คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไพบูลย์ ไวกาสี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 536 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3674/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายความในการรับฟังคำพิพากษาแทนจำเลย และผลต่อสิทธิในการฎีกา
โจทก์แต่งตั้งให้ ว. เป็นทนายความและให้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ ไปในทางจำหน่ายสิทธิได้ เช่นการยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง ยื่น ถอนคำฟ้องประนีประนอมยอมความ สละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาหรือขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ตลอดจนชั้นบังคับคดีเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ถอดถอน ว.ออกจากการเป็นทนายความ ถือได้ว่าว. ยังคงเป็นทนายความของโจทก์อยู่ เมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ ว. ทนายโจทก์ฟัง ก็ถือว่าโจทก์ได้ฟังคำพิพากษาดังกล่าวโดยชอบแล้ว แม้ร้อยตำรวจเอก ช. จะเป็นทนายความผู้ทำคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์มายื่นและมิได้ฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง ก็ไม่มีอำนาจร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่เพื่อให้โจทก์มีสิทธิฎีกาได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3674/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายความในการดำเนินกระบวนพิจารณาและการรับฟังคำพิพากษาแทนจำเลย
โจทก์แต่งตั้งให้ ว. เป็นทนายความและให้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ ไปในทางจำหน่ายสิทธิได้ เช่นการยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง ยื่น ถอนคำฟ้อง ประนีประนอมยอมความ สละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา หรือขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ตลอดจนชั้นบังคับคดีเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ถอดถอน ว.ออกจากการเป็นทนายความ ถือได้ว่า ว. ยังคงเป็นทนายความของโจทก์อยู่ เมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ว. ทนายโจทก์ฟัง ก็ถือว่าโจทก์ได้ฟังคำพิพากษาดังกล่าวโดยชอบแล้ว แม้ร้อยตำรวจเอก ช. จะเป็นทนายความผู้ทำคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์มายื่นและมิได้ฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง ก็ไม่มีอำนาจร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่เพื่อให้โจทก์มีสิทธิฎีกาได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3586/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียงกระทงความผิดจากพฤติกรรมครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด แม้ไม่ได้อ้างมาตรา 91 ในคำฟ้อง
เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและได้จำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้องโจทก์ จำเลยมิได้อุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงดังกล่าวคงมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยดังข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเป็นความผิดสองกรรมศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยเพียงกรรมเดียวเป็นการไม่ถูกต้อง ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับจำหน่ายเฮโรอีนจึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดสองกรรมแม้โจทก์จะมิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้องก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทและหลายกรรมต่างกัน ศาลก็ต้องเรียงกระทงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3586/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียงกระทงความผิดในคดีจำหน่ายยาเสพติด แม้โจทก์มิได้อ้างมาตรา 91 โดยตรง
เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและได้จำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้องโจทก์จำเลยมิได้อุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงดังกล่าวคงมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยดังข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเป็นความผิดสองกรรมศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยเพียงกรรมเดียวเป็นการไม่ถูกต้อง ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับจำหน่ายเฮโรอีนจึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดสองกรรมแม้โจทก์จะมิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้องก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทและหลายกรรมต่างกัน ศาลก็ต้องเรียงกระทงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3554/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรเกิดจากหญิงที่ไม่ได้สมรส: มารดายังคงมีสิทธิกำหนดที่อยู่และเรียกบุตรคืนได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติให้เด็กที่เกิดจากหญิงที่มิได้มีการสมรสกับชายเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของหญิงนั้น ทั้งให้มีอำนาจปกครอง มีสิทธิกำหนดที่อยู่ของบุตรและเรียกบุตรคืนจากผู้อื่นซึ่งกักบุตรไว้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น แม้โจทก์จะได้ตกลงกับจำเลยให้เป็นฝ่ายเลี้ยงดูเด็ก แต่อำนาจปกครองไม่ได้อยู่กับจำเลยต่อมาเมื่อโจทก์ประสงค์จะเลี้ยงดูเองย่อมมีอำนาจกระทำได้เพราะโจทก์เป็นผู้กำหนดที่อยู่ ไม่ใช่เรื่องผิดข้อตกลงหรือใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3554/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรนอกสมรส: มารดายังมีสิทธิกำหนดที่อยู่และเรียกบุตรคืนได้ แม้ตกลงให้บิดาเลี้ยงดู
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติให้เด็กที่เกิดจากหญิงที่มิได้มีการสมรสกับชายเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของหญิงนั้นทั้งให้มีอำนาจปกครอง มีสิทธิกำหนดที่อยู่ของบุตรและเรียกบุตรคืนจากผู้อื่นซึ่งกักบุตรไว้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น แม้โจทก์จะได้ตกลงกับจำเลยให้เป็นฝ่ายเลี้ยงดูเด็ก แต่อำนาจปกครองไม่ได้อยู่กับจำเลยต่อมาเมื่อโจทก์ประสงค์จะเลี้ยงดูเองย่อมมีอำนาจกระทำได้เพราะโจทก์เป็นผู้กำหนดที่อยู่ ไม่ใช่เรื่องผิดข้อตกลงหรือใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3528/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีซ้ำซ้อน: การฟ้องคดีหมิ่นประมาทในประเด็นเดียวกันกับที่ศาลอื่นรับไว้แล้ว ทำให้ฟ้องต้องห้าม
โจทก์เคยฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงพระนครเหนือว่าจำเลยโฆษณาข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ในหนังสือพิมพ์รายวันศาลแขวงพระนครเหนือได้ไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาแล้ว ต่อมาโจทก์ได้ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงเชียงใหม่ในเหตุอย่างเดียวกันอีกวันกระทำผิดและสถานที่เกิดเหตุก็ตรงกัน คำฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ได้ยื่นฟ้องไว้แล้วต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173(1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3528/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องคดีซ้ำซ้อน: การฟ้องหมิ่นประมาทคดีเดิมต่อศาลอื่นย่อมเป็นเหตุต้องห้ามตามกฎหมาย
