คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชลูตม์ สวัสดิทัต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 914 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ของกลางในคดีอาญา และอำนาจศาลในการงดบังคับคดี
แม้ทองคำของกลางที่พนักงานสอบสวนยึดมา และพนักงานอัยการจะต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญา อาจถูกศาลพิพากษาให้ริบและตกเป็นของแผ่นดินก็ตาม แต่ขณะที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทองคำดังกล่าวศาลยังไม่มีคำพิพากษา หรือคำสั่งให้ริบ ผู้ร้องซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนคดีนั้นจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ถอนการยึด หรือยกเลิกหมายบังคับคดีได้
การที่จะให้งดการบังคับคดีหรือจะให้บังคับคดีต่อไปย่อมเป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) ที่จะใช้ให้เหมาะสมแก่รูปคดี เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าทองคำที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาเป็นทรัพย์ของกลาง พนักงานอัยการจะต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญาซึ่งกำลังพิจารณาคดีอยู่ในศาล และอาจถูกศาลพิพากษาให้ริบและตกเป็นของแผ่นดินได้ การที่ศาลใช้ดุลพินิจให้งดการบังคับคดีสำหรับทองคำนั้นไว้จึงเหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ของกลางในคดีอาญาและการบังคับคดีแพ่ง: สิทธิของผู้ร้องและดุลพินิจศาล
แม้ทองคำของกลางที่พนักงานสอบสวนยึดมา และพนักงานอัยการจะต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญา อาจถูกศาลพิพากษาให้ริบและตกเป็นของแผ่นดินก็ตาม แต่ขณะที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทองคำดังกล่าวศาลยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ริบ ผู้ร้องซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนคดีนั้นจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ถอนการยึด หรือยกเลิกหมายบังคับคดีได้
การที่จะให้งดการบังคับคดีหรือจะให้บังคับคดีต่อไปย่อมเป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) ที่จะใช้ให้เหมาะสมแก่รูปคดี เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าทองคำที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาเป็นทรัพย์ของกลาง พนักงานอัยการจะต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญาซึ่งกำลังพิจารณาคดีอยู่ในศาล และอาจถูกศาลพิพากษาให้ริบและตกเป็นของแผ่นดินได้ การที่ศาลใช้ดุลพินิจให้งดการบังคับคดีสำหรับทองคำนั้นไว้จึงเหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยจากการชำระค่าเสียหายแทนลูกหนี้ตามสัญญาค้ำประกัน มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ผู้ค้ำประกันได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามสัญญาค้ำประกัน เพราะเหตุลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าหนี้อันเป็นการผิดสัญญานั้น เป็นดอกเบี้ยที่ลูกหนี้จะต้องรับผิดชดใช้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคแรก และเป็นดอกเบี้ยที่กำหนดแทนค่าเสียหายดอกเบี้ยในกรณีเช่นนี้ไม่ใช่ดอกเบี้ยค้างส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 จึงมีอายุความ 10ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยจากสัญญาค้ำประกันเมื่อลูกหนี้ผิดนัด: เป็นค่าเสียหาย มีอายุความ 10 ปี
ดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ผู้ค้ำประกันได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามสัญญาค้ำประกัน เพราะเหตุลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าหนี้อันเป็นการผิดสัญญานั้น เป็นดอกเบี้ยที่ลูกหนี้จะต้องรับผิดชดใช้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 224 วรรคแรก และเป็นดอกเบี้ยที่กำหนดแทนค่าเสียหาย ดอกเบี้ยในกรณีเช่นนี้ไม่ใช่ดอกเบี้ยค้างส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 จึงมีอายุความ 10 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงลายมือชื่อแทนกัน แม้มีเจตนาดีก็เป็นการปลอมเอกสาร แต่ไม่เป็นความผิดหากไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น
