คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชลูตม์ สวัสดิทัต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 914 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อันตรายแก่กายจากการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาความรุนแรงของการกระทำและบาดแผล
การทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายนั้น จะต้องพิจารณาถึงพฤติการณ์ความรุนแรงแห่งการกระทำของจำเลยประกอบกับบาดแผลที่ผู้ถูกทำร้ายได้รับ จำเลยซึ่งเป็นหญิงใช้เล็บข่วนดั้งจมูกผู้เสียหายเป็นรอยเล็บข่วนยาวประมาณ 1 เซนติเมตร มีโลหิตไหล ยังถือไม่ได้ว่าเป็นอันตรายแก่กาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1863/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาต่างกันในการยิง และผลกระทบของ พ.ร.บ. ล้างมลทินต่อการเพิ่มโทษ
จำเลยและ ป. โกรธแค้น ม. ที่ฆ่า ส. เพื่อนของจำเลยตายจึง ถือปืนไปถามหา ม. ต่อ พ. และ ย. โดยมิได้มีเจตนาจะฆ่าพ. และ ย. มาก่อนเลย ครั้นไม่พบ ม. จำเลยก็ยิงและไล่ตามยิง พ.ส่วน ป. ยิงและไล่ตามยิง ย. ต่อมาอีกเล็กน้อยเมื่อ ป. ยิง ย.ขณะที่จำเลยอยู่ด้วย จำเลยก็มิได้ยิง ย. ตามพฤติการณ์ดังกล่าวส่อเจตนาของจำเลยและ ป. ว่าต่างคนต่างยิง พ.และ ย. เป็นเจตนาที่ต่างเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ จำเลยมิได้มีเจตนาร่วมกับ ป.ฆ่า ย. จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า ย. อีกกระทงหนึ่ง
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ. 2526 ประกาศใช้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2526 ซึ่งตามมาตรา 4 บัญญัติให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 6 เมษายน 2525 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ฯลฯ โดยถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในความผิดนั้นๆ จำเลยต้องโทษในกรณีความผิดซึ่งได้กระทำก่อนวันที่ 6 เมษายน 2525 และพ้นโทษคดีก่อนก่อนที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1863/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าต่างคนต่างทำ: ศาลยกความผิดพยายามฆ่ากระทงสอง, ล้างมลทินลดโทษ
จำเลยและ ป. โกรธแค้น ม. ที่ฆ่า ส. เพื่อนของจำเลย ตาย จึงถือปืนไปถามหา ม. ต่อ พ.และย. โดยมิได้ มีเจตนาจะฆ่า พ.และย.มาก่อนเลยครั้นไม่พบม.จำเลยก็ยิงและไล่ตามยิงพ. ส่วน ป. ยิงและไล่ ตามยิง ย.ต่อมาอีกเล็กน้อยเมื่อป.ยิงย. ขณะที่จำเลยอยู่ด้วย จำเลยก็มิได้ยิง ย. ตามพฤติการณ์ดังกล่าวส่อเจตนาของจำเลยและ ป. ว่าต่างคนต่างยิง พ.และ ย. เป็นเจตนาที่ต่างเพิ่งเกิดขึ้นใหม่. จำเลยมิได้มีเจตนาร่วมกับ ป. ฆ่า ย.จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าย. อีกกระทงหนึ่ง ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ. 2526 ประกาศใช้ มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2526 ซึ่งตามมาตรา 4 บัญญัติให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่างๆซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 6 เมษายน 2525 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัติ นี้ใช้บังคับ ฯลฯ โดยถือว่าผู้นั้นมิได้ เคยถูกลงโทษในความผิดนั้นๆ จำเลยต้องโทษในกรณีความผิด ซึ่งได้กระทำก่อนวันที่ 6 เมษายน 2525 และพ้นโทษคดีก่อนก่อนที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1828/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย้ง: การฟ้องแย้งของจำเลยไม่ได้รับผลจากการฟ้องของโจทก์ หากเป็นการเปลี่ยนสถานะจากลูกหนี้เป็นเจ้าหนี้
