พบผลลัพธ์ทั้งหมด 459 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินการตามคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย แม้ศาลอุทธรณ์จะกลับคำพิพากษา แต่เมื่อศาลฎีกาพิพากษากลับ เจ้าหนี้ที่ยื่นคำขอไว้เดิมยังมีสิทธิ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยลูกหนี้เด็ดขาด ว.เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาชอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 27,91 แล้ว แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์จะมีผลให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หมดอำนาจที่จะดำเนินการ เกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยลูกหนี้ต่อไปก็ตาม แต่คดียังไม่ถึงที่สุด เมื่อศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยลูกหนี้เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ที่กระทำมาแล้ว รวมทั้งดำเนินการในเรื่องคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ต่อไปได้ เมื่อเจ้าพักงานพิทักษ์ทรัพย์ประกาศเพียงแต่ให้เจ้าหนี้ที่ยังไม่ได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ไว้ให้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เท่านั้นไม่รวมถึง ว. เจ้าหนี้หรือเจ้าหนี้อื่นซึ่งได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ก่อนแล้ว ดังนั้น การที่ว.ไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ใหม่อีกจะถือว่าไม่ประสงค์จะขอรับชำระหนี้ต่อไปไม่ได้ ว. จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดินและการจำกัดสิทธิเข้าใช้ การกระทำของทหารยามไม่เป็นการละเมิดเมื่อปฏิบัติตามระเบียบ
ทางราชการเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างสนามบิน ทางสาธารณะในเขตเวนคืนสิ้นสภาพไป ทหารยามห้ามมิให้โจทก์นำรถเข้าไปขนมันสำปะหลังผ่านที่เวนคืน เพราะโจทก์ไม่ทำตามระเบียบที่กระทรวงกลาโหมวางไว้ เป็นความเสียหายที่โจทก์ก่อขึ้นเองผู้บังคับบัญชาทหารยามไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนซื้อขายช้างทำสัญญากู้เป็นหลักฐานคืนเงินและกำไร สัญญาไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องและนำสืบว่าจำเลยกู้เงินไปจากโจทก์โดยได้ทำสัญญากู้ไว้เป็นหลักฐาน ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกันซื้อช้างเพื่อขาย โดยทำสัญญากูกันไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการคืนหุ้นและกำไร ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องส่วนข้อที่ว่าช้างที่เข้าหุ้นส่วนกันซื้อมาถูกคนร้ายลักเอาไปจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์อย่างไร โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยเพียงใดหรือไม่ เป็นกรณีที่จะต้องว่ากล่าวกันอีกเรื่องหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าหุ้นส่วนซื้อขายช้าง สัญญาการกู้เป็นหลักฐานการชำระหนี้หุ้นและกำไร ไม่ใช่การกู้ยืมเงิน
โจทก์ฟ้องและนำสืบว่าจำเลยกู้เงินไปจากโจทก์โดยได้ทำสัญญากู้ไว้เป็นหลักฐาน ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกันซื้อช้างเพื่อขาย โดยทำสัญญากู้กันไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการคืนหุ้นและกำไร ศาลย่อมพิพากษายกฟ้อง ส่วนข้อที่ว่าช้างที่เข้าหุ้นส่วนกันซื้อมาถูกคนร้ายลักเอาไปจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์อย่างไรโจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยเพียงใดหรือไม่เป็นกรณีที่จะต้องว่ากล่าวกันอีกเรื่องหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดค่าทดแทนที่ดินเวนคืนต้องใช้ราคาปานกลางตามภาษีบำรุงท้องที่และสภาพที่ดิน ราคาซื้อขายที่สมยอมใช้ไม่ได้
การกำหนดค่าทดแทนแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2497 มาตรา14 กำหนดตามความเป็นธรรมในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาเวนคืนต้องถือตามประกาศราคาปานกลางของที่ดินเพื่อเก็บภาษีบำรุงท้องที่ กับสภาพและทำเลของทรัพย์สินมาประกอบกันราคาที่ดินใกล้เคียงทำสัญญาซื้อขายกันสูงกว่าราคาจริงโดยสมยอมเพื่อต่อรองเมื่อมีการเวนคืน อนุญาโตตุลาการนำมาอาศัยกำหนดราคาเวนคืน จึงขัดต่อกฎหมาย ศาลไม่บังคับตามคำชี้ขาดนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: ราคาทดแทนต้องเป็นธรรมตามประกาศราคาปานกลางของที่ดินและสภาพทำเล ไม่ใช่ราคาซื้อขายที่สมยอมกัน
การกำหนดค่าทดแทนแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2497 มาตรา 14 กำหนดตามความเป็นธรรมในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาเวนคืน ต้องถือตามประกาศราคาปานกลางของที่ดินเพื่อเก็บภาษีบำรุงท้องที่กับสภาพและทำเลของทรัพย์สินมาประกอบกับ ราคาที่ดินใกล้เคียงทำสัญญาซื้อขายกันสูงกว่าราคาจริง โดยสมยอมเพื่อต่อรองเมื่อมีการเวนคืน อนุญาโตตุลาการนำมาอาศัยกำหนดราคาเวนคืน จึงขัดต่อกฎหมาย ศาลไม่บังคับตามคำชี้ขาดนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาการควบคุมตัวผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อสังคม และสิทธิในการร้องขอความเป็นธรรม
คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 22 ไม่ตัดอำนาจศาลที่จะวินิจฉัยว่าบุคคลผู้ถูกควบคุมนั้นมีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อสังคมจริงหรือไม่โดยเฉพาะในคำสั่งก็ไม่มีข้อความระบุว่าให้อำนาจในการจับกุมและควบคุมของเจ้าพนักงานเป็นที่สุด หรือห้ามบุคคลใด ๆ นำกรณีดังกล่าวไปฟ้องร้องต่อศาล ศาลจึงมีอำนาจวินิจฉัยว่าบุคคลใดมีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อสังคมจริงหรือไม่ อันจะนำข้อเท็จจริงไปสู่ข้อวินิจฉัยว่าการที่เจ้าพนักงานควบคุมบุคคลผู้นั้น เป็นการควบคุมโดยชอบหรือผิดกฎหมาย
เมื่อมีคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90และศาลได้หมายเรียกเจ้าพนักงานหรือบุคคลซึ่งก่อให้เกิดการควบคุมหรือขังเข้ามาในคดีแล้ว ย่อมถือว่ามีข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องกับเจ้าพนักงานหรือบุคคลซึ่งเป็นผู้คัดค้าน และเป็นคู่ความ เมื่อศาลพิจารณาและมีคำสั่งอย่างไร หากผู้ร้องหรือผู้คัดค้านไม่เห็นด้วยตามคำสั่งก็ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ตามกฎหมาย
เมื่อมีคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90และศาลได้หมายเรียกเจ้าพนักงานหรือบุคคลซึ่งก่อให้เกิดการควบคุมหรือขังเข้ามาในคดีแล้ว ย่อมถือว่ามีข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องกับเจ้าพนักงานหรือบุคคลซึ่งเป็นผู้คัดค้าน และเป็นคู่ความ เมื่อศาลพิจารณาและมีคำสั่งอย่างไร หากผู้ร้องหรือผู้คัดค้านไม่เห็นด้วยตามคำสั่งก็ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตามคำสั่ง คปถ. และสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา
คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 22 ไม่ตัดอำนาจศาลที่จะวินิจฉัยว่า บุคคลผู้ถูกควบคุมนั้นมีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อสังคมจริงหรือไม่ โดยเฉพาะในคำสั่งก็ไม่มีข้อความระบุว่าให้อำนาจในการจับกุมและควบคุมของเจ้าพนักงานเป็นที่สุด หรือห้ามบุคคลใด ๆ นำกรณีดังกล่าวไปฟ้องร้องต่อศาล ศาลจึงมีอำนาจวินิจฉัยว่าบุคคลใดมีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อสังคมจริงหรือไม่ อันจะนำข้อเท็จจริงไปสู่ข้อวินิจฉัยว่าการที่เจ้าพนักงานควบคุมบุคคลผู้นั้น เป็นการควบคุมโดยชอบหรือผิดกฎหมาย
เมื่อมีคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 และศาลได้หมายเรียกเจ้าพนักงานหรือบุคคลซึ่งก่อให้เกิดการควบคุมหรือขังเข้ามาในคดีแล้ว ย่อมถือว่ามีข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องกับเจ้าพนักงานหรือบุคคลซึ่งเป็นผู้คัดค้าน และเป็นคู่ความ เมื่อศาลพิจารณาและมีคำสั่งอย่างไร หากผู้ร้องหรือผู้คัดค้านไม่เห็นด้วยตามคำสั่ง ก็ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ตามกฎหมาย
เมื่อมีคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 และศาลได้หมายเรียกเจ้าพนักงานหรือบุคคลซึ่งก่อให้เกิดการควบคุมหรือขังเข้ามาในคดีแล้ว ย่อมถือว่ามีข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องกับเจ้าพนักงานหรือบุคคลซึ่งเป็นผู้คัดค้าน และเป็นคู่ความ เมื่อศาลพิจารณาและมีคำสั่งอย่างไร หากผู้ร้องหรือผู้คัดค้านไม่เห็นด้วยตามคำสั่ง ก็ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ภาษีไม่ถึงที่สุด การนำสืบหลักฐานการแจ้งประเมินและคำวินิจฉัยที่ชัดเจนมีความสำคัญต่อการฟ้องล้มละลาย
ภาษีการค้ากับภาษีเงินได้ ซึ่งไม่ได้ความว่าได้แจ้งการประเมินถึงผู้รับประเมินแล้ว ยังไม่เป็นหนี้แน่นอนไม่มีข้อโต้แย้ง อันจะฟ้องให้ล้มละลายได้ อำนาจยึดทรัพย์ตาม ป.รัษฎากร ไม่ใช่บทบัญญัติว่าเป็นหนี้อันแน่นอน สิ่งที่อยู่ในความรู้เห็นของโจทก์ โจทก์นำสืบอย่างเลื่อนลอยไม่แน่นอน ยังฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่านายหน้าจากการชี้ช่องให้ทำสัญญาซื้อขาย แม้เป็นการประมูลราคาสำเร็จ ก็ยังต้องจ่ายค่านายหน้า
จำเลยที่ 1 ตกลงให้โจทก์เป็นผู้ติดต่อขายรถยนต์ดัมทรัค 3 คัน เมื่อขายได้แล้วจะให้ค่านายหน้า 5% โจทก์ได้ติดต่อกับผู้ซื้อซึ่งเป็นหน่วยราชการซึ่งจัดการซื้อรถยนต์ดังกล่าวโดยวิธีประกวดราคา ในการประกวดราคาโจทก์ก็ได้ช่วยเหลือจำเลย จนในที่สุดจำเลยประมูลขายรถยนต์ดังกล่าวให้แก่ผู้ซื้อเป็นผลสำเร็จ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ชี้ช่องให้จำเลยได้เข้าทำสัญญาหรือจัดการให้จำเลยได้ทำสัญญา จำเลยต้องจ่ายค่านายหน้าให้แก่โจทก์