พบผลลัพธ์ทั้งหมด 202 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1824/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษผู้มีอาวุธปืนตามมาตรา 340ตรี ต้องตีความเคร่งครัดเฉพาะตัวผู้มีอาวุธ
ผู้ที่มีอาวุธปืนต้องรับโทษหนักขึ้นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340ตรี ต้องแปลความโดยเคร่งครัด เฉพาะตัวผู้ที่มีปืนเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้จัดการมรดกขายฝากทรัพย์มรดก และความรับผิดชอบเจ้าพนักงานที่ดิน
ผู้จัดการมรดกมีอำนาจขายฝากทรัพย์มรดก (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1236/2491) เมื่อขายแล้วไม่แบ่งเงินให้ทายาทก็เป็นเรื่องระหว่างผู้จัดการมรดกกับทายาทที่จะว่ากล่าวกันต่างหาก หาทำให้นิติกรรมซื้อขายที่ผู้จัดการมรดกทำไปเป็นโมฆะไม่
กรณีที่เจ้าพนักงานที่ดินรับจดทะเบียนขายฝากให้แก่ผู้จัดการมรดกโดยมิได้สอบสวนว่าทายาทได้ยินยอมและผู้จัดการมรดกมีเหตุผลในการขายสมควรอย่างไรหรือไม่นั้น ไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ เพราะไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติเช่นนั้น
กรณีที่เจ้าพนักงานที่ดินรับจดทะเบียนขายฝากให้แก่ผู้จัดการมรดกโดยมิได้สอบสวนว่าทายาทได้ยินยอมและผู้จัดการมรดกมีเหตุผลในการขายสมควรอย่างไรหรือไม่นั้น ไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ เพราะไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติเช่นนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้จัดการมรดกขายฝากทรัพย์มรดก และความรับผิดของเจ้าพนักงานที่ดิน
ผู้จัดการมรดกมีอำนาจขายฝากทรัพย์มรดก (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1236/2491) เมื่อขายแล้วไม่แบ่งเงินให้ทายาทก็เป็นเรื่องระหว่างผู้จัดการมรดกกับทายาทที่จะว่ากล่าวกันต่างหาก หาทำให้นิติกรรมซื้อขายที่ผู้จัดการมรดกทำไปเป็นโมฆะไม่
การที่เจ้าพนักงานที่ดินรับจดทะเบียนขายฝากให้แก่ผู้จัดการมรดกโดยมิได้สอบสวนว่าทายาทได้ยินยอมและผู้จัดการมรดกมีเหตุผลในการขายสมควรอย่างไรหรือไม่นั้น ไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ เพราะไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติเช่นนั้น
การที่เจ้าพนักงานที่ดินรับจดทะเบียนขายฝากให้แก่ผู้จัดการมรดกโดยมิได้สอบสวนว่าทายาทได้ยินยอมและผู้จัดการมรดกมีเหตุผลในการขายสมควรอย่างไรหรือไม่นั้น ไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ เพราะไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติเช่นนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินวัดและสำนักงานทรัพย์สินฯ: ครอบครองปรปักษ์ไม่ได้
ที่วัดที่ธรณีสงฆ์และที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ผู้ใดจะครอบครองปรปักษ์มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันไม่ติดอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ แม้โจทก์เป็นหน่วยงานรัฐ
โจทก์เป็นส่วนราชการของรัฐบาลฟ้องบังคับตามสัญญาค้ำประกันที่ไม่ปิดอากรแสตมป์ เมื่อตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 17 (ก) กำหนดให้ผู้ค้ำประกันเป็นผู้ต้องเสียค่าอากรแสตมป์และขีดฆ่าอากรแสตมป์ หาใช่ฝ่ายที่ต้องเสียอากรเป็นรัฐบาลอันจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรตามความหมายในมาตรา 121 แห่งประมวลรัษฎากรไม่
