พบผลลัพธ์ทั้งหมด 535 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่ออายุประกันภัย: ต้องทำตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ และชำระดอกเบี้ย/ตรวจสุขภาพ
อ. ผู้เอาประกันชีวิตขาดส่งเบี้ยประกันภัย ตามกรมธรรม์ประกันภัยมีว่า ผู้เอาประกันชีวิตอาจขอต่อบริษัทขยายเวลาออกไปได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ดังนี้ อ. ต้องทำคำขอ ไม่ใช่กรมธรรม์ขยายเวลาออกไปโดยอัตโนมัติการขอต่ออายุกรมธรรม์ต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์อ. ขอต่ออายุกรมธรรม์ แต่มิได้ชำระดอกเบี้ยและตรวจสุขภาพก่อนตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ยังไม่ถือว่าได้ขยายเวลาออกไปแล้ว ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องใช้เงินตามกรมธรรม์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1226/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษา: ลำดับการแบ่งทรัพย์สินก่อนขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งบ้านพิพาทออกเป็น 4 ส่วน หากไม่อาจทำได้ก็ให้เอาบ้านพิพาทออกขายทอดตลาด ได้เงินสุทธิเท่าใดให้แบ่งกันตามส่วน การบังคับคดีย่อมอาศัยคำพิพากษาเป็นหลักแห่งคำบังคับ ดังนั้นจึงต้องดำเนินการบังคับคดีก่อนหลังกันไปตามลำดับ เมื่อการแบ่งบ้านพิพาทไม่อาจกระทำได้ก็ต้องขายทอดตลาดบ้านพิพาทตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจะขอวางเงินแล้วขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการยึดโดยโจทก์ไม่ยินยอมด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1226/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษา: ลำดับการบังคับคดีและการไม่อาจยอมรับเงินเพื่อถอนการยึด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งบ้านพิพาทออกเป็น 4 ส่วน หากไม่อาจทำได้ก็ให้เอาบ้านพิพาทออกขายทอดตลาดได้เงินสุทธิเท่าใดให้แบ่งกันตามส่วน การบังคับคดีย่อมอาศัยคำพิพากษาเป็นหลักแห่งคำบังคับ ดังนั้นจึงต้องดำเนินการบังคับคดีก่อนหลังกันไปตามลำดับ เมื่อการแบ่งบ้านพิพาทไม่อาจกระทำได้ก็ต้องขายทอดตลาดบ้านพิพาทตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจะขอวางเงินแล้วขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการยึดโดยโจทก์ไม่ยินยอมด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1104/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บังคับตามสัญญาประนีประนอม – รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง – ไม่ต้องคำนึงถึงผู้อื่นอาศัย
ศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยรื้อเรือนออกจากที่พิพาทจำเลยไม่รื้อเรือนออกตามกำหนด โจทก์ขอให้บังคับได้ไม่ต้องคำนึงว่ามีผู้อื่นอาศัยอยู่ในเรือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญาที่มีเงื่อนไข และผลของการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข สิทธิฟ้องคดีระงับ
ในคดีความผิดอันยอมความได้ปรากฏจากคำให้การชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจที่จำเลยอ้างเป็นพยานว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้นำโจทก์ไปพบจำเลยและต่างได้พูดจากันจนเป็นที่พอใจแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ติดใจเอาความต่อกัน ในชั้นพิจารณาโจทก์แถลงต่อศาลว่า. ตามข้อตกลงที่จะเลิกคดีมีเงื่อนไขว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4 จะต้องไม่คุกคามพระในวัดต่อไปแต่หลังจากนั้นได้มีการรุกรานอีกเป็นการผิดข้อตกลงดังนี้ แสดงว่าโจทก์และจำเลยต่างตกลงยอมความกันโดยตรงเลิกคดีกันแล้วสิทธินำคดีมาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ตั้งแต่วันที่ยอมความกัน
