คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชลูตม์ สวัสดิทัต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 914 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนบริษัทต่างประเทศมีหน้าที่เสียภาษีเมื่อประกอบกิจการในไทยหรือไม่
ลูกจ้าง ผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อ ที่เป็นตัวแทนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวี นั้น จะต้องเป็นลูกจ้างหรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อในการประกอบกิจการซึ่งเป็นเหตุให้นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ได้รับเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 151/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งนำส่งบัญชีและเอกสารหลักฐาน: ระยะเวลาการบอกกล่าวและการออกหมายเรียก
ระยะเวลานับแต่วันรุ่งขึ้น เจ้าพนักงานประเมินจำเลยส่งหมายให้โจทก์วันที่ 16 กันยายนให้นำบัญชีเอกสารหลักฐานมาแสดงในวันที่ 23 กันยายนต้องเริ่มนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158 บอกล่วงหน้าไม่ครบ 7 วันตามประมวลรัษฎากร มาตรา 19, 23 แต่จำเลยเตือนโจทก์และโจทก์ขอเลื่อนเวลาออกไปเกินกำหนดถือว่าให้เวลาเกิน 7 วันแล้วได้
กำหนดเวลา 150 วันตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 71 หมายถึงออกหมายเรียกหลังจาก 150 วัน จากวันครบรอบระยะเวลาบัญชีโดยโจทก์ยื่นรายการแล้วหรือไม่ยื่นรายการ ไม่ทำบัญชีหรือทำไม่ครบในกำหนดนั้นมิใช่ต้องออกหมายเรียกภายใน 150 วันนับแต่ครบรอบระยะเวลาบัญชี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมโอนที่ดินกระทบสิทธิบุคคลภายนอก ศาลไม่อาจพิพากษาตามคำขอคืนที่ดินได้
การที่โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องให้จำเลยจัดการโอนที่ดินพิพาทซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์ คืนให้แก่โจทก์นั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยรับโอนที่ดินพิพาทมาจากบุคคลภายนอก คำขอท้ายฟ้องย่อมมีผลให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนขายที่ดินพิพาทดังกล่าวระหว่างจำเลยกับบุคคลภายนอก อันเป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอกซึ่งมิได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดีด้วย ซึ่งบุคคลดังกล่าวอาจมีข้อโต้แย้งเป็นอย่างอื่น ศาลจึงพิพากษาคดีให้ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดลิขสิทธิ์และการปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า: จำเลยพิมพ์ปกหนังสือละเมิดลิขสิทธิ์และใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยพิมพ์ปกหนังสือแบบเรียนซึ่งเป็นหนังสือที่โจทก์ร่วมมีลิขสิทธิ์ขึ้นมีจำนวนถึง 5,000 แผ่น แสดงว่าเป็นการกระทำส่วนหนึ่งของการพิมพ์คัดลอกหนังสือแบบเรียนนั้นขึ้นใหม่ทั้งเล่มเพื่อขาย การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดไว้โดยเฉพาะหาใช่ลักษณะของการทำเอกสารปลอมไม่ จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 แต่การที่จำเลยเอาเครื่องหมายอักษร "ประชาช่าง" อยู่ภายในวงกลมของโจทก์ร่วมมาพิมพ์ไว้ที่ปกหนังสือของกลาง เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าหนังสือที่ใช้ปกดังกล่าวเป็นสินค้าของโจทก์ร่วมนั้น เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิมพ์ปกหนังสือละเมิดลิขสิทธิ์และการใช้เครื่องหมายการค้าของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยพิมพ์ปกหนังสือแบบเรียนซึ่งเป็นหนังสือที่โจทก์ร่วมกันมีลิขสิทธิ์ขึ้นมีจำนวนถึง 5,000 แผ่น แสดงว่าเป็นการกระทำส่วนหนึ่งของการพิมพ์เพื่อคัดลอกหนังสือแบบเรียนนั้นขึ้นใหม่ทั้งเล่มเพื่อขาย การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดไว้โดยเฉพาะ หาใช่ลักษณะของการทำเอกสารปลอมไม่ จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 แต่การที่จำเลยเอาเครื่องหมายอักษร "ประชาช่าง" อยู่ภายในวงกลมของโจทก์ร่วมมาพิมพ์ไว้ที่ปกหนังสือของกลาง เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าหนังสือที่ใช้ปกดังกล่าวเป้นสินค้าของโจทก์ร่วมนั้น เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแทนการขายทอดตลาด ต้องพิจารณาว่าเป็นรายได้จากอสังหาริมทรัพย์หรือการประกอบพาณิชยกรรมหรือไม่
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21(4) มิได้บังคับว่าศาลต้องทำการไต่สวนทุกกรณีที่คู่ความยื่นคำร้องขอเข้ามา แต่ศาลมีอำนาจจะไต่สวนตามคำขอหรือไม่แล้วแต่ศาลจะพิจารณาเห็นสมควร กรณีศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องเพราะเห็นว่า คำร้องขอของจำเลยไม่ต้องด้วยมาตรา 307 ดังนี้ แม้จะไต่สวนข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องขอก็ไม่อาจมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องขอนั้นได้ จึงชอบแล้ว