โจทก์เคยฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงพระนครเหนือว่าจำเลยโฆษณาข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ในหนังสือพิมพ์รายวันศาลแขวงพระนครเหนือได้ไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาแล้วต่อมาโจทก์ได้ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงเชียงใหม่ในเหตุอย่างเดียวกันอีกวันกระทำผิดและสถานที่เกิดเหตุก็ตรงกัน คำฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ได้ยื่นฟ้องไว้แล้วต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 (1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3459/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างทำของ สัญญาเกิดขึ้นเมื่อมีคำเสนอและสนองชัดเจน การผิดสัญญาและการเรียกร้องค่าเสียหาย
โจทก์เคยเป็นลูกค้าของจำเลย ประมาณเดือนกรกฎาคม 2521โจทก์ได้ส่งใบสอบราคาเพื่อจัดพิมพ์สมุดบันทึกประจำปี พ.ศ. 2522 ไปให้จำเลยใบสอบราคาได้กำหนดขนาด วัตถุดิบที่ใช้กำหนดวันแล้วเสร็จ วิธีการจัดส่งและจำนวนการสั่งพิมพ์จากขั้นต่ำ 8,000 เล่ม ถึงขั้นสูง 15,000 เล่ม มีข้อกำหนดด้วยว่าถ้า การพิมพ์ไม่เป็นไปตามใบสั่ง โจทก์มีสิทธิไม่รับของและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และถ้าส่งล่าช้า จะถูกปรับวันละ 2,000 บาท จำเลยได้กรอกราคาในใบสอบราคาของโจทก์แล้วส่งกลับคืนไป โดยเสนอว่าถ้าพิมพ์จำนวนขั้นต่ำและขั้นสูงราคาจะแตกต่างกัน ถ้าพิมพ์จำนวนน้อยจะแพงกว่าพิมพ์จำนวนมากมีรายละเอียดทุกราคา ต่อมาวันที่ 9 สิงหาคม 2521โจทก์ตอบตกลงให้จำเลยจัดพิมพ์ หลักฐานดังกล่าวเป็นคำเสนอสนองระหว่างโจทก์และจำเลยเกิดเป็นสัญญาขึ้น เรื่องจำนวนพิมพ์ที่แน่นอน จำเลยไม่ได้เกี่ยงให้ฝ่ายโจทก์กำหนดก่อนเพราะเคยพิมพ์กันมาแล้ว จึงหาใช่ข้อสารสำคัญไม่ การที่ระบุในใบสอบราคาว่าตัวอย่างและรายละเอียดตลอดจนการอนุมัติการวางรูปเล่ม จำนวนสั่งพิมพ์ให้ติดต่อกับ ร. เจ้าหน้าที่แผนกโฆษณาของโจทก์ก็เพื่อให้ทราบว่าจะติดต่อกับผู้ใดข้อโต้แย้งของจำเลยว่ายังไม่ได้ตกลงรับจ้างเพราะไม่ทราบจำนวนพิมพ์และวันหยุดของธนาคารพาณิชย์นั้นเป็นเรื่องกล่าวอ้างขึ้นภายหลังดังจะเห็นได้ว่าจำเลยก็ยอมรับว่าโจทก์เป็นผู้สั่งทำและขอเลื่อนเวลาการส่งของออกไปจึงฟังไม่ขึ้น จำเลยไม่สามารถส่งของให้โจทก์ได้ภายในกำหนด จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในการดำเนินงานล่วงหน้าจากโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3459/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายตกลงกันแล้ว จำเลยผิดสัญญา ส่งมอบสินค้าไม่ทันตามกำหนด โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
โจทก์เคยเป็นลูกค้าของจำเลย ประมาณเดือนกรกฎาคม 2521 โจทก์ได้ส่งใบสอบราคาเพื่อจัดพิมพ์สมุดบันทึกประจำปี พ.ศ. 2522 ไปให้จำเลยใบสอบราคาได้กำหนดขนาด วัตถุดิบที่ใช้กำหนดวันแล้วเสร็จ วิธีการจัดส่งและจำนวนการสั่งพิมพ์จากขั้นต่ำ 8,000 เล่ม ถึงขั้นสูง 15,000 เล่ม มีข้อกำหนดด้วยว่าถ้า การพิมพ์ไม่เป็นไปตามใบสั่ง โจทก์มีสิทธิไม่รับของและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และถ้าส่งล่าช้า จะถูกปรับวันละ 2,000 บาท จำเลยได้กรอกราคาในใบสอบราคาของโจทก์แล้วส่งกลับคืนไป โดยเสนอว่าถ้าพิมพ์จำนวนขั้นต่ำและขั้นสูงราคาจะแตกต่างกัน ถ้าพิมพ์จำนวนน้อยจะแพงกว่าพิมพ์จำนวนมากมีรายละเอียดทุกราคา ต่อมาวันที่ 9 สิงหาคม 2521 โจทก์ตอบตกลงให้จำเลยจัดพิมพ์ หลักฐานดังกล่าวเป็นคำเสนอสนองระหว่างโจทก์และจำเลยเกิดเป็นสัญญาขึ้น เรื่องจำนวนพิมพ์ที่แน่นอน จำเลยไม่ได้เกี่ยงให้ฝ่ายโจทก์กำหนดก่อนเพราะเคยพิมพ์กันมาแล้ว จึงหาใช่ข้อสารสำคัญไม่การที่ระบุในใบสอบราคาว่าตัวอย่างและรายละเอียดตลอดจนการอนุมัติการวางรูปเล่ม จำนวนสั่งพิมพ์ให้ติดต่อกับ ร.เจ้าหน้าที่แผนกโฆษณาของโจทก์ก็เพื่อให้ทราบว่าจะติดต่อกับผู้ใดข้อโต้แย้งของจำเลยว่ายังไม่ได้ตกลงรับจ้างเพราะไม่ทราบจำนวนพิมพ์และวันหยุดของธนาคารพาณิชย์นั้นเป็นเรื่องกล่าวอ้างขึ้นภายหลังดังจะเห็นได้ว่าจำเลยก็ยอมรับว่าโจทก์เป็นผู้สั่งทำและขอเลื่อนเวลาการส่งของออกไปจึงฟังไม่ขึ้นจำเลยไม่สามารถส่งของให้โจทก์ได้ภายในกำหนด จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในการดำเนินงานล่วงหน้าจากโจทก์
of 54