ในการยอมความที่มีเงื่อนไข หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข โจทก์จะต้องดำเนินคดีกับจำเลยเป็นคดีใหม่แต่หามีสิทธิรื้อฟื้นคดีที่ยุติแล้วมาฟ้องจำเลยอีกไม่ เพราะสิทธิการฟ้องคดีของโจทก์ระงับไปแล้ว
ในการยอมความที่มีเงื่อนไข หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข โจทก์จะต้องดำเนินคดีกับจำเลยเป็นคดีใหม่แต่หามีสิทธิรื้อฟื้นคดีที่ยุติแล้วมาฟ้องจำเลยอีกไม่ เพราะสิทธิการฟ้องคดีของโจทก์ระงับไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญาที่มีเงื่อนไข เมื่อจำเลยผิดเงื่อนไข โจทก์ไม่มีสิทธิรื้อฟื้นคดีที่ระงับไปแล้ว
ในคดีความผิดอันยอมความได้ ปรากฏจากคำให้การชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจที่จำเลยอ้างเป็นพยานว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้นำโจทก์ไปพบจำเลยและต่างได้พูดจากกันจนเป็นที่พอใจแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ติดใจเอาความต่อกัน ในชั้นพิจารณาโจทก์แถลงต่อศาลว่า ตามข้อตกลงที่จะเลิกคดีมีเงื่อนไขว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4 จะต้องไม่คุกคามพระในวัดต่อไป แต่หลังจากนั้นได้มีการรุกรานอีกเป็นการผิดข้อตกลง ดังนี้ แสดงว่าโจทก์และจำเลยต่างตกลงยอมความกันโดยตรงเลิกคดีกันแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) ตั้งแต่วันที่ยอมความกัน
ในการยอมความที่มีเงื่อนไข หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข โจทก์จะต้องดำเนินคดีกับจำเลยเป็นคดีใหม่ แต่หามีสิทธิรื้อฟื้นคดีที่ยุติแล้วมาฟ้องจำเลยอีกไม่ เพราะสิทธิการฟ้องคดีของโจทก์ระงับไปแล้ว
ในการยอมความที่มีเงื่อนไข หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข โจทก์จะต้องดำเนินคดีกับจำเลยเป็นคดีใหม่ แต่หามีสิทธิรื้อฟื้นคดีที่ยุติแล้วมาฟ้องจำเลยอีกไม่ เพราะสิทธิการฟ้องคดีของโจทก์ระงับไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช่าที่ดินไม่มีกำหนด บอกเลิกไม่ครบ 2 เดือน ศาลยกฟ้อง
เช่าที่ดินปลูกบ้านไม่มีกำหนดเวลาผู้ให้เช่าบอกเลิกการเช่าแต่บอกล่วงหน้าไม่ครบ 2 เดือน ก่อนฟ้องศาลพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขอเป็นผู้พิทักษ์จำกัดเฉพาะผู้มีสิทธิโดยตรง ผู้ป่วยมีสิทธิเลือกผู้ดูแล
ค.อายุ 74 ปี ป่วยเป็นโรคเบาหวาน และเป็นอัมพาตมานานประมาณ 13 เดือน มือเท้าข้างขวาและร่างกายแถบซีกด้านขวาเคลื่อนไหวไม่ได้ เคลื่อนไหวได้เฉพาะแถบซีกด้านซ้าย ลุกขึ้นยังไม่ได้ นั่งได้ คลานไปในระยะใกล้ๆ ได้ เข้าใจคำถามได้ดี สามารถตอบคำถามได้บ้าง แพทย์รักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น จึงเป็นบุคคลไม่สามารถจะจัดการงานของตนเองได้เพราะกายพิการ สมควรถูกสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและให้อยู่ในความพิทักษ์
ผู้ร้องเป็นบุตรของพี่ชาย ค. ไม่ใช่ผู้สืบสันดานหรือผู้พิทักษ์ของ ค. ส่วนผู้คัดค้านเป็นผู้พิทักษ์ตามพฤตินัยของ ค.มาก่อน ดังนี้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอต่อศาลให้สั่งว่า ค.เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความพิทักษ์ของผู้ร้องได้
การที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องมีสิทธิได้รับมรดกของ ค.หาก ค. ถึงแก่กรรม โดยได้รับมรดกแทนที่บิดาผู้ร้องที่ถึงแก่กรรมแล้ว และเป็นทายาทเพียงผู้เดียวของ ค.การร้องของต่อศาลเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต ชอบด้วยกฎหมายอันว่าด้วยความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนได้เสียของ ค.และของผู้ร้องตามที่ผู้ร้องฎีกานั้น กรณีดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายให้ผู้ร้องมีสิทธิร้องขอต่อศาลได้
ผู้ร้องเป็นบุตรของพี่ชาย ค. ไม่ใช่ผู้สืบสันดานหรือผู้พิทักษ์ของ ค. ส่วนผู้คัดค้านเป็นผู้พิทักษ์ตามพฤตินัยของ ค.มาก่อน ดังนี้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอต่อศาลให้สั่งว่า ค.เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความพิทักษ์ของผู้ร้องได้
