พบผลลัพธ์ทั้งหมด 914 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2134/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตรผู้เยาว์ การใช้ความระมัดระวังตามควรแก่หน้าที่
จำเลยที่ 2 ที่ 3 บิดามารดาของจำเลยที่ 1 ให้การว่าตนไม่ต้องรับผิดในการกระทำของจำเลยที่ 1 เพราะจำเลยที่ 1 บรรลุนิติภาวะแล้ว เป็นเพียงคำให้การที่อ้างว่าจำเลยทั้งสองไม่มีส่วนพัวพันกับการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้เป็นอย่างเดียวกันกับการใช้ความระมัดระวังตามควรแก่หน้าที่ดูแลแต่อย่างใดจำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบพิสูจน์ให้พ้นความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2118/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชดใช้ค่าเสียหายจากการไม่ส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าใช้ และการครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นโดยไม่ชอบ
จำเลยได้รับมอบเครื่องอุปกรณ์การทำอาหารกระป๋องของโจทก์ไปเพื่อใช้ผลิตมะเขือเทศกระป๋องตกลงกันว่าในภายหน้าหากตกลงราคากันได้จำเลยก็จะรับซื้อไว้หากตกลงกันไม่ได้ จำเลยจะคืนเครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวให้ ต่อมาจำเลยไม่รับซื้อและส่งคืนอุปกรณ์ให้โจทก์เพียงบางส่วนโจทก์ไม่รับคืนทั้งที่แยกใช้ได้เป็นส่วน ๆ เป็นการไม่บรรเทาความเสียหาย การที่จำเลยหน่วงเหนี่ยวไม่ส่งเครื่องอุปกรณ์ในจำนวนส่วนที่เหลือจึงเป็นการครอบครองทรัพย์ของโจทก์ไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในส่วนนี้ต่อมาจนถึงวันส่งมอบ
แม้เครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวที่เหลืออยู่จะเป็นส่วนใหญ่แต่ประโยชน์การใช้สอยที่โจทก์สามารถให้เช่าได้จะเป็นจำนวนเงินมากน้อยเพียงใดไม่ปรากฏ ศาลกำหนดให้ตามที่เห็นสมควรได้
แม้เครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวที่เหลืออยู่จะเป็นส่วนใหญ่แต่ประโยชน์การใช้สอยที่โจทก์สามารถให้เช่าได้จะเป็นจำนวนเงินมากน้อยเพียงใดไม่ปรากฏ ศาลกำหนดให้ตามที่เห็นสมควรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2116/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการสินสมรสและการยกอายุความมรดก: สามีมีอำนาจใช้สิทธิทายาทเพื่อต่อสู้คดีได้
โจทก์ฟ้องเรียกมรดกจากจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากัน เมื่อทรัพย์มรดกที่ตกได้แก่จำเลยที่ 2 ก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระหนึ่งจึงเป็นสินสมรส จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีย่อมมีอำนาจจัดการและฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์มรดกซึ่งเป็นสินบริคณห์ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ บรรพ 5 (เดิม) แม้ภายหลังมีพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ซึ่งได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 แล้ว จำเลยที่ 1 ยังคงมีอำนาจจัดการทรัพย์พิพาทต่อไปตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจใช้สิทธิจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นทายาทยกอายุความ 1 ปี ขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2116/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการสินสมรสและอายุความมรดก: สามีใช้อายุความแทนทายาทได้
โจทก์ฟ้องเรียกมรดกจากจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากันเมื่อทรัพย์มรดกที่ตกได้แก่จำเลยที่ 2 ก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่จึงเป็นสินสมรส จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีย่อมมีอำนาจจัดการและฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์มรดกซึ่งเป็นสินบริคณห์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5(เดิม) แม้ภายหลังมีพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5ซึ่งได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ.2519 แล้ว จำเลยที่ 1ยังคงมีอำนาจจัดการทรัพย์พิพาทต่อไปตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจใช้สิทธิของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นทายาทยกอายุความ 1 ปีขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากความประมาทเลินเล่อในการสูบถ่ายน้ำมัน ทำให้เกิดเพลิงไหม้ และความรับผิดของนายจ้างร่วม
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้กระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการต่อท่อสูบถ่ายน้ำมันเบนซินจากเรือบรรทุกน้ำมันเข้าคลังน้ำมันของจำเลยที่ 3 ที่ 4 เมื่อเดินเครื่องสูบน้ำมันแล้วเป็นเหตุให้น้ำมันเบนซิน 5,195 ลิตร รั่วไหลตกลงไปในแม่น้ำแผ่กระจายไปบนผิวน้ำถ่านที่เหลือจากการหุงต้มทิ้งลงในแม่น้ำตามปกติทำให้เกิดไฟลุกไหม้น้ำมันเบนซินบนผิวน้ำลุกลามไหม้บ้านเรือนทรัพย์สินของโจทก์อย่างรวดเร็วเป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยทั้งสองต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายที่เกิดขึ้น
จำเลยที่ 3 ที่ 4 ดำเนินกิจการคลังน้ำมันร่วมกันโดย ช. ลูกจ้างของจำเลยที่ 4 เป็นผู้จัดการคลังน้ำมันร่วมกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการของจำเลยที่ 3 ถือได้ว่าการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ผู้เป็นนายจ้างร่วมกัน จำเลยที่ 3 และที่ 4 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย
