พบผลลัพธ์ทั้งหมด 459 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีครอบครองที่ดิน: ศาลพิพากษาตามยอมได้ แม้มีประเด็นนอกคำขอท้ายฟ้อง
ฟ้องขอให้ถอนชื่อจาก น.ส.3 แล้วแบ่งที่นาซึ่งโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของรวม คู่ความยอมความมอบข้าวเปลือกในนาพิพาทแก่โจทก์ด้วยเป็นเรื่องอยู่ในประเด็นแห่งคดี ศาลพิพากษาตามยอมได้ ไม่เฉพาะแต่ที่มีคำขอท้ายฟ้องดัง มาตรา142
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2115/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่านาเดิมตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 แม้ไม่มีสัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้เสียหายได้เช่านาจำเลยก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ใช้บังคับ ไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าต่อกัน และไม่ได้กำหนดเวลาเช่า เมื่อพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ใช้บังคับแล้ว ผู้เสียหายจึงมีสิทธิ์ในการเช่านามีกำหนด 6 ปีนับแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2517 (วันถัดจากวันประกาศใช้พระราชกิจจานุเบกษา) และเมื่อผู้เสียหายมีฐานะเป็นผู้เช่านา ย่อมมีสิทธิ์ครอบครองนาที่เช่าโดยผลแห่งกฎหมายนั้น การเช่าจะยุติหรือสิ้นผลก็ต่อเมื่อผู้เช่า (ผู้เสียหาย) ไม่ประสงค์จะเช่าต่อไป หรือผู้ให้เช่าใช้สิทธิ์บอกเลิกเมื่อมีเหตุตามมาตรา 32 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2115/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเช่านาตามพ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา: การเช่าก่อนมีกฎหมาย และสิทธิการครอบครอง
ผู้เสียหายได้เช่านาจำเลยก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517 ใช้บังคับ ไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าต่อกันและไม่ได้กำหนดเวลาเช่า เมื่อพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517 ใช้บังคับแล้ว ผู้เสียหายจึงมีสิทธิในการเช่านามีกำหนด 6 ปีนับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม2517(วันถัดจากวันประกาศใช้พระราชกิจจานุเบกษา) และเมื่อผู้เสียหายมีฐานะเป็นผู้เช่านา ย่อมมีสิทธิครอบครองนาที่เช่าโดยผลแห่งกฎหมายนั้น การเช่าจะยุติหรือสิ้นผลก็ต่อเมื่อผู้เช่า (ผู้เสียหาย) ไม่ประสงค์จะเช่าต่อไปหรือผู้ให้เช่าใช้สิทธิบอกเลิกเมื่อมีเหตุตามมาตรา 32 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดสิทธิเรียกร้องที่โอนไปแล้ว ศาลตัดสินว่าโจทก์ไม่มีสิทธิอายัดทรัพย์สินที่จำเลยโอนสิทธิไปแล้ว แม้เงินยังอยู่ที่ผู้รับคำสั่งอายัด
ศาลสั่งอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยก่อนมีคำพิพากษาตามคำร้องในกรณีฉุกเฉินของโจทก์ แต่ปรากฏว่าจำเลยได้โอนสิทธิเรียกร้องให้บุคคลอื่นไปก่อนแล้ว แม้ว่าเงินที่โจทก์ขอให้อายัดจะยังคงมีอยู่ที่บุคคลภายนอกผู้ได้รับคำสั่งอายัดก็ตามคำสั่งอายัดนั้นไม่มีผลบังคับ เพราะโจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งอายัดเงินดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดสิทธิเรียกร้องที่จำเลยโอนให้ผู้อื่นก่อนมีคำสั่ง ศาลไม่มีอำนาจบังคับให้กรมอาชีวศึกษาจ่ายเงิน
ศาลสั่งอายัดสิทธิ์เรียกร้องของจำเลยก่อนมีคำพิพากษาตามคำร้องในกรณีฉุกเฉินของโจทก์ แต่ปรากฏว่าจำเลยได้โอนสิทธิ์เรียกร้องให้บุคคลอื่นไปก่อนแล้ว แม้ว่าเงินที่โจทก์ขอให้อายัดจะยังคงมีอยู่ที่บุคคลภายนอกผู้ได้รับคำสั่งอายัดก็ตาม คำสั่งอายัดนั้นไม่มีผลบังคับ เพราะโจทก์ไม่มีสิทธิ์ขอให้ศาลสั่งอายัดเงินดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ให้เช่า - แม้ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ ก็มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้เมื่อสัญญาหมดอายุ
ผู้ให้เช่าไม่จำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่า เมื่อจำเลยได้ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากโจทก์จำเลยต้องผูกพันตามสัญญาเช่านั้น เมื่อสัญญาเช่าสิ้นกำหนดเวลาเช่าแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้จำเลยจะโต้เถียงอำนาจโจทก์ว่าไม่ใช่เจ้าของ ไม่มีอำนาจฟ้องหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาให้สินบนเจ้าพนักงานทำให้ผู้ให้ไม่เป็นผู้เสียหายในคดีฉ้อโกง
