คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชลูตม์ สวัสดิทัต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 914 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2407/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยมีเจตนาชู้สาว ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365
จำเลยได้รับอนุญาตให้นั่งดูโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ในห้องโถงนอกห้องนอนของผู้เสียหาย จะถือว่าผู้เสียหายอนุญาตให้เข้าไปในห้องนอนไม่ได้ การที่จำเลยเข้าไปจะล้มตัวลงนอนกับผู้เสียหายในขณะที่สามีผู้เสียหายเมาเหล้านอนอยู่นอกห้องนอนในเวลาดึก ดังนี้ จำเลยมีเจตนาร้ายต่อผู้เสียหายในทางชู้สาว เป็นการเข้าไปในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยไม่มีเหตุอันสมควร มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2348/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานเบิกความไม่สมเหตุผล ขาดความน่าเชื่อถือ ไม่พอฟังลงโทษฐานลักทรัพย์
พยานโจทก์รู้จักผู้เสียหาย จำเลย และกระบือของผู้เสียหายดี เห็นจำเลยกับพวกพากระบือของผู้เสียหายไปในเวลาดึกน่าจะเข้าใจว่าเป็นคนร้ายลักกระบือ และน่าจะซักถามจำเลยว่าจะพาไปไหน แต่ก็ไม่ได้ซักถาม ทั้งไม่ได้ไปบอกผู้เสียหายทราบก่อนที่จะทราบจากชาวบ้านว่ากระบือของผู้เสียหาย หายไป เป็นการผิดวิสัย ดังนี้ ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2259/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนส่งสินค้าหลายทอด: ผู้ขนส่งทอดสุดท้ายมีหน้าที่รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น
จำเลยมีหน้าที่ติดต่อกับการท่าเรือแห่งประเทศไทยเพื่อทราบชื่อเรือ กำหนดเรือเข้า จองท่าเทียบเรือ ติดต่อกรมศุลกากรเพื่อตรวจสินค้าและทราบราคาสินค้า ติดต่อกองตรวจคนเข้าเมืองเกี่ยวกับลูกเรือ แจ้งกรมเจ้าท่าเพื่อส่งเรือนำร่องและแจ้งให้เจ้าของสินค้านำใบตราส่งมามอบแก่จำเลย และรับใบปล่อยสินค้าที่จำเลยลงลายมือชื่อเพื่อไปรับสินค้าจากการท่าเรือฯ และรับจองระวางสินค้าที่จะออกจากท่าเรือแห่งประเทศไทยไปยังประเทศอื่น ซึ่งจำเลยจะลงลายมือชื่อในใบตราส่งแทนเจ้าของเรือ ดังนี้ เป็นวิธีการของการรับขนส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 615 และ มาตรา 622 มีลักษณะร่วมกันในการขนส่ง สินค้ากับ บริษัทเดินเรือต่างประเทศ และเป็นการขนส่ง หลายทอดโดยจำเลย เป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย จึงต้อง ร่วมรับผิดในการสูญหาย หรือบุบสลายของสินค้าที่ขนส่งตาม มาตรา 618

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2200/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการข่มขืนกระทำชำเรา แม้ยังไม่ได้ลงมือกระทำก็ถือเป็นความผิด
ระหว่างที่ผู้เสียหายไปเที่ยวงานมหกรรมช้าง จำเลยที่ 2 ซึ่งผู้เสียหายไม่เคยรู้จักมาก่อน ได้เข้ามาทักทายและไปเที่ยวงานด้วยกัน จนกระทั่งตกดึกผู้เสียหายจะกลับบ้านก็ขอให้จำเลยที่ 2 กับพวกไปส่ง จำเลยที่ 2ทำรีรอว่าจะรอเพื่อนก่อน แต่เมื่อผู้เสียหายเดินออกจากบริเวณงานก็เห็นจำเลยที่ 2 กับพวกเดินนำหน้าไปก่อน ครั้นถึงที่เกิดเหตุผู้เสียหายก็ถูกชายวัยรุ่นซึ่งมีจำเลยที่ 1 รวมอยู่ด้วยฉุดไปข่มขืนกระทำชำเราที่ข้างทาง ส่วนจำเลยที่ 2 ถอดกางเกงรออยู่ ผู้เสียหายขอร้องว่าอย่าทำหนูเลย จำเลยที่ 2 ตอบว่าอีกคนหนึ่ง แต่มีคนเดินมาคนร้ายจึงอุ้มผู้เสียหายไปที่อื่นแล้วข่มขืนกระทำชำเราจนผู้เสียหายสลบไป ตามพฤติการณ์ส่อว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับพวกเพื่อกระทำความผิดมาแต่ต้น
