คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชลูตม์ สวัสดิทัต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 914 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาให้/คำมั่นจะให้ทรัพย์สินต้องจดทะเบียนจึงมีผลผูกพัน ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ
โจทก์ขายฝากที่ดินของโจทก์ไว้กับจำเลย ครบกำหนดเวลาไถ่แล้ว จำเลยทำสัญญาว่าจะแบ่งที่ดินคืนให้โจทก์บางส่วนเพื่อมนุษยธรรม สัญญาดังกล่าวไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ แต่เป็นสัญญาให้หรือคำมั่นจะให้ทรัพย์สิน เมื่อไม่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 526 สัญญานั้นก็ไม่ผูกพันจำเลย โจทก์จะอาศัยสัญญาดังกล่าวมาฟ้องบังคับให้จำเลยแบ่งที่พิพาทให้โจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาให้ทรัพย์สินที่ไม่จดทะเบียน: ไม่ผูกพัน แม้ทำสัญญาแบ่งแยกที่ดินเพื่อมนุษยธรรม
โจทก์ขายฝากที่ดินของโจทก์ไว้กับจำเลย ครบกำหนดเวลาไถ่แล้ว จำเลยทำสัญญาว่าจะแบ่งที่ดินคืนให้โจทก์บางส่วนเพื่อมนุษยธรรม สัญญาดังกล่าวไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความแต่เป็นสัญญาให้ หรือคำมั่นจะให้ทรัพย์สิน เมื่อไม่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 526 สัญญานั้นก็ไม่ผูกพันจำเลย โจทก์จะอาศัยสัญญาดังกล่าวมาฟ้องบังคับให้จำเลยแบ่งที่พิพาทให้โจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2528/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินโดยไม่สุจริต ศาลไม่จำต้องวินิจฉัยหากจำเลยไม่ได้ยกประเด็นนี้ขึ้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารในที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้ปลูกสร้างในที่ดินของโจทก์ จำเลยปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของจำเลยซึ่งซื้อไว้จากจำเลยร่วมโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย จำเลยมิได้กล่าวในคำให้การว่าได้ปลูกสร้างเรือนในที่พิพาทโดยสุจริต ศาลชั้นต้นตั้งประเด็นข้อพิพาทไว้เพียงไว้เพียงว่า จำเลยได้ปลูกสร้างอาคารอยู่ในที่ดินของโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ คดีจึงไม่มีข้อให้วินิจฉัยเลยไปถึงว่า ถ้าอาคารของจำเลยที่ปลูกสร้างไว้ได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์แล้ว จำเลยกระทำโดยสุจริตหรือไม่
ศาลชั้นต้นมีหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามคำขอของจำเลยแต่จำเลยร่วมไม่ยอมเข้ามาในคดีจนศาลชั้นต้นมีคำสั่งขาดนัดยื่นคำให้การ เมื่อศาลชั้นต้นทำการสอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าพอจะวินิจฉัยคดีได้ ศาลชั้นต้นก็ไม่จำต้องทำการสืบพยานต่อไป และไม่จำต้องเรียกจำเลยร่วมมาสอบถาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2528/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลูกสร้างรุกล้ำที่ดิน โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่การตั้งประเด็นข้อพิพาทและสิทธิโดยสุจริต
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารในที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้ปลูกสร้างในที่ดินของโจทก์ จำเลยปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของจำเลยซึ่งซื้อไว้จากจำเลยร่วมโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย จำเลยมิได้กล่าวในคำให้การว่าได้ปลูกสร้างเรือนในที่พิพาทโดยสุจริต ศาลชั้นต้นตั้งประเด็นข้อพิพาทไว้เพียงว่า จำเลยได้ปลูกสร้างอาคารอยู่ในที่ดินของโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ คดีจึงไม่มีข้อให้วินิจฉัยเลยไปถึงว่า ถ้าอาคารของจำเลยที่ปลูกสร้างไว้ได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์แล้ว จำเลยกระทำโดยสุจริตหรือไม่
ศาลชั้นต้นมีหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามคำของจำเลยแต่จำเลยร่วมไม่ยอมเข้ามาในคดีจนศาลชั้นต้นมีคำสั่งขาดนัดยื่นคำให้การ เมื่อศาลชั้นต้นทำการสอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าพอจะวินิจฉัยคดีได้ ศาลชั้นต้นก็ไม่จำต้องทำการสืบพยานต่อไป และไม่จำต้องเรียกจำเลยร่วมมาสอบถาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่รับคำให้การตามมาตรา 199 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง: ห้ามอุทธรณ์ระหว่างพิจารณา
คำสั่งศาลชั้นต้นที่เมื่อไต่สวนแล้วเห็นว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จึงมีคำสั่งไม่รับคำให้การมิใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 แต่เป็นการสั่งตาม มาตรา199 เป็นคำสั่งโดยปกติในระหว่างการพิจารณาของศาลก่อนที่จะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีอันไม่เข้ากรณีที่ระบุเป็นข้อยกเว้นไว้ตาม มาตรา227,228 จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาแล้วพิพากษาคดีไปนั้นจึงไม่ชอบ และหามีผลแต่ประการใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2423/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติด การซื้อขายและส่งมอบของยังไม่สมบูรณ์ ไม่ถือเป็นความผิดฐานจำหน่าย