การที่ ส. มอบเงินให้จำเลยเพื่อใช้เป็นค่าเดินทางไปติดต่อและนำไปให้เจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้ช่วยเหลือในคดีที่ ส. ต้องหาว่าพยายามฆ่าผู้อื่น แม้เจ้าพนักงานตำรวจดังกล่าวจะไม่มีตัวตนและจำเลยจะไม่ได้ไปติดต่อกับผู้ใดก็ตาม ก็ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญเพราะเจตนาของ ส. ที่ให้เงินจำเลยก็เพื่อจะให้เจ้าพนักงานช่วยเหลือตนที่ต้องหาคดีอาญาอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของ ส. เป็นการร่วมกับจำเลยในการนำสินบนไปให้เจ้าพนักงานอันอาจถือได้ว่า ส. เป็นผู้ใช้ให้จำเลยไปกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 84 ส.จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายที่จะมีสิทธิร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีนี้ขึ้นว่ากล่าวในความผิดฐานฉ้อโกงอันเป็นความผิดต่อส่วนตัวได้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาให้สินบนเจ้าพนักงาน ทำให้ผู้ให้ไม่ใช่ผู้เสียหายในคดีฉ้อโกง
การที่ ส.มอบเงินให้จำเลยเพื่อใช้เป็นค่าเดินทางไปติดต่อและนำไปให้เจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้ช่วยเหลือในคดีที่ ส. ต้องหาว่าพยายามฆ่าผู้อื่น แม้เจ้าพนักงานตำรวจดังกล่าวจะไม่มีตัวตนและจำเลยจะไม่ได้ไปติดต่อกับผู้ใดก็ตาม ก็ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญเพราะเจตนาของ ส.ที่ให้เงินจำเลยเพื่อจำะให้เจ้าพนักงานช่วยเหลือตนที่ต้องคดีอาญาอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของ ส.เป็นการร่วมกับจำเลยในการนำสินบนไปให้เจ้าพนักงานอันอาจถือได้ว่า ส.เป็นผู้ใช้ให้จำเลยไปกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 84 ส.จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายที่จะมีสิทธิร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าวในความผิดฐานฉ้อโกงอันเป็นความผิดต่อส่วนตัวได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1925/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล่อยตัวผู้ถูกลักพาตัวก่อนมีคำพิพากษา ทำให้ความผิดฐานลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่สิ้นสุดลง
จำเลยกับพวกร่วมกันเอาตัวผู้เสียหายไปโดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ขณะคุมตัวผู้เสียหายไปกลางทาง ผู้เสียหายนั่งร้องไห้จำเลยเห็นใจ ได้พูดกับพี่สาวของจำเลยว่าจะส่งคืนผู้เสียหายให้แก่พ่อแม่จำเลยเอาผู้เสียหายไปพักที่บ้าน ป. ว่าจะไปเอารถมารับแล้วออกจากบ้านไปกับพี่สาว ต่อมาพี่สาวจำเลยกลับมาบอกผู้เสียหายให้หลบหนีไปกันเอง โดยชี้ทางให้ ดังนี้เป็นการที่ผู้เสียหายได้รับเสรีภาพเนื่องจากจำเลยปล่อยตัวให้ผู้เสียหายพักอยู่ที่บ้าน ป. และพี่สาวจำเลยได้บอกให้หลบหนีโดยชี้ทางให้ถือได้ว่าจำเลยได้จัดให้ผู้เสียหายได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 316
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1866/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามส่งยาเสพติดออกนอกราชอาณาจักร แม้ไม่ได้อ้างบทลงโทษเฉพาะก็ลงโทษได้
เจ้าพนักงานสืบทราบว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีและส่งยาเสพติดให้โทษออกนอกราชอาณาจักรโดยทางเครื่องบินมาหลายครั้งแล้ว วันเกิดเหตุได้รับแจ้งจากสายลับว่า จำเลยกับพวกจะส่งไปอีก จึงพากันไปซุ่มดักรออยู่ในบริเวณที่จอดรถชั้นล่างของห้องโดยสารขาออกของทางอากาศยานดอนเมืองที่จำเลยเคย นำรถมาจอด เมื่อจำเลยขับรถเก๋งมาจอด ณ ที่นั่น เจ้าพนักงานจึงตรวจค้น พบเฮโรอีน 32 ถุง ฝิ่นสุก 15 ห่อ รวม 30 กว่ากิโลกรัม มีราคาถึง 520,000 บาทเศษ การจับกุมดังนี้มิได้กระทำโดยบังเอิญ ปริมาณของของกลางตลอดจนสถานที่ที่นำมาบ่งชัดว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาส่งออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย ตามพฤติการณ์ก็น่าเชื่อถือว่าจำเลยกับพวกได้นัดแนะกันมาก่อนแล้ว เพียงแต่รอนำของกลางนี้ขึ้นไปที่ห้องผู้โดยสารขาออกชั้นบนเพื่อส่งออกทางเครื่องบินเท่านั้น การกระทำของจำเลยกับพวกเข้าขั้นลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่ไม่บรรลุผลเพราะแจ้งพนักงานจับกุมเสียก่อน จึงมีความผิดฐานพยายามส่งเฮโรอีนและฝิ่นออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย
โจทก์บรรยายฟ้องมาแจ้งชัดว่า จำเลยพยายามส่งเฮโรอีนของกลางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย และอ้างมาตรา 4 ทวิ อันเป็นบทห้ามกระทำผิดแล้ว แม้จะไม่ได้อ้างมาตรา 20 ซึ่งเป็นบทลงโทษมาด้วย โดยอ้างแต่มาตรา 20 ตรีมาเพียงบทเดียว ศาลก็ลงโทษตามมาตรา 20 วรรคสี่ได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ทั้ง 2 วรรค)ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13-15/2519
โจทก์บรรยายฟ้องมาแจ้งชัดว่า จำเลยพยายามส่งเฮโรอีนของกลางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย และอ้างมาตรา 4 ทวิ อันเป็นบทห้ามกระทำผิดแล้ว แม้จะไม่ได้อ้างมาตรา 20 ซึ่งเป็นบทลงโทษมาด้วย โดยอ้างแต่มาตรา 20 ตรีมาเพียงบทเดียว ศาลก็ลงโทษตามมาตรา 20 วรรคสี่ได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ทั้ง 2 วรรค)ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13-15/2519