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันยอมใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งผิดสัญญาได้รับทุนจากระทรวงกลาโหมโจทก์ไปศึกษาต่างประเทศแล้วกลับมารับราชการไม่ครบกำหนดสัญญา เมื่อสัญญาค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ ย่อมจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
แม้จำเลยที่ 2 จะขาดนัด โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชอบสัญญาค้ำประกันจริง เมื่อเอกสารสัญญาค้ำประกันใช้เป็นหลักฐานในคดีมิได้คดีย่อมไม่มีทางที่จะให้จำที่ 2 รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันยอมใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งผิดสัญญาได้รับทุนจากระทรวงกลาโหมโจทก์ไปศึกษาต่างประเทศแล้วกลับมารับราชการไม่ครบกำหนดสัญญา เมื่อสัญญาค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ ย่อมจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
แม้จำเลยที่ 2 จะขาดนัด โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชอบสัญญาค้ำประกันจริง เมื่อเอกสารสัญญาค้ำประกันใช้เป็นหลักฐานในคดีมิได้คดีย่อมไม่มีทางที่จะให้จำที่ 2 รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันไม่ปิดอากรแสตมป์ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ แม้โจทก์เป็นหน่วยงานรัฐ
โจทก์เป็นส่วนราชการของรัฐบาลฟ้องบังคับตามสัญญาค้ำประกันที่ไม่ปิดอากรแสตมป์ เมื่อตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 17(ก) กำหนดให้ผู้ค้ำประกันเป็นผู้ต้องเสียค่าอากรแสตมป์และขีดฆ่าอากรแสตมป์ หาใช่ฝ่ายที่ต้องเสียอากรเป็นรัฐบาลอันจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรตามความหมายในมาตรา 121 แห่งประมวลรัษฎากรไม่
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันยอมใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งผิดสัญญาได้รับทุนจากกระทรวงกลาโหมโจทก์ไปศึกษาต่างประเทศแล้วกลับมารับราชการไม่ครบกำหนดตามสัญญา เมื่อสัญญาค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ ย่อมจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
แม้จำเลยที่ 2 จะขาดนัด โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันจริงเมื่อเอกสารสัญญาค้ำประกันใช้เป็นหลักฐานในคดีมิได้คดีย่อมไม่มีทางที่จะให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันยอมใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งผิดสัญญาได้รับทุนจากกระทรวงกลาโหมโจทก์ไปศึกษาต่างประเทศแล้วกลับมารับราชการไม่ครบกำหนดตามสัญญา เมื่อสัญญาค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ ย่อมจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
แม้จำเลยที่ 2 จะขาดนัด โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันจริงเมื่อเอกสารสัญญาค้ำประกันใช้เป็นหลักฐานในคดีมิได้คดีย่อมไม่มีทางที่จะให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1645/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลายพิมพ์นิ้วมือเป็นหลักฐานสัญญา, จิตฟั่นเฟือนไม่ถึงวิกลจริต, อายุความแบ่งมรดก
ลงพิมพ์ลายนิ้วมือในสัญญาโดยมีพยานลงชื่อหลายคน แต่ไม่มีข้อความรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ การรู้เห็นเป็นพยานนั้นเป็นการรับรองลายพิมพ์นิ้วมืออยู่ในตัว
ส. มีลักษณะปัญญาอ่อน หูไม่ดี ได้ยินไม่ชัด ไม่มีอาการทางจิตไม่สามารถดูแลรับผิดชอบตนเองตามลำพังได้ ม.สติไม่ค่อยดี ฟั่นเฟือนเป็นครั้งคราว บางครั้งพูดรู้เรื่อง บางครั้งไม่รู้เรื่อง ดังนี้ เป็นแต่จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ไม่ถึงวิกลจริต
