พบผลลัพธ์ทั้งหมด 914 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3352/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งตัวผู้เยาว์เข้าสถานพินิจไม่ใช่การลงโทษ จึงไม่สามารถฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิด ให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางนั้น มิใช่เป็นการลงโทษ แต่เป็นวิธีการที่เบากว่าการลงโทษจำคุก จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3324/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผูกพันตามสัญญาของบริษัท เมื่อกรรมการผู้จัดการลงนามโดยไม่ประทับตราบริษัท
ในการติดต่อกับบุคคลธรรมดาอื่น ๆ บริษัทจำเลยที่ 1 มักจะไม่ประทับตราของบริษัท แต่เมื่อติดต่อกับหน่วยราชการจึงจะใช้ตราประทับ และเมื่อบริษัทจำเลยที่ 1 ทำสัญญาให้โจทก์รับเหมาช่วงขุดคลองส่งน้ำของกรมชลประทานกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อ แต่ไม่ได้ประทับตราบริษัท บริษัทจำเลยที่ 1 ก็ผูกพันตามสัญญา ดังนั้นการที่กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้แก่โจทก์เนื่องจากโจทก์หาเงินมาให้บริษัทจำเลยที่ 1 ใช้จ่ายในงานก่อสร้างที่รับเหมาจากกรมชลประทานแม้จะมิได้ประทับตราบริษัทจำเลยที่ 1 ก็เป็นการทำแทนบริษัทหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวจึงผูกพันบริษัทจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3324/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผูกพันตามหนังสือรับสภาพหนี้ แม้ไม่มีตราบริษัท โดยพิจารณาจากพฤติการณ์การทำสัญญาและการกระทำของกรรมการผู้จัดการ
ในการติดต่อกับบุคคลธรรมดาอื่น ๆ บริษัทจำเลยที่ 1 มักจะไม่ประทับตราของบริษัท แต่เมื่อติดต่อกับหน่วยราชการจึงจะใช้ตราประทับ และเมื่อบริษัทจำเลยที่ 1 ทำสัญญาให้โจทก์รับเหมาช่วงขุดคลองส่งน้ำของกรมชลประทานกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1ได้ลงลายมือชื่อ แต่ไม่ได้ประทับตราบริษัท บริษัทจำเลยที่ 1 ก็ผูกพันตามสัญญา ดังนั้นการที่กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้แก่โจทก์เนื่องจากโจทก์หาเงินมาให้บริษัทจำเลยที่ 1 ใช้จ่ายในงานก่อสร้างที่รับเหมาจากกรมชลประทานแม้จะมิได้ประทับตราบริษัทจำเลยที่ 1 ก็เป็นการทำแทนบริษัทหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวจึงผูกพันบริษัทจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3279/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทนเช่าที่ดิน: สิทธิและหน้าที่ของผู้รับโอนมรดก
เจ้าของเดิมตกลงให้จำเลยที่ 1 และสามีเช่าที่พิพาทปลูกตึกแถวอยู่อาศัยกำหนด 30 ปี โดยจำเลยที่ 1 กับสามีต้องเสียค่าตอบแทนให้เจ้าของเดิมเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท เมื่อครบกำหนด 30 ปี แล้วตึกแถวที่จำเลยที่ 1 กับสามีสร้างขึ้นตกเป็นของเจ้าของเดิม ข้อตกลงระหว่างจำเลยที่ 1และสามีกับเจ้าของเดิมจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาซึ่งสัญญาดังกล่าวไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเมื่อเจ้าของเดิมถึงแก่กรรม โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกและในฐานะภริยาผู้มีส่วนได้รับมรดกต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ซึ่งเจ้าของเดิมมีต่อจำเลยที่ 1 ตามสัญญาต่างตอบแทนที่ตกลงกันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3279/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทนที่ดิน: สิทธิและหน้าที่ของผู้รับโอนมรดก
