้อโต้แย้งว่าไม่เป็นหนี้ หรือมีสิทธิไม่ต้องชำระหนี้ หนังสือนี้จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 293-294/2511)
โจทก์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้จำเลยล่าช้าอันเป็นการผิดสัญญาจำเลยจึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ 5 รายการเป็นเงิน 91,310 บาทเฉพาะรายการที่ถูกปรับ 28,000 บาท การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย เฉพาะที่จำเลยถูกปรับเพียงรายการเดียวเป็นเงิน 51,903 บาท โดยนำคำขอในส่วนอื่น ๆ ที่ศาลได้พิพากษายกฟ้องมาให้แทนในส่วนนี้ ย่อมเป็นการเกินคำขอของจำเลย
เมื่อจำเลยต้องชำระราคาเครื่องปรับอากาศพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ส่วนโจทก์ต้องชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย เพื่อความสะดวกในการบังคับตามคำพิพากษา ศาลฎีกาจึงให้หักหนี้กันเสียโดยให้มีผลนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
โจทก์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้จำเลยล่าช้าอันเป็นการผิดสัญญาจำเลยจึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ 5 รายการเป็นเงิน 91,310 บาทเฉพาะรายการที่ถูกปรับ 28,000 บาท การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย เฉพาะที่จำเลยถูกปรับเพียงรายการเดียวเป็นเงิน 51,903 บาท โดยนำคำขอในส่วนอื่น ๆ ที่ศาลได้พิพากษายกฟ้องมาให้แทนในส่วนนี้ ย่อมเป็นการเกินคำขอของจำเลย
เมื่อจำเลยต้องชำระราคาเครื่องปรับอากาศพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ส่วนโจทก์ต้องชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย เพื่อความสะดวกในการบังคับตามคำพิพากษา ศาลฎีกาจึงให้หักหนี้กันเสียโดยให้มีผลนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2215/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการรับประกันภัยของคู่กรณี ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหาย
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ให้การว่ารับประกันภัยรถคันนี้ไว้จากห้าง ส. ไม่มีความเกี่ยวพันกับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วม รับผิด ศาลชั้นต้นชี้สองสถานโดยมิได้กำหนดประเด็นข้อนี้ ไว้และไม่มีคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโต้แย้ง จึงไม่มีประเด็นพิพาทในเรื่องนี้ และการที่จำเลยที่ 3 ให้การดังกล่าวก็ไม่เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ เพราะการระบุชื่อห้าง ส. เป็นเพียงรายละเอียดที่แสดงให้เห็นชัดขึ้นว่าไม่ได้เกี่ยวพันกับจำเลยที่ 2. ฉะนั้น คดีต้องฟังว่าจำเลยที่ 3 มิได้รับประกันภัยจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2215/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับประกันภัย: จำเลยปฏิเสธความเกี่ยวพันกับผู้ทำละเมิด ศาลต้องถือว่าไม่มีนิติสัมพันธ์
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ให้การว่ารับประกันภัยรถคันนี้ไว้จากห้าง ส. ไม่มีความเกี่ยวพันกับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิด ศาลชั้นต้นชี้สองสถานโดยมิได้กำหนดประเด็นข้อนี้ไว้และไม่มีคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโต้แย้ง จึงไม่มีประเด็นพิพาทในเรื่องนี้ และการที่จำเลยที่ 3 ให้การดังกล่าวก็ไม่เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ เพราะการระบุชื่อห้าง ส. เป็นเพียงรายละเอียดที่แสดงให้เห็นชัดขึ้นว่าไม่ได้เกี่ยวพันกับจำเลยที่ 2 ฉะนั้น คดีต้องฟังว่าจำเลยที่ 3 มิได้รับประกันภัยจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าทนายความในคดีแพ่งที่พนักงานอัยการดำเนินคดีแทนโจทก์: สิทธิเรียกร้องค่าทนายความ
ในกรณีที่ไม่อาจฟ้องบุพการีได้เพราะต้องห้ามตามกฎหมายจึงร้องขอให้พนักงานอัยการเป็นโจทก์ดำเนินคดีแพ่งแทนนั้นพนักงานอัยการเป็นตัวโจทก์ว่าความเองจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าทนายความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาเอกสารพยาน และการรับฟังเอกสารโดยคู่ความมิได้คัดค้าน
การที่จะส่งเอกสารไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ เป็นสิทธิของคู่ความไม่ใช่หน้าที่ของศาล แต่การตรวจพิจารณาเปรียบเทียบลายมือชื่อในเอกสารที่คู่ความส่งต่อศาลเป็นการพิจารณาอย่างหนึ่ง ศาลย่อมมีอำนาจทำได้
จำเลยไม่ได้คัดค้านในการที่โจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยทราบก่อนวันสืบพยาน เมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ย่อมมีอำนาจรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
จำเลยไม่ได้คัดค้านในการที่โจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยทราบก่อนวันสืบพยาน เมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ย่อมมีอำนาจรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)