การที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องมีสิทธิได้รับมรดกของ ค.หาก ค. ถึงแก่กรรม โดยได้รับมรดกแทนที่บิดาผู้ร้องที่ถึงแก่กรรมแล้ว และเป็นทายาทเพียงผู้เดียวของ ค.การร้องของต่อศาลเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต ชอบด้วยกฎหมายอันว่าด้วยความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนได้เสียของ ค.และของผู้ร้องตามที่ผู้ร้องฎีกานั้น กรณีดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายให้ผู้ร้องมีสิทธิร้องขอต่อศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการเป็นผู้พิทักษ์จำกัดเฉพาะผู้มีฐานะเป็นญาติหรือผู้ดูแลตามกฎหมาย การขอเป็นผู้พิทักษ์เพื่อหวังผลประโยชน์ทางมรดกทำไม่ได้
ค. อายุ 74 ปี ป่วยเป็นโรคเบาหวาน และเป็นอัมพาตมานานประมาณ 13 เดือน มือเท้าข้างขวาและร่างกายแถบซีกด้านขวาเคลื่อนไหวไม่ได้ เคลื่อนไหวได้เฉพาะแถบซีกด้านซ้าย ลุกขึ้นยืนไม่ได้ นั่งได้ คลานไปในระยะใกล้ ๆ ได้ เข้าใจคำถามได้ดีสามารถตอบคำถามได้บ้างแพทย์ รักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น จึงเป็นบุคคลไม่สามารถจะจัดการงานของตนเองได้ เพราะกายพิการสมควรถูกสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและให้อยู่ในความพิทักษ์
ผู้ร้องเป็นบุตรของพี่ชาย ค. ไม่ใช่ผู้สืบสันดานหรือผู้พิทักษ์ของ ค. ส่วนผู้คัดค้านเป็นผู้พิทักษ์ตามพฤตินัยของ ค. มาก่อน ดังนี้ ผู้ร้องจึงไม่มี สิทธิร้องขอต่อศาลให้สั่งว่า ค. เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความพิทักษ์ของผู้ร้องได้
การที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องมีสิทธิได้รับมรดกของ ค. หาก ค. ถึงแก่กรรม โดยได้รับมรดกแทนที่บิดาผู้ร้องที่ถึงแก่กรรมแล้วและเป็นทายาทเพียงผู้เดียว ของ ค. การร้องขอต่อศาลเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต ชอบด้วยกฎหมายอัน ว่าด้วยความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนเพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนได้เสียของ ค. และของผู้ร้อง ตามที่ผู้ร้องฎีกานั้น กรณีดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายให้ผู้ร้องมีสิทธิร้องขอต่อศาลได้
ผู้ร้องเป็นบุตรของพี่ชาย ค. ไม่ใช่ผู้สืบสันดานหรือผู้พิทักษ์ของ ค. ส่วนผู้คัดค้านเป็นผู้พิทักษ์ตามพฤตินัยของ ค. มาก่อน ดังนี้ ผู้ร้องจึงไม่มี สิทธิร้องขอต่อศาลให้สั่งว่า ค. เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความพิทักษ์ของผู้ร้องได้
การที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องมีสิทธิได้รับมรดกของ ค. หาก ค. ถึงแก่กรรม โดยได้รับมรดกแทนที่บิดาผู้ร้องที่ถึงแก่กรรมแล้วและเป็นทายาทเพียงผู้เดียว ของ ค. การร้องขอต่อศาลเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต ชอบด้วยกฎหมายอัน ว่าด้วยความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนเพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนได้เสียของ ค. และของผู้ร้อง ตามที่ผู้ร้องฎีกานั้น กรณีดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายให้ผู้ร้องมีสิทธิร้องขอต่อศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของลูกจ้างและเจ้าของรถ กรณีรถถูกใช้ในทางการทำงาน
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของบริษัทซึ่งเช่ารถยนต์ของจำเลยที่ 2 ไปใช้ จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ดาราไทยซึ่งบริษัทเป็นผู้จัดการ จำเลยที่ 2 กับสามีเป็นกรรมการบริษัท จำเลยที่ 1 ขับรถคันนี้กลับจากส่งหนังสือพิมพ์ดาราไทยทำให้โจทก์เสียหายโดยละเมิดในทางการที่บริษัทจ้าง บริษัทเป็นนิติบุคคลต่างหากจากจำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1