การร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงนั้นจะต้องก่อนหลังกันอยู่ พวกของจำเลยบางคนได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว บางคนกำลังข่มขืนกระทำชำเราอยู่ จำเลยที่ 2 ซึ่งได้ถอดกางเกงรออยู่พร้อมที่จะข่มขืนกระทำชำเราเป็นคนต่อไป แม้จะยังไม่ทันได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เพราะมีผู้อื่นมายังที่เกิดเหตุจึงหลบหนีไปเสียก่อน ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2200/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมข่มขืนโทรมหญิง แม้ไม่ได้ลงมือแต่เตรียมพร้อมเป็นผู้ร่วมกระทำผิด
ระหว่างที่ผู้เสียหายไปเที่ยวงานมหกรรมช้าง จำเลยที่ 2 ซึ่งผู้เสียหายไม่เคยรู้จักมาก่อน ได้เข้ามาทักทายและไปเที่ยวงานด้วยกัน จนกระทั่งตกดึกผู้เสียหายจะกลับบ้านก็ขอให้จำเลยที่ 2 กับพวกไปส่ง จำเลยที่ 2 ทำรีรอว่าจะรอเพื่อนก่อน แต่เมื่อผู้เสียหายเดินออกจากบริเวณงาน ก็เห็นจำเลยที่ 2 กับพวกเดินนำหน้าไปก่อน ครั้นถึงที่เกิดเหตุผู้เสียหายก็ถูกชายวัยรุ่นซึ่งมีจำเลยที่ 1 รวมอยู่ด้วยฉุดไปข่มขืนกระทำชำเราที่ข้างทาง ส่วนจำเลยที่ 2 ถอดกางเกงรออยู่ ผู้เสียหายขอร้องว่าอย่าทำหนูเลย จำเลยที่ 2 ตอบว่าอีกคนหนึ่ง แต่มีคนเดินมาคนร้ายจึงอุ้มผู้เสียหายไปที่อื่นแล้วข่มขืนกระทำชำเราจนผู้เสียหายสลบไป ตามพฤติการณ์ส่อว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับพวกเพื่อกระทำความผิดมาแต่ต้น
การร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงนั้นจะต้องก่อนหลังกันอยู่ พวกของจำเลยบางคนได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว บางคนกำลังข่มขืนกระทำชำเราอยู่ จำเลยที่ 2 ซึ่งได้ถอดกางเกงรออยู่พร้อมที่จะ ข่มขืนกระทำชำเราเป็นคนต่อไป แม้จะยังไม่ทันได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เพราะมีผู้อื่นมายังที่เกิดเหตุจึงหลบหนีไปเสียก่อน ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2075/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดบาดแผลทางกาย ถือเป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295
จำเลยทำร้ายผู้เสียหาย ปรากฏบาดแผลตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลคือ ริมฝีปากบนช้ำบวมแก้มข้างซ้ายบวมปวด ข้อเท้าซ้ายเคล็ดปวดคอด้านหลังปวดเวลาก้มเงยและปวดกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก รักษาประมาณ 5 วัน นับได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2075/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295
จำเลยทำร้ายผู้เสียหาย ปรากฏบาดแผลตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลคือ ริมฝีปากบนช้ำบวม แก้มข้างซ้ายบวมปวด ข้อเท้าซ้ายเคล็ดปวด คอด้านหลังปวดเวลาก้มเงย และปวดกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก รักษาประมาณ 5 วัน นับได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1890/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อบ้านจากการขายทอดตลาดบนที่ดินพิพาทที่มีสัญญาซื้อขายก่อนหน้า การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