กรณีเกี่ยวกับลายมือชื่อนั้นไม่มีกฎหมายให้อำนาจลงลายมือชื่อแทนกันได้แม้เจ้าของลายมือชื่ออนุญาตหรือให้ความยินยอมก็ลงลายมือชื่อแทนกันไม่ได้ การที่จำเลยทำหนังสือถึงผู้จัดการสหกรณ์ แจ้งให้ทราบว่า ศ. น้องสาวโจทก์เดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศและขอลาออกจากสมาชิกสหกรณ์ โดยใช้ชื่อโจทก์หรือลงลายมือชื่อโจทก์ จึงเป็นการลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยทำหนังสือดังกล่าวโดยความยินยอมของโจทก์ โจทก์จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะได้รับความเสียหาย ศ.และสหกรณ์ก็ไม่ได้รับความเสียหาย จำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงลายมือชื่อแทนกัน แม้มีเจตนาดีก็เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร หากไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ผู้อื่น
กรณีเกี่ยวกับลายมือชื่อนั้นไม่มีกฎหมายให้อำนาจลงลายมือชื่อแทนกันได้ แม้เจ้าของลายมือชื่ออนุญาตหรือให้ความยินยอมก็ลงลายมือชื่อแทนกันไม่ได้ การที่จำเลยทำหนังสือถึงผู้จัดการสหกรณ์แจ้งให้ทราบว่า ศ. น้องสาวโจทก์เดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศและขอลาออกจากสมาชิกสหกรณ์ โดยใช้ชื่อโจทก์หรือลงลายมือชื่อโจทก์จึงเป็นการลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยทำหนังสือดังกล่าวโดยความยินยอมของโจทก์ โจทก์จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะได้รับความเสียหาย ศ.และสหกรณ์ก็ไม่ได้รับความเสียหาย จำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทน การบอกเลิกสัญญาต้องมีเหตุตามสัญญาหรือกฎหมาย มิอาจเลิกได้โดยอ้างความไม่พอใจ
โจทก์จำเลยทำสัญญากันโดยจำเลยยอมแบ่งที่นาพิพาทให้โจทก์และโจทก์ยอมยกกระบือและแบ่งเงินกับข้าวเปลือกให้จำเลยสัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทน จำเลยจะบอกเลิกสัญญากับโจทก์ได้จะต้องมีเหตุที่ระบุไว้ในข้อสัญญาว่าให้บอกเลิกสัญญาได้ หรือมีเหตุอื่นที่กฎหมายให้อำนาจจำเลยบอกเลิกสัญญาได้ จำเลยจะบอกเลิกสัญญาโดยอ้างเหตุแต่เพียงว่าข้อสัญญาไม่เป็นไปตาม ความประสงค์ของจำเลย โดยโจทก์ไม่ยินยอมด้วยหาได้ไม่ เพราะโจทก์ มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาและตามข้อสัญญาก็มิได้ให้สิทธิจำเลยที่จะ เลิกสัญญาเพราะเหตุดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทน การบอกเลิกสัญญาต้องมีเหตุตามสัญญาหรือกฎหมาย มิใช่เพียงความไม่พอใจ
โจทก์จำเลยทำสัญญากันโดยจำเลยยอมแบ่งที่นาพิพาทให้โจทก์และโจทก์ยอมยกกระบือและแบ่งเงินกับข้าวเปลือกให้จำเลย สัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทน จำเลยจะบอกเลิกสัญญากับโจทก์ได้จะต้องมีเหตุที่ระบุไว้ในข้อสัญญาว่าให้บอกเลิกสัญญาได้ หรือมีเหตุอื่นที่กฎหมายให้อำนาจจำเลยบอกเลิกสัญญาได้ จำเลยจะบอกเลิกสัญญาโดยอ้างเหตุแต่เพียงว่าข้อสัญญาไม่เป็นไปตามความประสงค์ของจำเลย โดยโจทก์ไม่ยินยอมด้วยหาได้ไม่ เพราะโจทก์มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาและตามข้อสัญญาก็มิได้ให้สิทธิจำเลยที่จะ เลิกสัญญาเพราะเหตุดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาบริษัทต่างชาติที่มีสาขาในไทย อำนาจฟ้องคดีเครื่องหมายการค้าในศาลไทย
จำเลยเป็นบริษัทอยู่ต่างประเทศ ได้มอบให้สำนักงานสาขาในประเทศไทยยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ดังนี้ ถือว่าบริษัทจำเลยมีภูมิลำเนาในส่วนกิจการนี้ในประเทศไทยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 โจทก์จึงฟ้องจำเลยเรื่องเครื่องหมายการค้าในศาลไทยได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับหุ้นเป็นประกันการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ขัดต่อกฎหมายธนาคารพาณิชย์และข้อบังคับธนาคาร
พระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์บัญญัติห้ามมิให้ธนาคารพาณิชย์รับหุ้นของธนาคารพาณิชย์นั้นเป็นประกันการให้สินเชื่อ หรือรับหุ้นของธนาคารพาณิชย์จากธนาคารพาณิชย์อื่นเป็นประกันการให้สินเชื่อ การที่จำเลยซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ ให้ ร.กู้เบิกเงินเกินบัญชี ถือเป็นการให้สินเชื่อตามมาตรา 4 แม้จำเลยจะใช้สิทธิยึดหุ้นของจำเลยจาก ร. ผู้ถือหุ้นไว้เป็นประกันหนี้สินตามข้อบังคับของจำเลยเมื่อ ร. ตกลงจำนำหุ้นไว้กับโจทก์แล้ว อันเป็นการยึดภายหลังจากการทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีหรือการให้สินเชื่อแก่ ร. ก็มีผลเท่ากับจำเลยรับหุ้นของตนเองเป็นประกันการชำระหนี้ จึงเป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ข้อบังคับของจำเลยในส่วนที่ให้จำเลยมีสิทธิยึดหุ้นของผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นหนี้จำเลยไว้เป็นประกันต่างหนี้สินได้ก่อนบุคคลอื่นจึงตกเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับใช้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113
of 92