คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เพียร ศรีอรุณ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 535 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2516/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในสาระสำคัญของสัญญาประนีประนอมยอมความ ทำให้สัญญานั้นเป็นโมฆะ
ที่ดินมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ 3 โฉนด จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินโฉนดที่มีเนื้อที่มากที่สุดให้แก่บิดาโจทก์ โดยลงชื่อโจทก์ทั้งสี่เป็นผู้รับทนายความผู้เขียนสัญญาดูแต่ภาพถ่ายด้านหน้าโฉนด ไม่ได้ดูสารบัญจดทะเบียน เข้าใจว่าเป็นโฉนดที่ 2600 มีเนื้อที่มากที่สุด จึงได้เขียนสัญญาประนีประนอมยอมความไปตามนั้น จำเลยจำเลขโฉนดและเนื้อที่ทั้งสามแปลงไม่ได้ เข้าใจว่าทนายความลงเลขโฉนดและเนื้อที่ดินในสัญญาถูกต้องตรงเจตนาของจำเลย จึงรับว่าถูกต้องและลงลายมือชื่อให้ไว้ แท้จริงโฉนดที่ 2598 มีเนื้อที่มากที่สุด ดังนี้ การที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินโฉนดที่ 2600 ให้แก่โจทก์ทั้งสี่เป็นการสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งนิติกรรม สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รอการลงโทษจำเลยหญิงทอดทิ้ง มีภาระเลี้ยงดูบุตรจำนวนมาก และเป็นเพียงผู้รับฝากยาเสพติด
จำเลยเป็นหญิงถูกสามีทอดทิ้งเมื่อเกิดเหตุแล้ว มีบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 8 หรือ 9 คน บุตรคนอื่นๆ ก็อยู่ร่วมบ้านกับจำเลย ซึ่งคงไม่พ้นจากความอุปการะเลี้ยงดูของจำเลย ทั้งจำเลยก็เป็นเพียงผู้รับฝากเฮโรอีนของกลางไว้จากผู้อื่นเท่านั้น พฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวสมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเคลื่อนย้ายสุกรขัดต่อประกาศคณะกรรมการฯ ความผิดตาม พรบ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร การริบของกลาง
คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรได้ประกาศระบุให้เนื้อสุกรเป็นสิ่งที่ควบคุมและประกาศห้ามมิให้จำหน่ายเนื้อสุกรเกินกว่าราคาที่กำหนดไว้ด้วย คณะกรรมการฯ จึงมีอำนาจประกาศห้ามมิให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายสุกรมีชีวิตเข้าหรือออกนอกเขตอำเภอได้ ประกาศของคณะกรรมการฯ ดังกล่าวจึงเป็นประกาศที่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยฝ่าฝืนก็ต้องมีความผิด
สิ่งของที่จะพึงริบตามมาตรา 29 พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรฯ จะต้องเป็นสิ่งของที่เกี่ยวกับการกระทำผิดในการค้ากำไรโดยตรงคือเป็นสิ่งของที่เกี่ยวกับการกระทำผิดตามมาตรา 18 เมื่อการกระทำผิดของจำเลยเป็นเพียงฝ่า ประกาศของคณะกรรมการฯ ตามมาตรา 17 สุกรของกลางจึงไม่ใช่เป็นของอันจะพึงริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2266-2278/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ, ปลอมเอกสาร, และการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
โจทก์ฟ้องจำเลย 13 สำนวน สำนวนละหลายข้อหา เมื่อข้อหาฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ศาลพิพากษาจำคุกจำเลยสำนวนละ 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ลงโทษจำคุกสำนวนละ 2 ปี 6 เดือน และข้อหาความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกสำนวนละ 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษจำคุกสำนวนละ 1 ปี นั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและโทษของแต่ละกระทงความผิดและของแต่ละสำนวนที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยไม่เกิน 5 ปี คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
จำเลยฎีกาว่า การสอบสวนตามฟ้องจำเลยไม่ได้รับแจ้งข้อหาและปรึกษาทนายความกับจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง และที่โจทก์จำเลยต่างฎีกาว่า กำหนดโทษที่ศาลอุทธรณ์ลงมานั้นหนักหรือเบาเกินไป เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ใบเสร็จรับเงินซึ่งทางราชการออกให้แก่ผู้มีหน้าที่ต้องชำระค่าภาษีรถยนต์ เป็นหลักฐานแสดงว่าทางราชการได้รับชำระค่าภาษีรถยนต์ไว้แล้วและมีผลทำให้การเก็บภาษีรถยนต์ของรัฐเอ็นอันเสร็จสิ้นไป จึงเป็นเอกสารสิทธิ์อันเป็นเอกสารราชการ
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจแผนกทะเบียนยานพาหนะปลอมใบเสร็จรับเงินแล้วใช้ดวงตราของเจ้าพนักงานประทับลงในใบเสร็จรับเงินนั้น ก็โดยเจตนาทำใบเสร็จรับเงินปลอมทั้งฉบับ เพื่อให้เห็นว่าเป็นใบเสร็จรับเงินที่แท้จริง การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามมาตรา 266 และ 253

