พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2515/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจของพนักงานตรวจแรงงานเป็นเพียงผู้ไกล่เกลี่ย และการจ่ายค่านายหน้าเป็นค่าจ้างตามกฎหมาย
พนักงานตรวจแรงงานมิได้อยู่ในฐานะผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างหากแต่เป็นผู้ไกล่เกลี่ย คำเตือนของพนักงานตรวจแรงงานให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเป็นเพียงคำชี้แจงของผู้ไกล่เกลี่ยให้นายจ้างทราบ เพื่อให้มีการประนีประนอมกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างหากนายจ้างเห็นว่าคำเตือนนั้นไม่ถูกต้องจะไม่ปฏิบัติตามก็ได้ คำเตือนนั้นหามีผลบังคับไม่การที่พนักงานตรวจแรงงานออกคำเตือนดังกล่าวไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ทางแพ่งของนายจ้างนายจ้างไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำเตือน (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1444/2519)
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
นอกจากค่าจ้างเป็นรายเดือนแล้ว ลูกจ้างยังมีสิทธิได้รับเงินค่านายหน้าอีกร้อยละ 1.75 จากจำนวนเงินที่นายจ้างได้รับชำระจากสินค้าของนายจ้างที่ได้ขายไปในเขตควบคุมของลูกจ้าง เงินค่านายหน้าดังกล่าวเป็นค่าจ้างตาม ข้อ 2 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ฉบับลงวันที่16 เมษายน 2515 นายจ้างต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้าง
เงื่อนไขและระเบียบของนายจ้างที่ให้งดจ่ายเงินค่านายหน้าดังกล่าวที่ยังไม่ได้จ่ายในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานขัดต่อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ข้อกำหนดดังกล่าวตกเป็นโมฆะ
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
นอกจากค่าจ้างเป็นรายเดือนแล้ว ลูกจ้างยังมีสิทธิได้รับเงินค่านายหน้าอีกร้อยละ 1.75 จากจำนวนเงินที่นายจ้างได้รับชำระจากสินค้าของนายจ้างที่ได้ขายไปในเขตควบคุมของลูกจ้าง เงินค่านายหน้าดังกล่าวเป็นค่าจ้างตาม ข้อ 2 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ฉบับลงวันที่16 เมษายน 2515 นายจ้างต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้าง
เงื่อนไขและระเบียบของนายจ้างที่ให้งดจ่ายเงินค่านายหน้าดังกล่าวที่ยังไม่ได้จ่ายในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานขัดต่อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ข้อกำหนดดังกล่าวตกเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2515/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจพนักงานตรวจแรงงานเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ไม่ใช่ผู้ชี้ขาด และการจ่ายค่านายหน้าเป็นค่าจ้างตามกฎหมาย
พนักงานตรวจแรงงานมิได้อยู่ในฐานะผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง หากแต่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยคำเตือนของพนักงานตรวจแรงงานให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเป็นเพียงคำชี้แจงของผู้ไกล่เกลี่ยให้นายจ้างทราบเพื่อให้มีการประนีประนอมกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง หากนายจ้างเห็นว่าคำเตือนนั้นไม่ถูกต้องจะไม่ปฏิบัติตามก็ได้ คำเตือนนั้นหามีผลบังคับไม่การที่พนักงานตรวจแรงงานออกคำเตือนดังกล่าวไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ทางแพ่งของนายจ้าง นายจ้างไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำเตือน (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1444/2519)
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