แม้จำเลยจะมีสำนักงานตั้งอยู่บนอสังหาริมทรัพย์รายได้จากการเป็นทนายความของจำเลยก็เกิดจากการประกอบวิชาชีพของจำเลยนั่นเอง รายได้จากการใช้วิชาชีพดังกล่าวไม่ใช่เป็นการค้าหรือมีลักษณะคล้ายคลึงใกล้เคียงกับการประกอบการพาณิชยกรรม จึงถือไม่ได้ว่าเป็นรายได้จากอสังหาริมทรัพย์หรือรายได้จากการประกอบพาณิชยกรรมในอันที่จะให้ศาลมีคำสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รายได้จากการประกอบวิชาชีพทนายความ ไม่ถือเป็นรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรา 307 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21 (4) มิได้บังคับว่าศาลต้องทำการไต่สวนทุกกรณีที่คู่ความยื่นคำร้องขอเข้ามา แต่ศาลมีอำนาจจะไต่สวนตามคำขอหรือไม่แล้วแต่ศาลจะพิจารณาเห็นสมควร กรณีศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องเพราะเห็นว่าคำร้องขอของจำเลยไม่ต้องด้วยมาตรา 307 ดังนี้ แม้จะไต่สวนข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องขอก็ไม่อาจมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องขอนั้นได้ จึงชอบแล้ว
แม้จำเลยจะมีสำนักงานตั้งอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ รายได้จากการเป็นทนายความของจำเลยก็เกิดจากการประกอบวิชาชีพของจำเลยนั่นเอง รายได้จากการใช้วิชาชีพดังกล่าวไม่ใช่เป็นการค้าหรือมีลักษณะคล้ายคลึงใกล้เคียงกับการประกอบการพาณิชยกรรม จึงถือไม่ได้ว่าเป็นรายได้จากอสังหาริมทรัพย์หรือรายได้จากการประกอบพาณิชยกรรม ในอันที่จะให้ศาลมีคำสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3330/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ & การเลิกจ้างที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ในเรื่องการกระทำอันไม่เป็นธรรมนั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าให้เป็นที่สุด ดังนั้น เมื่อโจทก์เห็นว่าคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่สั่งให้โจทก์จ่ายเงินค่าเสียหายให้แก่ ก. ลูกจ้างไม่ถูกต้อง ย่อมถือได้ว่าสิทธิหน้าที่ของโจทก์มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นแล้ว โจทก์ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์
เมื่อปรากฏว่า ก. ลูกจ้างได้ละทิ้งหน้าที่ขาดงานไปโดยมิได้ยื่นใบลาต่อหัวหน้าหน่วย และโจทก์ก็มิได้มีคำสั่งเลิกจ้าง ก. ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 121(1) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 และ ก. จะยื่นคำร้องกล่าวหาโจทก์ต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ตามมาตรา 124 ไม่ได้ คำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่ว่าโจทก์เลิกจ้าง ก. เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามมาตรา 121(1) และให้โจทก์จ่ายค่าเสียหายแก่ ก. จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3330/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ และการเลิกจ้างที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ในเรื่องการกระทำอันไม่เป็นธรรมนั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าให้เป็นที่สุด ดังนั้น เมื่อโจทก์เห็นว่าคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่สั่งให้โจทก์จ่ายเงินค่าเสียหายให้แก่ ก.ลูกจ้างไม่ถูกต้องย่อมถือได้ว่าสิทธิหน้าที่ของโจทก์มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นแล้ว โจทก์ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์
เมื่อปรากฏว่า ก.ลูกจ้างได้ละทิ้งหน้าที่ขาดงานไปโดยมิได้ยื่นใบลาต่อหัวหน้าหน่วยและโจทก์ก็มิได้มีคำสั่งเลิกจ้าง ก. ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 121 (1) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 และ ก. จะยื่นคำร้องกล่าวหาโจทก์ต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ตามมาตรา 124 ไม่ได้ คำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่ว่าโจทก์เลิกจ้าง ก.เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามมาตรา 121 (1) และให้โจทก์จ่ายค่าเสียหายแก่ ก. จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3292/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับใช้กฎหมายเฉพาะ (กฎเสนาบดีว่าด้วยที่กุศลสถาน) เหนือกฎหมายทั่วไป (ประมวลกฎหมายอาญา) ในคดีบุกรุกศาลเจ้า
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานบุกรุกเข้าไปอยู่อาศัยในศาลาโรงธรรมบ้านขมิ้นตั้งอยู่ในที่ดินของกระทรวงมหาดไทย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362,364,365 ทางพิจารณาได้ความว่าศาลาโรงธรรมบ้านขมิ้นได้ขึ้นทะเบียนเป็นศาลเจ้าไว้แล้ว จึงต้องบังคับตามเสนาบดีว่าด้วยที่กุศลสถานชนิดศาลเจ้า ข้อ 22 ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะ จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญาอันเป็นกฎหมายทั่วไปที่ใช้บังคับภายหลังและมิได้บัญญัติยกเลิกกฎเสนาบดีดังกล่าวหาได้ไม่ ทั้งการที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าว เป็นการอ้างกฎหมายผิดเป็นคนละเรื่อง มิใช่เป็นการอ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192 วรรคห้า ศาลจะลงโทษจำเลยตามกฎเสนาบดีว่าด้วยที่กุศลสถานชนิดศาลเจ้า ข้อ 22 มิได้ เพราะขัดต่อมาตรา 192 วรรคแรก จึงชอบที่จะพิพากษายกฟ้อง
of 92