การที่จำเลยฟ้องแย้งแม้จะเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในมูลละเมิดอันเดียวกันต่อเนื่องกัน และที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามให้จำเลยฟ้องแย้งมาในคำให้การได้นั้น ก็เป็นบทบัญญัติที่ผ่อนผันให้จำเลยฟ้องมาในคำให้การได้เพื่อความสะดวกแก่จำเลยโดยไม่ต้องไปฟ้องเป็นคดีใหม่ให้ยุ่งยากและเสียเวลา แต่การที่จำเลยฟ้องแย้งโจทก์ เป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าหนี้ โจทก์เป็นลูกหนี้จึงเป็นคนละฝ่ายกัน ดังนั้นการฟ้องคดีของโจทก์ซึ่งทำให้อายุความสะดุดหยุดลงก็เฉพาะโจทก์ ไม่เป็นคุณแก่จำเลยผู้ฟ้องแย้งด้วย เมื่อจำเลยฟ้องแย้งพ้น 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ฟ้องแย้งของจำเลยจึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1828/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย้ง: การฟ้องของโจทก์สะดุดอายุความเฉพาะโจทก์ มิได้เป็นคุณแก่จำเลยที่ฟ้องแย้ง
การที่จำเลยฟ้องแย้งแม้จะเป็นการใช้สิทธิเรียกร้อง ค่าสินไหมทดแทนในมูลละเมิดอันเดียวกันต่อเนื่องกัน และที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม ให้จำเลยฟ้องแย้งมาในคำให้การได้นั้น ก็เป็นบทบัญญัติที่ผ่อนผันให้จำเลยฟ้องมาในคำให้การได้เพื่อความสะดวกแก่จำเลยโดยไม่ต้องไปฟ้องเป็นคดีใหม่ให้ยุ่งยากและเสียเวลา แต่การที่จำเลยฟ้องแย้งโจทก์เป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าหนี้ โจทก์เป็นลูกหนี้จึงเป็นคนละฝ่ายกัน ดังนั้นการฟ้องคดีของโจทก์ซึ่งทำให้อายุความสะดุดหยุดลงก็เฉพาะโจทก์ ไม่เป็นคุณแก่จำเลยผู้ฟ้องแย้งด้วย เมื่อจำเลย ฟ้องแย้งพ้น 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ฟ้องแย้งของจำเลยจึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาตามยอม: อำนาจทนาย, การผูกพันตามสัญญา, และข้อจำกัดในการขอแก้ไข
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระราคาสินค้าที่จำเลยซื้อไปจากโจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันรับสินค้าจนกว่าจะชำระเสร็จ ทนายจำเลยซึ่งตามใบแต่งทนายระบุให้มีอำนาจประนีประนอมยอมความได้ด้วย ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ว่า จำเลยยอมชำระราคาสินค้าตามฟ้องแก่โจทก์ภายในวันที่ 15 กันยายน 2525 หากผิดนัดยอมให้บังคับคดีทันทีและยอมเสียดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลพิพากษาตามยอม ดังนี้ จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลแก้ คำพิพากษาตามยอมโดยอ้างว่าทนายจำเลยทำสัญญายอมให้ดอกเบี้ยแก่ โจทก์เกินคำขอหาได้ไม่ เพราะมิใช่เป็นการขอแก้ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่นๆ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143. และที่จำเลยอ้างว่า จำเลยไม่มีความรู้ไม่ทราบว่าคำพิพากษาชอบหรือไม่ จึงเป็นกรณีพิเศษที่จะขอให้แก้คำพิพากษาได้นั้น ก็ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่า กรณีของจำเลยเป็นกรณีพิเศษที่จะให้แก้คำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาตามยอม: อำนาจทนาย, ความผูกพันคำพิพากษา, และกรณีพิเศษ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระราคาสินค้าที่จำเลยซื้อไปจากโจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันรับสินค้าจนกว่าจะชำระเสร็จ ทนายจำเลยซึ่งตามใบแต่งทนายระบุให้มีอำนาจประนีประนอมยอมความได้ด้วย ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ว่า จำเลยยอมชำระราคาสินค้าตามฟ้องแก่โจทก์ภายในวันที่ 15 กันยายน 2525 