คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิทยา มงคล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 202 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคืนการให้โดยอ้างยากไร้ ต้องยากไร้จริงตามกฎหมาย
สามีโจทก์ยกที่นาทำกินให้บุตรชาย 4 คน โจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยเมื่อยกให้แล้วโจทก์กับสามียังมีที่ดินปลูกบ้านพร้อมเรือนอยู่อาศัย 2 หลัง มีที่ดินปลูกบ้านอีก 2 ไร่ และที่ดินนาทำกิน 5 ไร่ เช่านาจากคนอื่นทำ 20 ไร่ มีกระบือทำนา 2 ตัว บุตรชาย 4 คนที่ได้รับที่ดินได้ให้เงินและสิ่งของแก่โจทก์และสามีเป็นครั้งคราวตามฐานะ ส่วนจำเลยเคยใช้ข้าวเปลือก 50 ถัง ให้เงินครั้งละ 100-200 บาท ดังนี้แม้โจทก์จะยากจนก็เป็นฐานะตามปกติตั้งแต่โจทก์และสามียกที่ดินให้ลูกอยู่แล้วหาใช่เพิ่งยากจนลงในตอนหลังไม่ ความยากจนดังกล่าวไม่ถึงขนาดเป็นยากไร้ ตามความหมายของมาตรา 531 (3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นแม้จะฟังว่าโจทก์ให้ที่พิพาทแก่จำเลยโดยเสน่หาและจำเลยไม่ยอมให้ข้าวเปลือกแก่โจทก์ 50 ถังตามที่โจทก์ขอ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอคืนที่พิพาทจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอคุ้มครองชั่วคราวเพื่อรื้อถอนสิ่งรบกวนการก่อสร้าง: ศาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนมีคำสั่ง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดและให้รื้อถอนเสาและสายไฟฟ้าแรงสูงที่ติดตั้งและเดินสายผ่านที่ดินของโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา อ้างว่าเสาไฟฟ้าดังกล่าวกีดขวางอยู่ ทำให้ก่อสร้างโรงภาพยนตร์และอาคารพาณิชย์ในที่ดินนั้นไม่ได้ โจทก์เสียหายขาดรายได้ ขอให้สั่งจำเลยย้ายเสาและสายไฟจากที่เดิมเพื่อติดตั้งใหม่ในที่ของโจทก์ส่วนที่ไม่กีดขวางการก่อสร้าง คำขอดังกล่าวเท่ากับเป็นการขอห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดตามที่ฟ้อง ศาลควรจะต้องทำการไต่สวนและฟังข้อเท็จจริงว่ามีเหตุสมควรและเพียงพอที่จะสั่งห้ามชั่วคราวดังกล่าวหรือไม่ ไม่ชอบที่จะสั่งยกคำร้องขอโดยไม่ทำการไต่สวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความมรดกและการบังคับใช้คำพิพากษาต่อจำเลยที่ถอนอุทธรณ์ คดีชำระหนี้ไม่อาจแบ่งแยกได้
โจทก์ในฐานะทายาทฟ้องขอแบ่งที่ดินพิพาทซึ่งเคยเป็นของต.บิดาจากจำเลยทั้ง 7 ซึ่งเป็นทายาทและผู้รับโอนสิทธิจากทายาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งที่ดินให้โจทก์ 1 ใน 4 จำเลยอุทธรณ์ ในระหว่างอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อนุญาต คดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ยุติ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่า โจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ ต.ถึงแก่กรรม คดีของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 และคดีเป็นการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความมรดกและการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลมีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่ถอนอุทธรณ์
โจทก์ในฐานะทายาทฟ้องขอแบ่งที่ดินพิพาทซึ่งเคยเป็นของ ต.บิดาจากจำเลยทั้ง 7 ซึ่งเป็นทายาทและผู้รับโอนสิทธิจากทายาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งที่ดินให้โจทก์ 1 ใน 4 จำเลยอุทธรณ์ ในระหว่างอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อนุญาต คดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ยุติ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่าโจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ ต.ถึงแก่กรรม คดีของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 และคดีเป็นการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีทายาทรับผิดหนี้: โจทก์ต้องพิสูจน์การรู้ถึงการตายของเจ้ามรดกภายใน 1 ปี
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2-4 รับผิดในหนี้ของผู้ตายในฐานะที่เป็นทายาทของผู้ตาย จำเลยต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันเจ้ามรดกตาย โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าเพิ่งรู้ว่าเจ้ามรดกตายก่อนฟ้องไม่เกิน 1 ปี
คดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งศาลฎีกาต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ไม่ปรากฏว่าโจทก์รู้หรือควรรู้ว่าเจ้ามรดกตายเมื่อใดและปรากฏว่าเจ้ามรดกตายก่อนฟ้องคดีถึง 3 ปี เช่นนี้คดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2-4 ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตป่าคุ้มครองตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาสำคัญกว่าชื่อตำบล หนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ออกหลังมีผลบังคับใช้ของกฎหมายไม่ผูกพันแผ่นดิน
มาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดป่าไสโป๊ะ ฯ ให้เป็นป่าคุ้มครอง พ.ศ.2496 บัญญัติว่า "ให้ป่าไสโป๊ะในท้องที่ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้เป็นป่าคุ้มครอง" ดังนี้การที่จะวินิจฉัยว่าที่พิพาทอยู่ในเขตป่าคุ้มครองหรือไม่จะต้องพิจารณาจากแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาประกอบด้วย แม้ได้ความว่าที่พิพาทอยู่ในท้องที่ตำบลกระบี่ใหญ่ มิใช่ตำบลกระบี่น้อยก็ตามแต่เมื่อปรากฏว่าอยู่ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา ก็ต้องถือว่าที่พิพาทอยู่ในเขตป่าคุ้มครองตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
แม้ที่พิพาทจะมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่เมื่อได้มาหลังจากที่ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ที่พิพาทเป็นป่าคุ้มครองแล้ว จึงหามีผลให้ได้สิทธิอย่างใดยันต่อแผ่นดินได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตป่าคุ้มครองตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาสำคัญกว่าชื่อตำบล หนังสือรับรองการทำประโยชน์หลังมีกฎหมายไม่มีผลยันแผ่นดิน
มาตรา 3 แห่งพระราชกฤฎีกากำหนดป่าไสโป๊ะ ๆ ให้เป็นป่าคุ้มครอง พ.ศ.2496 บัญญัติว่า "ให้ป่าไสโป๊ะในท้องที่ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้เป็นป่าคุ้มครอง" ดังนี้ การที่จะวินิจฉัยว่าที่พิพาทอยู่ในเขตป่าคุ้มครองหรือไม่ จะต้องพิจารณาจากแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาประกอบด้วย แม้ได้ความว่าที่พิพาทอยู่ในท้องที่ตำบลกระบี่ใหญ่ มิใช่ตำบลกระบี่น้อยก็ตามแต่เมื่อปรากฏว่าอยู่ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา ก็ต้องถือว่าที่พิพาทอยู่ในเขตป่าคุ้มครองตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
แม้ที่พิพาทจะมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่เมื่อได้มาหลังจากที่ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ที่พิพาทเป็นป่าคุ้มครองแล้ว จึงหามีผลให้ได้สิทธิอย่างใดยันต่อแผ่นดินได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนอาวุธปืนและการยกเว้นโทษทางอาญา
จำเลยนำอาวุธปืนไปจดทะเบียนตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ฉบับที่ 6 ภายใน 90 วัน เจ้าพนักงานมอบให้จำเลยรักษาไว้ เป็นการรักษาไว้แทนนายทะเบียน จำเลยไม่ต้องรับโทษแม้จะพ้นกำหนด 90 วัน แล้วยังไม่ได้รับใบอนุญาตก็ตาม ส่วนกระสุนปืนจำเลยไม่ได้นำไปมอบต่อนายทะเบียนจึงไม่ได้รับยกเว้นโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินไม่ครบถ้วน ผู้ซื้อมีสิทธิเรียกเงินคืนได้
โจทก์ที่ 2 ซื้อที่ดินจากจำเลย แล้วยกที่ดินให้โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 1 ไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลย ฟ้องว่าจำเลยส่งมอบที่ดินไม่ครบตามสัญญาซื้อขายไม่ได้
ซื้อที่ดิน 100 ตารางวา ไม่ใช่เหมาทั้งแปลง ผู้ซื้อชำระราคาเต็ม 100 ตารางวา แต่ที่ดินส่งมอบมี 84 ตารางวา ผู้ซื้อเรียกเงินที่ชำระเกินคืนได้ อายุความ 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ซื้อรู้ว่าที่ดินขาดจำนวน เป็นลาภมิควรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การลงโทษฐานฆ่าและพยายามฆ่าในคดีเดียวกัน
ฟ้องว่าจำเลยกับพวกใช้ปืนยิง พ. และ อ. หลายนัดโดยเจตนาฆ่า พ. ถึงแก่กรรม อ. เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกคนหนึ่งยิงก่อน แล้วพวกของจำเลยอีก 3 คนยิงอีกในทันทีนั้น ดังนี้ เป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท จะเรียงกระทงลงโทษฐานฆ่า พ. กรรมหนึ่งและฐานพยายามฆ่า อ. อีกกรรมหนึ่งไม่ได้ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยแต่กระทงเดียว
of 21