เจ้าของเดิมตกลงให้จำเลยที่ 1 และสามีเช่าที่พิพาทปลูกตึกแถวอยู่อาศัยกำหนด 30 ปี โดยจำเลยที่ 1 กับสามีต้องเสียค่าตอบแทนให้เจ้าของเดิมเป็นจำนวนเงิน 50,000บาท เมื่อครบกำหนด 30 ปีแล้วตึกแถวที่จำเลยที่ 1 กับสามีสร้างขึ้นตกเป็นของเจ้าของเดิม ข้อตกลงระหว่างจำเลยที่ 1 และสามีกับเจ้าของเดิมจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาซึ่งสัญญาดังกล่าวไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเมื่อเจ้าของเดิมถึงแก่กรรม โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกและในฐานะภริยาผู้มีส่วนได้รับมรดกต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ซึ่งเจ้าของเดิมมีต่อจำเลยที่ 1 ตามสัญญาต่างตอบแทนที่ตกลงกันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3254/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ที่ไม่สมบูรณ์จากการเจรจาชดใช้หนี้เดิม สัญญาที่ทำขึ้นเพื่อประโยชน์ฝ่ายเดียว
โจทก์เป็นหนี้อาจำเลย โจทก์จ่ายเงินให้อาจำเลยไป20,000 บาท และให้จำเลยทำสัญญาว่าจะผ่อนคืนให้โจทก์เดือนละ 300 บาทจำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์ก็เพื่อให้โจทก์ยอมชำระหนี้แก่อาจำเลย โดยจำเลยไม่ได้รับเงินหรือมีมูลหนี้ที่จะต้องชำระให้โจทก์ตามสัญญากู้ สัญญากู้จึงไม่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3129/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องสอดเป็นฟ้องซ้อน: สิทธิสินสมรสและการฉ้อฉลสัญญาเช่า
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากโจทก์แล้วผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่า โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้วขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร ผู้ร้องยื่นคำร้องสอดว่าผู้ร้องเป็นภรรยาของจำเลย ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นสินสมรสผู้ร้องมีส่วนเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่ง จำเลยนำไปขายฝากโดยผู้ร้องไม่ทราบ เมื่อผู้ร้องทราบได้ฟ้องจำเลยขอให้ลงชื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมในโฉนดที่ดินพิพาทคดีอยู่ระหว่างพิจารณา ก่อนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทจะหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์ผู้ร้องได้ขอไถ่การขายฝากแต่โจทก์ไม่ให้ไถ่ ผู้ร้องได้ฟ้องโจทก์และจำเลยว่าสมคบกันไม่ยอมให้ผู้ร้องไถ่ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา และที่จำเลยทำสัญญาเช่ากับโจทก์เป็นการฉ้อฉลโดยจำเลยมีเจตนาจะให้ผิดสัญญาเพื่อโจทก์จะได้ฟ้องขับไล่จำเลยกับบริวารคือผู้ร้อง จึงขอร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยเพื่อขอให้ศาลรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) คำร้องสอดของผู้ร้องดังกล่าวเป็นการตั้งสิทธิเข้ามาในฐานะเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม เป็นปฏิปักษ์แก่ทั้งโจทก์และจำเลย หาใช่เข้ามาเพียงเป็นจำเลยต่อสู้คดีกับโจทก์โดยเฉพาะไม่ซึ่งถ้าศาลรับคำร้องสอดไว้ โจทก์จำเลยก็ต้องให้การแก้คำร้องสอด คำร้องสอดของผู้ร้องจึงเป็นคำฟ้อง และผู้ร้องอยู่ในฐานะเป็นโจทก์ ทั้งสิทธิที่ผู้ร้องอ้างว่าถูกโจทก์จำเลยโต้แย้งนี้ ผู้ร้องได้ฟ้องโจทก์จำเลยต่อศาลไว้ก่อน คดีอยู่ระหว่างพิจารณา คำร้องสอดของผู้ร้องจึงเป็นฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา173(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3129/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องสอดเป็นฟ้องซ้อน: สิทธิเจ้าของร่วมสินสมรสถูกโต้แย้งในคดีขับไล่