หากผิดนัดยอมให้บังคับคดีทันทีและยอมเสียดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลพิพากษาตามยอม ดังนี้ จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลแก้คำพิพากษาตามยอมโดยอ้างว่าทนายจำเลยทำสัญญายอมให้ดอกเบี้ยแก่ โจทก์เกินคำขอหาได้ไม่ เพราะมิใช่เป็นการขอแก้ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่นๆตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143. และที่จำเลยอ้างว่า จำเลยไม่มีความรู้ไม่ทราบว่าคำพิพากษาชอบหรือไม่จึง เป็นกรณีพิเศษที่จะขอให้แก้คำพิพากษาได้นั้น ก็ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่า กรณีของจำเลยเป็นกรณีพิเศษที่จะให้แก้คำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1604/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากการผ่าตัดตกแต่งจมูกประมาทเลินเล่อ ศาลพิจารณาความเสียหายตามอาการบาดเจ็บและผลกระทบต่อการทำงาน
จำเลยที่ 2 เป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 เจ้าของคลีนิค ทำศัลยกรรมตกแต่งจมูกของโจทก์ด้วยความประมาท เลินเล่อเป็นเหตุให้จมูกอักเสบและมีเลือดคั่งที่หน้าผากต้องรักษา ประมาณ 2 เดือนเศษ ดังนี้ จำเลยทั้งสองต้องใช้ค่าเสียหายในการ ที่โจทก์เจ็บปวดทรมานค่าขาดประโยชน์ในการทำมาหาได้ และ ค่ารักษาพยาบาลจากแพทย์อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1395/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเรื่องละเมิดไม่เกี่ยวกับการผิดสัญญาเช่า ศาลไม่รับพิจารณา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้าน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินที่เช่าจากโจทก์เพราะครบกำหนดสัญญาเช่าและโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์และสัญญาเช่าสิ้นสุดลงแล้วโจทก์ได้แจ้งแก่จำเลยว่าจะให้จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าเดิมเป็นผู้เช่าต่อไป แต่เจ้าหน้าที่ของโจทก์กระทำการโดยทุจริตนำที่พิพาทไปให้บุคคลภายนอกเช่าแล้วมาฟ้องขับไล่จำเลยโดยไม่เป็นธรรมฝ่าฝืนคำสั่งของคณะรัฐมนตรีและคำสั่งของสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการละเมิดต่อจำเลยทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจำเลยจึงขอคิดค่าเสียหายจากโจทก์ ดังนี้ แม้ข้ออ้างของจำเลยจะเป็นความจริงก็เป็นเรื่องละเมิดไม่เกี่ยวกับการผิดสัญญาเช่าตามที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1395/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเรื่องละเมิดไม่เกี่ยวเนื่องกับคดีขับไล่ สิทธิเรียกร้องต้องฟ้องเป็นคดีใหม่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้าน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินที่เช่าจากโจทก์เพราะครบกำหนดสัญญาเช่าและโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้วจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์และสัญญาเช่าสิ้นสุดลงแล้วโจทก์ได้แจ้งแก่จำเลยว่าจะให้จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าเดิมเป็นผู้เช่าต่อไปแต่เจ้าหน้าที่ของโจทก์กระทำการโดยทุจริตนำที่พิพาทไปให้บุคคลภายนอกเช่าแล้วมาฟ้องขับไล่จำเลยโดยไม่เป็นธรรมฝ่าฝืนคำสั่งของคณะรัฐมนตรีและคำสั่งของสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการละเมิดต่อจำเลยทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจำเลยจึงขอคิดค่าเสียหายจากโจทก์ดังนี้ แม้ข้ออ้างของจำเลยจะเป็นความจริงก็เป็นเรื่องละเมิดไม่เกี่ยวกับการผิดสัญญาเช่าตามที่โจทก์ฟ้องฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
of 92