สายลับวางเงินมัดจำค่าเฮโรอีนไว้แล้วส่วนในวันจับกุมไม่ได้เตรียมเงินไปชำระอีกจับกุมได้ขณะจำเลยนำสายลับไปเอาของยังฟังไม่ได้ว่ามีการซื้อขายและส่งมอบของที่ซื้อขายกันเฮโรอีนของกลางยังคงอยู่ในความครอบครองของจำเลยในขณะนั้นจำเลยยังไม่มีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2420/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลอนุญาตถอนฟ้อง: พิจารณาความสุจริตและผลกระทบต่อคู่ความ
แม้จำเลยจะไม่ยอมให้โจทก์ถอนฟ้อง แต่การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล โดยพิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลอื่น ๆ โดยทั่วไปประกอบเช่น ความสุจริตในการดำเนินคดีของโจทก์. และผลได้ผลเสียของคู่ความเป็นต้น
จำเลยอ้างว่าใบมอบอำนาจตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์หากพิจารณาคดีไปแล้ว ศาลต้องยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุนี้ก็มิใช่เป็นเรื่องที่ศาลยกฟ้องเพราะได้วินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาท โจทก์ย่อมนำคดีมาฟ้องใหม่ได้ ทั้งคำฟ้องก็ชอบด้วยกฎหมายแล้ว การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้อง ขอเพิ่มเอกสารหมายเลข 4 ท้ายฟ้องจากเดิม 1 แผ่นเป็น 24 แผ่น ภายหลังที่มีการชี้สองสถานแล้วนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะไม่อนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง โจทก์ก็มีสิทธิที่จะอ้างอิงเอกสารเหล่านี้ในชั้นพิจารณาได้ เพราะเป็นเอกสารที่แสดงรายละเอียดประกอบเอกสารหมายเลข 4ท้ายฟ้อง หากโจทก์จะถอนฟ้องหรือดำเนินคดีนี้ต่อไปโดยไม่ถอนฟ้อง ก็หาทำให้จำเลยได้เปรียบหรือเสียเปรียบแตกต่างจากกันไม่ จึงควรอนุญาตให้ถอนฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2420/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการอนุญาตให้ถอนฟ้อง พิจารณาความสุจริตและผลกระทบต่อคู่ความ
แม้จำเลยจะไม่ยอมให้โจทก์ถอนฟ้อง แต่การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล โดยพิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลอื่นๆ โดยทั่วไปประกอบ เช่น ความสุจริตในการดำเนินคดีของโจทก์ และผลได้ผลเสียของคู่ความเป็นต้น
จำเลยอ้างว่าใบมอบอำนาจตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์ หากพิจารณาคดีไปแล้ว ศาลต้องยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุนี้ ก็มิใช่เป็นเรื่องที่ศาลยกฟ้องเพราะได้วินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาท โจทก์ย่อมนำคดีมาฟ้องใหม่ได้ ทั้งคำฟ้องก็ชอบด้วยกฎหมายแล้ว การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้อง ขอเพิ่มเอกสารหมายเลข 4 ท้ายฟ้องจากเดิม 1 แผ่น เป็น 24 แผ่น ภายหลังที่มีการชี้สองสถานแล้วนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะไม่อนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง โจทก์ก็มีสิทธิที่จะอ้างอิงเอกสารเหล่านี้ในชั้นพิจารณาได้ เพราะเป็นเอกสารที่แสดงรายละเอียดประกอบเอกสารหมายเลข 4 ท้ายฟ้อง หากโจทก์จะถอนฟ้องหรือดำเนินคดีนี้ต่อไปโดยไม่ถอนฟ้อง ก็หาทำให้จำเลยได้เปรียบหรือเสียเปรียบแตกต่างจากกันไม่ จึงควรอนุญาตให้ถอนฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อคดีอาญา: จำเลยต้องนำสืบความเชื่อมโยงของคดีอาญาแต่ละหมายเลขดำ/แดงด้วยตนเอง ศาลไม่สามารถทราบได้เอง
โจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ระบุในคำร้องขอให้นับโทษต่อจากคดีหมายเลขแดงดังกล่าวโดยมิได้ระบุว่าหมายเลขคดีแดงดังกล่าวนั้นตรงกับหมายเลขคดีดำที่เท่าใด คดีหมายเลขแดงตามคำร้องจะตรงกับคดีหมายเลขดำตามคำขอท้ายฟ้องที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อหรือไม่นั้นจึงเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบ แม้คดีดังกล่าวจะอยู่ในศาลเดียวกันก็มิใช่ข้อเท็จจริงที่ศาลจะทราบได้เอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับประกันภัยค้ำจุนและการใช้สิทธิไล่เบี้ย: ศาลชอบที่จะพิพากษาให้บริษัทประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายก่อนผู้เอาประกันภัย
บริษัทจำเลยร่วมเป็นผู้รับประกันภัยประเภทค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 1เพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่อีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลหมายเรียก จำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) มีผลเสมือนจำเลยร่วมถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ จำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะให้เรียกค่าเสียหายเอาจากจำเลยร่วมได้โดยตรงก่อนตามจำนวนเงินในกรมธรรม์ประกันภัยที่ทำไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887
of 92