มรดกไม่มีพินัยกรรม เมื่อเจ้ามรดกตายเกิน 1 ปี แล้วทายาทได้ทำหนังสือสัญญาแบ่งมรดกกัน ทายาทมาฟ้องขอแบ่งตามสัญญาไม่ใช่ฟ้องในฐานะเป็นทรัพย์มรดก ไม่อยู่ในอายุความ 1 ปีตาม มาตรา 1754
ส. มีลักษณะปัญญาอ่อน หูไม่ดี ได้ยินไม่ชัด ไม่มีอาการทางจิตไม่สามารถดูแลรับผิดชอบตนเองตามลำพังได้ ม.สติไม่ค่อยดี ฟั่นเฟือนเป็นครั้งคราว บางครั้งพูดรู้เรื่อง บางครั้งไม่รู้เรื่อง ดังนี้ เป็นแต่จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ไม่ถึงวิกลจริต
มรดกไม่มีพินัยกรรม เมื่อเจ้ามรดกตายเกิน 1 ปี แล้วทายาทได้ทำหนังสือสัญญาแบ่งมรดกกัน ทายาทมาฟ้องขอแบ่งตามสัญญาไม่ใช่ฟ้องในฐานะเป็นทรัพย์มรดก ไม่อยู่ในอายุความ 1 ปีตาม มาตรา 1754
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605-1606/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าต่อโดยปริยาย – สิทธิเรียกร้องค่าเช่า แม้โอนกรรมสิทธิ์
สัญญาเช่าหมดอายุ ผู้เช่าครองทรัพย์ต่อไปโดยผู้ให้เช่าไม่ทักท้วง ถือว่ามีสัญญาเช่าต่อไป ผู้ให้เช่าฟ้องเรียกค่าเช่าค้างโดยอาศัยสัญญาเช่าได้ แม้ในขณะฟ้องผู้ให้เช่าโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ให้เช่าไปแล้วก็ยังฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1518/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่, การครอบครองก่อนโอนกรรมสิทธิ์, และการฟ้องละเมิด
ผู้ให้เช่าอนุญาตให้ผู้เช่าที่ดินฟ้องขับไล่ผู้ที่อยู่ในที่ดินมาก่อนการเช่าแทนผู้ให้เช่าได้ และมอบอำนาจให้ผู้อื่นเป็นโจทก์ต่อไปก็ได้ ผู้เช่าต้องรับผิดตามสัญญาต่อผู้ให้เช่า ถ้าผู้เช่าไม่สามารถก่อสร้างตามสัญญาเช่าได้ผู้ให้เช่าจึงถูกเรียกเข้ามาในคดีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) ได้
ผู้ครอบครองที่ดินอ้างการครอบครองยันผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ตั้งแต่วันที่โอนกรรมสิทธิ์ การครอบครองมาก่อนวันโอนกรรมสิทธิ์ จะนับเวลายันผู้รับโอนไม่ได้
ฟ้องขับไล่ผู้อยู่ในที่ดินโดยไม่มีสิทธิอันเป็นละเมิด ไม่จำต้องบอกกล่าวก่อนก็ฟ้องได้
ผู้ครอบครองที่ดินอ้างการครอบครองยันผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ตั้งแต่วันที่โอนกรรมสิทธิ์ การครอบครองมาก่อนวันโอนกรรมสิทธิ์ จะนับเวลายันผู้รับโอนไม่ได้
ฟ้องขับไล่ผู้อยู่ในที่ดินโดยไม่มีสิทธิอันเป็นละเมิด ไม่จำต้องบอกกล่าวก่อนก็ฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้โดยอ้างยากจน: ต้องยากจนถึงขั้นยากไร้ตามกฎหมายเท่านั้น
สามีโจทก์ยกที่นาทำกินให้บุตรชาย 4 คน โจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลย เมื่อยกให้แล้วโจทก์กับสามียังมีที่ดินปลูกบ้านพร้อมเรือนอยู่อาศัย 2 หลัง มีที่ดินปลูกบ้านอีก 2 ไร่ และที่ดินทำกิน 5 ไร่ เช่านาจากคนอื่นทำ 20 ไร่ มีกระบือทำนา 2 ตัว บุตรชาย 4 คนที่ได้รับที่ดินได้ให้เงินและสิ่งของแก่โจทก์และสามีเป็นครั้งคราวตามฐานะ ส่วนจำเลยเคยให้ข้าวเปลือก 50 ถังให้เงินครั้งละ 100-200 บาท ดังนี้แม้โจทก์จะยากจนก็เป็นฐานะตามปกติตั้งแต่โจทก์และสามียกที่ดินให้ลูกอยู่แล้ว หาใช่เพิ่งยากจนลงในตอนหลังไม่ ความยากจนดังกล่าวไม่ถึงขนาดเป็นคนยากไร้ตามความหมายของมาตรา 531(3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นแม้จะฟังว่าโจทก์ให้ที่พิพาทแก่จำเลยโดยเสน่หาและจำเลยไม่ยอมให้ข้าวเปลือกแก่โจทก์ 50 ถังตามที่โจทก์ขอ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอคืนที่พิพาทจากจำเลยได้