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากโจทก์แล้วผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่า โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้วขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร ผู้ร้องยื่นคำร้องสอดว่าผู้ร้องเป็นภรรยาของจำเลย ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นสินสมรสผู้ร้องมีส่วนเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่ง จำเลยนำไปขายฝากโดยผู้ร้องไม่ทราบ เมื่อผู้ร้องทราบได้ฟ้องจำเลยขอให้ลงชื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมในโฉนดที่ดินพิพาทคดีอยู่ระหว่างพิจารณา ก่อนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทจะหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์ผู้ร้องได้ขอไถ่การขายฝากแต่โจทก์ไม่ให้ไถ่ ผู้ร้องได้ฟ้องโจทก์และจำเลยว่าสมคบกันไม่ยอมให้ผู้ร้องไถ่ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา และที่จำเลยทำสัญญาเช่ากับโจทก์เป็นการฉ้อฉลโดยจำเลยมีเจตนาจะให้ผิดสัญญาเพื่อโจทก์จะได้ฟ้องขับไล่จำเลยกับบริวารคือผู้ร้อง จึงขอร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยเพื่อขอให้ศาลรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) คำร้องสอดของผู้ร้องดังกล่าวเป็นการตั้งสิทธิเข้ามาในฐานะเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม เป็นปฏิปักษ์แก่ทั้งโจทก์และจำเลย หาใช่เข้ามาเพียงเป็นจำเลยต่อสู้คดีกับโจทก์โดยเฉพาะไม่ซึ่งถ้าศาลรับคำร้องสอดไว้ โจทก์จำเลยก็ต้องให้การแก้คำร้องสอด คำร้องสอดของผู้ร้องจึงเป็นคำฟ้อง และผู้ร้องอยู่ในฐานะเป็นโจทก์ ทั้งสิทธิที่ผู้ร้องอ้างว่าถูกโจทก์จำเลยโต้แย้งนี้ ผู้ร้องได้ฟ้องโจทก์จำเลยต่อศาลไว้ก่อน คดีอยู่ระหว่างพิจารณา คำร้องสอดของผู้ร้องจึงเป็นฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา173(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3081/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ไม่เป็นความผิด หากเข้าโดยได้รับอนุญาตโดยปริยาย หรือมีเหตุผลอันสมควร
บริษัท น. อนุญาตให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกหลังบริษัทเข้าประตูด้านหลังผ่านที่ดินของบริษัทไปออกทางประตูหน้าได้ จำเลยที่ 1 ซึ่งมีบ้านอยู่หลังบริษัทได้เดินเข้าออกทางประตูหลังบริษัทเป็นประจำ จำเลยที่ 2ได้เข้าไปทำงานรับจ้างลอกคลองที่หลังบริษัทก่อนเกิดเหตุสองวันแล้ว การที่จำเลยทั้งสองโดยสารรถยนต์ที่ ย.เป็นผู้ขับผ่านเข้าไปในที่ดินของบริษัทในวันเกิดเหตุเพราะจำเลยที่ 1 เคยเข้าออกเป็นประจำ และจำเลยที่ 2 จะไปทำงานรับจ้างลอกคลองที่หลังบริษัท จึงหาใช่เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท น. โดยปกติสุขไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3081/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกไม่สำเร็จเมื่อเข้าได้ตามปกติและไม่มีเจตนาอื่น การวิวาทเป็นเรื่องส่วนตัว
บริษัท น. อนุญาตให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกหลังบริษัทเข้าประตูด้านหลังผ่านที่ดินของบริษัทไปออกทางประตูหน้าได้ จำเลยที่ 1 ซึ่งมีบ้านอยู่หลังบริษัทได้เดินเข้าออกทางประตูหลังบริษัทเป็นประจำ จำเลยที่ 2ได้เข้าไปทำงานรับจ้างลอกคลองที่หลังบริษัทก่อนเกิดเหตุสองวันแล้ว การที่จำเลยทั้งสองโดยสารรถยนต์ที่ ย.เป็นผู้ขับผ่านเข้าไปในที่ดินของบริษัทในวันเกิดเหตุเพราะจำเลยที่ 1 เคยเข้าออกเป็นประจำ และจำเลยที่ 2 จะไปทำงานรับจ้างลอกคลองที่หลังบริษัท จึงหาใช่เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท น. โดยปกติสุขไม่