จำเลยที่ 3 ที่ 4 ดำเนินกิจการคลังน้ำมันร่วมกันโดย ช. ลูกจ้างของจำเลยที่ 4 เป็นผู้จัดการคลังน้ำมันร่วมกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการของจำเลยที่ 3 ถือได้ว่าการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ผู้เป็นนายจ้างร่วมกัน จำเลยที่ 3 และที่ 4 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2058/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบหักล้างเอกสารสัญญาซื้อขาย กรณีอ้างหลงเชื่อคำกล่าวอ้างเพื่อความสะดวกในการแบ่งแยกโฉนด
จำเลยต่อสู้ว่า การที่ยอมลงชื่อในสัญญาซื้อขายที่ดินเพราะหลงเชื่อคำของโจทก์ที่อ้างว่าเพื่อสะดวกแก่การแบ่งแยกซึ่งเท่ากับเป็นการอ้างว่าหนี้ตามสัญญาไม่สมบูรณ์ จำเลยมีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างเอกสารนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2039/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่มีวันที่ออก ไม่ถือเป็นความผิดอาญา แม้ตกลงกันลงวันที่ภายหลัง
จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้โจทก์โดยไม่ลงวันออกเช็ค ถือว่าไม่มีวันที่จำเลยกระทำความผิด แม้จะตกลงกันให้โจทก์ลงวันในเช็คนั้นเป็นวันใดวันหนึ่ง ก็เป็นเพียงให้เช็คได้มีรายการครบถ้วนตามกฎหมายเพื่อใช้ฟ้องร้องบังคับกันได้ในทางแพ่ง หาทำให้กลับเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2032/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วย ศาลต้องอนุญาตหากมีเหตุผลน่าเชื่อถือ และไม่ถือเป็นการขาดนัด
ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่าทนายโจทก์ป่วย เมื่อมีเหตุน่าเชื่อว่าทนายโจทก์ป่วยจนไม่อาจดำเนินคดีได้ ถือได้ว่ากรณีมีความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ประกอบกับเป็นการขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรก จึงมีเหตุอันควรที่จะอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีได้ โดยมิต้องคำนึงว่ามีการยื่นบัญชีระบุพยานแล้วหรือไม่ เพราะเป็นคนละกรณีกัน
เมื่อศาลไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและมีคำสั่งว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณาและไม่มีพยานมาสืบ ให้สืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาติให้โจทก์เลื่อนคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 กรณีไม่ถือว่าเป็นกระบวนพิจารณาโดยขาดนัดจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 208
เมื่อศาลไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและมีคำสั่งว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณาและไม่มีพยานมาสืบ ให้สืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาติให้โจทก์เลื่อนคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 กรณีไม่ถือว่าเป็นกระบวนพิจารณาโดยขาดนัดจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 208
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2032/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วย: ศาลต้องอนุญาตหากมีเหตุผลเชื่อได้ และเป็นการเลื่อนครั้งแรก
ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่าทนายโจทก์ป่วยเมื่อมีเหตุน่าเชื่อว่าทนายโจทก์ป่วยจนไม่อาจดำเนินคดีได้ ถือได้ว่า กรณีมีความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ประกอบกับเป็นการขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรก จึงมีเหตุอันควรที่จะอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีได้ โดยมิต้องคำนึงว่ามีการยื่นบัญชีระบุพยานแล้วหรือไม่ เพราะเป็นคนละกรณีกัน
เมื่อศาลไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและไม่มีพยานมาสืบ ให้สืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 กรณีไม่ถือว่าเป็นกระบวนพิจารณาโดยขาดนัดจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา208
เมื่อศาลไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและไม่มีพยานมาสืบ ให้สืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 กรณีไม่ถือว่าเป็นกระบวนพิจารณาโดยขาดนัดจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา208
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2014/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชดใช้ค่าผลงานหลังเลิกสัญญา: ศาลยืนตามคำพิพากษาให้ชดใช้เงินตามควรค่าของงานที่ทำไปแล้ว แม้จะมีการเลิกสัญญา
เมื่อมีการเลิกสัญญาต่อกันแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม ส่วนที่เป็นการงานอันที่โจทก์ได้กระทำและยอมให้จำเลยได้ใช้สิทธินั้น โจทก์มีสิทธิที่จะได้รับการชดใช้คืนด้วยการใช้เงินตามควรแห่งค่าของผลงานที่ทำไปแล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยจ่ายค่าจ้างที่ค้างชำระให้โจทก์ กรณีพอถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากผลงานที่ทำไปแล้ว ชอบที่ศาลจะหยิบยกผลของการงานที่โจทก์ทำไปแล้วมาเป็นข้อวินิจฉัยเพื่อให้มีการชดใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 ได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
โจทก์ฟ้องให้จำเลยจ่ายค่าจ้างที่ค้างชำระให้โจทก์ กรณีพอถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากผลงานที่ทำไปแล้ว ชอบที่ศาลจะหยิบยกผลของการงานที่โจทก์ทำไปแล้วมาเป็นข้อวินิจฉัยเพื่อให้มีการชดใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 ได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