นอกจากค่าจ้างเป็นรายเดือนแล้ว ลูกจ้างยังมีสิทธิได้รับเงินค่านายหน้าอีกร้อยละ 1.75 จากจำนวนเงินที่นายจ้างได้รับชำระจากสินค้าของนายจ้างที่ได้ขายไปในเขตควบคุมของลูกจ้าง เงินค่านายหน้าดังกล่าวเป็นค่าจ้างตาม ข้อ 2 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ฉบับลงวันที่ 16 เมษายน 2515 นายจ้างต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้า
เงื่อนไขและระเบียบของนายจ้างที่ให้งดจ่ายเงินค่านายหน้าดังกล่าวที่ยังไม่ได้จ่ายในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงาน ขัดต่อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ข้อกำหนดดังกล่าวตกเป็นโมฆะ
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
นอกจากค่าจ้างเป็นรายเดือนแล้ว ลูกจ้างยังมีสิทธิได้รับเงินค่านายหน้าอีกร้อยละ 1.75 จากจำนวนเงินที่นายจ้างได้รับชำระจากสินค้าของนายจ้างที่ได้ขายไปในเขตควบคุมของลูกจ้าง เงินค่านายหน้าดังกล่าวเป็นค่าจ้างตาม ข้อ 2 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ฉบับลงวันที่ 16 เมษายน 2515 นายจ้างต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้า
เงื่อนไขและระเบียบของนายจ้างที่ให้งดจ่ายเงินค่านายหน้าดังกล่าวที่ยังไม่ได้จ่ายในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงาน ขัดต่อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ข้อกำหนดดังกล่าวตกเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2380/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ให้เช่าซื้อเมื่อโอนที่ดินไม่ได้ และผลกระทบจากการจัดการทรัพย์สินช้าช้าต่อภาระดอกเบี้ย
ผู้ให้เช่าซื้อต้องรับผิดถ้าโอนที่ดินที่ให้เช่าซื้อให้แก่ผู้เช่าซื้อไม่ได้ โดยรับผิดใช้ค่าเสียหายเท่านั้น การจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้เนิ่นช้าทำให้เพิ่มภาระดอกเบี้ยจำนอง มติที่ประชุมเจ้าหนี้ให้ขายที่ดินจึงไม่ขัดต่อประโยชน์อันร่วมกันของเจ้าหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2163/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตกลงใช้หนี้มรดกและการโอนสิทธิในทรัพย์มรดก
ทายาททุกคนตกลงกันให้โจทก์ใช้หนี้มรดกและให้โจทก์ได้รับทรัพย์มรดก โจทก์ได้รับ น.ส.3 แล้วให้จำเลยซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่งอาศัยอยู่ จำเลยหมดสิทธิที่จะเรียกมรดกซึ่งตกเป็นของโจทก์ไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานเกินกำหนด: ศาลใช้ดุลพินิจรับได้หากไม่ทำให้คู่ความเสียหายและเป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม
โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกเพียง1 วันอ้างเหตุว่าด้วยความพลั้งเผลอไม่จงใจประวิงและเอาเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใดปรากฏตามบัญชีระบุพยานว่าเป็นพยานบุคคลและพยานเอกสารรวมกันเพียง 6 อันดับและเป็นพยานนำ ทั้งโจทก์ได้นำพยานมาศาลในวันนัดเพื่อขอสืบพยานต่อไปตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ปรากฏว่าโจทก์แกล้งประวิงและเอาเปรียบจำเลยในทางคดีทั้งการรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหายตามคำร้องของโจทก์ก็มีเหตุสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมควรรับบัญชีระบุพยานของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า: ศาลใช้ดุลพินิจรับพยานได้หากไม่ก่อให้เกิดความเสียหายและเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน ยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกเพียง 1 วัน อ้างเหตุว่าด้วยความพลั้งเผลอไม่จงใจประวิงและเอาเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด ปรากฏตามบัญชีระบุพยานว่าเป็นพยานบุคคลและพยานเอกสารรวมกันเพียง 6 อันดับ และเป็นพยานนำทั้งโจทก์ได้นำพยานมาศาลในวันนัดเพื่อขอสืบพยานต่อไป ตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ปรากฏว่าโจทก์แกล้งประวิงและเอาเปรียบจำเลยในทางคดี ทั้งการรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหายตามคำร้องของโจทก์ก็มีเหตุสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมควรรับบัญชีระบุพยานของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1986/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กลฉ้อฉลในการซื้อขายที่ดิน: ผู้ขายปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องเนื้อที่ ทำให้ผู้ซื้อเสียประโยชน์