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2266-2278/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ปลอมเอกสารราชการ และการรวมพิจารณาคดีหลายสำนวน
โจทก์ฟ้องจำเลย 13 สำนวน สำนวนละหลายข้อหา เมื่อข้อหาฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ศาลพิพากษาจำคุกจำเลยสำนวนละ 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ลงโทษจำคุกสำนวนละ 2 ปี 6 เดือน และข้อหาความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกสำนวนละ 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษจำคุกสำนวนละ 1 ปี นั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและโทษของแต่ละกระทงความผิดและของแต่ละสำนวนที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยไม่เกิน 5 ปีคดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความอาญามาตรา 218
จำเลยฎีกาว่า การสอบสวนตามฟ้องจำเลยไม่ได้รับแจ้งข้อหาและปรึกษาทนายความกับจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง และที่โจทก์จำเลยต่างฎีกาว่ากำหนดโทษที่ศาลอุทธรณ์ลงมานั้นหนักหรือเบาเกินไป เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ใบเสร็จรับเงินซึ่งทางราชการออกให้แก่ผู้มีหน้าที่ต้องชำระค่าภาษีรถยนต์เป็นหลักฐานแสดงว่าทางราชการได้รับชำระค่าภาษีรถยนต์ไว้แล้วและมีผลทำให้การเก็บภาษีรถยนต์ของรัฐเป็นอันเสร็จสิ้นไป จึงเป็นเอกสารราชการ
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจแผนกทะเบียนยานพาหนะปลอมใบเสร็จรับเงินแล้วใช้ดวงตราของเจ้าพนักงานประทับลงในใบเสร็จรับเงินนั้น ก็โดยเจตนาทำใบเสร็จรับเงินปลอมทั้งฉบับ เพื่อให้เห็นว่าเป็นใบเสร็จรับเงินที่แท้จริง การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามมาตรา 266 และ 253

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2197/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกายทำให้เกิดแผลเป็นถาวร ไม่ถึงเจตนาฆ่า
จำเลยที่ 2 ใช้มีด (มีดพร้า) ฟันโจทก์ร่วมที่แก้มซ้ายเพียงครั้งเดียวจนบาดแผลที่หายกลายเป็นแผลเป็นที่เริ่มที่ใต้ใบหูท่อนล่างยาวพาดตามข้างแก้มซ้ายลงไปถึงคอยาวประมาณ 16 เซนติเมตร ลักษณะแผลเป็นสันนูนกว้างประมาณครึ่งเซนติเมตร สูงประมาณครึ่งเซนติเมตร มองเห็นได้ในระยะ 5 เมตรฟังได้ว่าทำให้รูปหน้าเสียโฉมอย่างติดตัว จากลักษณะบาดแผลดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 2 มิได้ฟันโจทก์ร่วมอย่างแรง จึงปรากฏปากแผลกว้างลึกถึงใต้ผิวหนังเท่านั้น กรณีฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาฆ่า แต่เป็นการทำร้ายโจทก์ร่วมบาดเจ็บสาหัส

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2197/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายทำให้เสียโฉม ไม่ถึงเจตนาฆ่า พิจารณาจากลักษณะบาดแผล
จำเลยที่ 2 ใช้มีด (มีดพร้า) ฟันโจทก์ร่วมที่แก้มซ้ายเพียงครั้งเดียว จนบาดแผลที่หายกลายเป็นแผลเป็นเริ่มที่ใต้ใบหูท่อนล่างยาวพาดตามข้างแก้มซ้ายลงไปถึงคอยาวประมาณ 16 เซนติเมตร ลักษณะบาดแผลเป็นสันนูนกว้างประมาณครึ่งเซนติเมตร สูงประมาณครึ่งเซนติเมตร มองเห็นได้ในระยะ 5 เมตร ฟังได้ว่าทำให้รูปหน้าเสียโฉมอย่างติดตัว จากลักษณะบาดแผลดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 2 มิได้ฟันโจทก์ร่วมอย่างแรง จึงปรากฏปากแผลกว้างลึกถึงใต้ผิวหนังเท่านั้น กรณีฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาฆ่า แต่เป็นการทำร้ายโจทก์ร่วมบาดเจ็บสาหัส

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2174/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยผิดนัดหลังยอมความ: ไม่บังคับได้
คู่ความยอมความกันในคดีให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องถึงวันทำยอม ศาลพิพากษาให้เป็นไปตามนั้นแล้ว โจทก์จะขอบังคับให้ชำระดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดหลังจากวันยอมความจนถึงวันชำระเสร็จไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2123/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการกระทำผิด
โจทก์เป็นลูกจ้างของ ส. ประจำอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่ง จำเลยไปที่ร้านดังกล่าวบอกโจทก์ว่าจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมดูแลอาคาร ร้านดังกล่าวต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิด จำเลยมีอำนาจรายงานผู้บังคับบัญชาให้สั่งรื้อได้ ถ้าไม่ต้องการให้รื้อ ให้โจทก์จ่ายเงินให้จำเลย 1,000 บาท โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2123/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องในคดีอาญา: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการกระทำผิด
โจทก์เป็นลูกจ้างของ ส. ประจำอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่ง จำเลยไปที่ร้านดังกล่าวบอกโจทก์ว่าจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมดูแลอาคาร ร้านดังกล่าวต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิด จำเลยมีอำนาจรายงานผู้บังคับบัญชาให้สั่งรื้อได้ ถ้าไม่ต้องการให้รื้อ ให้โจทก์จ่ายเงินให้จำเลย 1,000 บาท โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 และ 157
of 54