แม้บ้านพิพาทซึ่งจำเลยซื้อมาจากการขายทอดตลาดของศาลจะปลูกอยู่ในที่ดินมีโฉนดของโจทก์ แต่เมื่อจำเลยให้การต่อสู้คดีว่า ที่ดินที่ปลูกบ้านพิพาทนั้นโจทก์ได้ทำสัญญาแบ่งขายให้ ล. และยินยอมให้ ล. เข้าไปปลูกบ้านพิพาท ต่อมาโจทก์บิดพลิ้วไม่ยอมรับชำระราคาที่ดินจากล. ล.จึงฟ้องให้โจทก์รับชำระราคาและโอนที่ดินให้ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณา ก่อนที่จำเลยจะซื้อบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาด ล. ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินที่ซื้อมาจากโจทก์ให้จำเลยและล. จะไปทำการโอนให้แก่ จำเลยเมื่อได้รับโอนจากโจทก์แล้ว ซึ่งโจทก์ก็ทราบและเข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดบ้านพิพาทด้วย เมื่อโจทก์ซื้อบ้านพิพาทไม่ได้จึงกลั่นแกล้งนำคดีมาฟ้องขับไล่จำเลย เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตดังนี้ หากเป็นความจริงดังที่จำเลยต่อสู้ การที่ ล. กับ ส. จำเลยในคดีที่ถูกยึดทรัพย์ปลูกบ้านพิพาทลงในที่ดินของโจทก์ก็เป็นการปลูกบ้านโดยมีสิทธิ หากในที่สุดโจทก์แพ้คดี ล. โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยรื้อบ้านพิพาทออกไปจากที่ดินดังกล่าว และจำเลยย่อมมีสิทธิอยู่ในที่ดินดังกล่าวได้ตามสัญญาจะซื้อขายที่ทำไว้กับ ล. ถ้าโจทก์รู้ความเช่นนี้แต่ยังมาชิงฟ้องขับไล่จำเลยเสียก่อน เพื่อให้จำเลยได้รับความเสียหาย ก็อาจเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตได้ จึงสมควรที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1890/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดิน สัญญาจะซื้อขาย และการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในการฟ้องขับไล่
แม้บ้านพิพาทซึ่งจำเลยซื้อมาจากการขายทอดตลาดของศาลจะปลูกอยู่ในที่ดินมีโฉนดของโจทก์ แต่เมื่อจำเลยให้การต่อสู้คดีว่า ที่ดินที่ปลูกบ้านพิพาทนั้นโจทก์ได้ทำสัญญาแบ่งขายให้ ล. และยินยอมให้ ล. เข้าไปปลูกบ้านพิพาท ต่อมาโจทก์บิดพลิ้วไม่ยอมรับชำระราคาที่ดินจากล. ล.จึงฟ้องให้โจทก์รับชำระราคาและโอนที่ดินให้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณา ก่อนที่จำเลยจะซื้อบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาด ล. ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินที่ซื้อมาจากโจทก์ให้จำเลยและล. จะไปทำการโอนให้แก่ จำเลยเมื่อได้รับโอนจากโจทก์แล้ว ซึ่งโจทก์ก็ทราบและ เข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดบ้านพิพาทด้วย เมื่อโจทก์ซื้อบ้านพิพาทไม่ได้จึงกลั่นแกล้งนำคดีมาฟ้องขับไล่จำเลย เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ดังนี้ หากเป็นความจริงดังที่จำเลยต่อสู้ การที่ ล. กับ ส. จำเลยใน คดีที่ถูกยึดทรัพย์ปลูกบ้านพิพาทลงในที่ดินของโจทก์ก็เป็นการปลูกบ้านโดยมีสิทธิ หากในที่สุดโจทก์แพ้คดี ล. โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยรื้อบ้านพิพาทออกไปจากที่ดินดังกล่าว และจำเลยย่อมมีสิทธิอยู่ในที่ดินดังกล่าวได้ตามสัญญาจะซื้อขายที่ทำไว้กับ ล. ถ้าโจทก์รู้ความเช่นนี้แต่ ยังมาชิงฟ้องขับไล่จำเลยเสียก่อน เพื่อให้จำเลยได้รับความเสียหาย ก็อาจ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตได้จึงสมควรที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1884/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อค่าเสียหายแต่ละรายไม่เกินห้าหมื่นบาท
โจทก์ทั้งสี่ต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวของโจทก์แต่ละคนตามลำพังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ฟ้องให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการละเมิดและการรับประกันภัยค้ำจุนซึ่งทำให้โจทก์แต่ละคนเสียหายแม้จะฟ้องรวมกันมาก็ต้องถือทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนแยกกัน ปรากฏว่าค่าเสียหายที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้องมีจำนวนไม่เกินห้าหมื่นบาท จำเลยที่ 3 จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา248
of 92