ที่ดินมีโฉนดระบุเนื้อที่ 2 งาน 72 วา เพราะคำนวณผิดความจริงเนื้อที่ 76 ตารางวา ผู้ขายรู้แล้วไม่บอกผู้ซื้อ เป็นกลฉ้อฉล ถ้าผู้ซื้อรู้ก็จะไม่ซื้อ ผู้ซื้อเลิกสัญญาจะซื้อขายเรียกมัดจำคืนและเรียกเบี้ยปรับได้ตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1946/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของการรถไฟฯ และความประมาทของผู้ขับขี่ กรณีทางตัดทางรถไฟ
มาตรา 72 และ 73 แห่งพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พระพุทธศักราช 2464 ให้อำนาจการรถไฟฯ เป็นผู้พิจารณาว่าทางรถไฟผ่านข้ามถนนสายใดสำคัญหรือไม่ ถ้าเป็นทางสายสำคัญก็ให้ปฏิบัติตามมาตรา 72 ถ้าเป็นทางสายไม่สู้สำคัญก็ให้ปฏิบัติตามมาตรา 73 หาได้บังคับให้การรถไฟฯ จำต้องทำประตูหรือขึงโซ่หรือทำราวกั้นขวางถนนบรรดาที่ตัดผ่านทางรถไฟทุกสายไม่
ก่อนถึงทางรถไฟตรงที่เกิดเหตุมีป้ายบอกว่าระวังรถไฟมีป้ายใช้ความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตอนจะถึงทางรถไฟมีเลข 20 แล้วมีเสาแผงสัญญาณไฟ ขณะนั้นสัญญาณไฟวาบและระฆังทำงานได้ตามปกติ แสดงว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามมาตรา 73 แล้ว ไม่เป็นการประมาทเพราะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
ก่อนถึงทางรถไฟตรงที่เกิดเหตุมีป้ายบอกว่าระวังรถไฟมีป้ายใช้ความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตอนจะถึงทางรถไฟมีเลข 20 แล้วมีเสาแผงสัญญาณไฟ ขณะนั้นสัญญาณไฟวาบและระฆังทำงานได้ตามปกติ แสดงว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามมาตรา 73 แล้ว ไม่เป็นการประมาทเพราะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1946/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากการชนกับรถไฟ: การปฏิบัติตามกฎหมายรถไฟและการพิจารณาความสำคัญของทางตัด
มาตรา 72 และ 73 แห่งพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวงพระพุทธศักราช 2464 ให้อำนาจการรถไฟฯ เป็นผู้พิจารณาว่าทางรถไฟผ่านเข้ามถนนสายใดสำคัญหรือไม่ ถ้าเป็นทางสายสำคัญก็ให้ปฏิบัติตามมาตรา 72 ถ้าเป็นทางสายไม่สู้สำคัญก็ให้ปฏิบัติตามมาตรา 73 หาได้บังคับให้การรถไฟฯ จำต้องทำประตูหรือขึงโซ่หรือทำราวกั้นขวางถนนบรรดาที่ตัดผ่านทางรถไฟทุกสายไม่
ก่อนถึงทางรถไฟตรงที่เกิเหตุมีป้ายบอกว่าระวังรถไฟ มีป้ายใช้ความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตอนจะถึงทางรถไฟมีเลข 20 แล้วมีเสาแผงสัญญาณไฟ ขณะนั้นสัญญาณไฟวาบและระฆังทำงานได้ตามปกติ แสดงว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามมาตรา 73 แล้ว ไม่เป็นการประมาทเพราะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
ก่อนถึงทางรถไฟตรงที่เกิเหตุมีป้ายบอกว่าระวังรถไฟ มีป้ายใช้ความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตอนจะถึงทางรถไฟมีเลข 20 แล้วมีเสาแผงสัญญาณไฟ ขณะนั้นสัญญาณไฟวาบและระฆังทำงานได้ตามปกติ แสดงว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามมาตรา 73 แล้ว ไม่เป็นการประมาทเพราะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเบิกความเท็จ: จำเลยไม่เข้าใจข้อกล่าวหาเพราะขาดรายละเอียดความสำคัญ
ฟ้องว่าเบิกความเท็จ บรรยายข้อความที่เบิกความกับความจริงเป็นอย่างไร และว่าเป็นข้อสำคัญในคดี แต่ไม่บรรยายว่าสำคัญอย่างไร ไม่อาจทราบได้ว่าคดีก่อนมีข้อกล่าวหากันอย่างไร ไม่พอทำให้จำเลยเข้าใจข้อกล่าวหาได้ดี