คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไพบูลย์ ไวกาสี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 536 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางในคดีสินค้าควบคุม: น้ำตาลทรายไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด
น้ำตาลทรายอันเป็นสินค้าควบคุมตามประกาศคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดที่จำเลยไม่นำออกจำหน่าย หรือเสนอขายตามปกติ และปฏิเสธไม่ยอมจำหน่ายนั้น หาใช่ทรัพย์สินที่ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด อันพึงจะต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 31 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1967/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาผูกพันคู่ความ - สิทธิครอบครองที่ดิน - การยกที่ดินให้ผู้อื่น
ในคดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์ห้ามไม่ให้เกี่ยวข้องกับที่พิพาท ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโดยฟังว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทแทนผู้มีชื่อ หลังจากผู้มีชื่อยกที่พิพาทให้โจทก์ครอบครองแล้ว จำเลยก็มิได้เกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกเลย ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้สิทธิครอบครองในที่พิพาทคำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 จำเลยจะมาโต้เถียงในคดีนี้ว่าจำเลยได้สิทธิครอบครองที่พิพาท โดยครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของอีกไม่ได้ และจะยกระยะเวลา 1 ปีขึ้นต่อสู้โจทก์ก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1967/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาผูกพันคู่ความ การครอบครองที่ดินต่อเนื่อง และการยกสิทธิครอบครอง
ในคดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์ห้ามไม่ให้เกี่ยวข้องกับที่พิพาท ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง โดยฟังว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทแทนผู้มีชื่อ หลังจากผู้มีชื่อยกที่พิพาทให้โจทก์ครอบครองแล้วจำเลยก็มิได้เกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกเลย ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้สิทธิครอบครองในที่พิพาทคำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 จำเลยจะมาโต้เถียงในคดีนี้ว่าจำเลยได้สิทธิครอบครองที่พิพาท โดยครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของอีกไม่ได้ และจะยกระยะเวลา 1 ปีขึ้นต่อสู้โจทก์ก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมสำหรับโจทก์ชาวต่างชาติ และการพิจารณาจำนวนเงินที่เหมาะสม
โจทก์เป็นคนสัญชาติอังกฤษ มิได้มีภูมิลำเนาในประเทศไทยฟ้องว่าจำเลยทำละเมิด จำเลยจึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องพิจารณาว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะคดีเพราะศาลมีอำนาจที่จะพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่ชนะคดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 100,269,743 บาท ซึ่งหากโจทก์แพ้คดี และศาลชั้นต้นให้โจทก์ชดใช้ค่าทนายความเพียงกึ่งหนึ่งของอัตราที่กฎหมายกำหนดคือร้อยละ 2 ครึ่ง โดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก็จะเป็นเงินค่าทนายความถึง 2,500,000 บาทเศษที่ศาลชั้นต้นให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย 750,000 บาท จึงมิใช่จำนวนที่สูงเกินสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิในที่ดิน: ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน แม้จะรับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน
จ. ทำหนังสือสัญญาจะซื้อที่ดินจาก ป. แล้วร้องขอแบ่งแยกที่ดินออกเป็นแปลงย่อยในนามของ ป. หลังจากนั้น จ. นำที่ดินดังกล่าวมาจัดสรรขายในนามของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ได้ลงทุนปลูกบ้านลงในที่ดินแต่ละแปลงเป็นการแสดงออกให้ปรากฏแก่คนทั้งหลายทั่วไปว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาทเมื่อโจทก์ตกลงซื้อที่ดินพร้อมด้วยบ้านพิพาทจากจำเลยที่ 1 และชำระเงินครบถ้วนแล้วจำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่จะต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทแก่โจทก์ ทั้งปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบกุญแจบ้านที่โจทก์ซื้อแก่โจทก์ ถือได้ว่าโจทก์ได้รับมอบการครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทจากจำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์จึงอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อน
จำเลยที่ 2 มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทแทนจำเลยที่ 1 มิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง แม้จำเลยที่จะรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทมาจากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ก็หาได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาทไม่เพราะผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
คดีเดิมจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ได้ฟ้องขับไล่ ส. ซึ่งเป็นผู้อาศัยอยู่ในบ้านพิพาทซึ่งโจทก์และจำเลยที่ 3 ในคดีนี้พิพาทกันอยู่ โจทก์ในคดีนี้ได้ขอเข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีดังกล่าวและได้ร้องขอให้นำคดีดังกล่าวมาพิจารณาพิพากษารวมกับคดีนี้ ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตเพราะการร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิอย่างอื่นนอกจากสิทธิที่มีอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่ตนเข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 58 ดังนั้นประเด็นที่ว่าจำเลยที่ 2 คดีนี้เป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์แทนจำเลยที่ 1 คดีนี้หรือไม่จำเลยที่ 2 คดีนี้มีอำนาจโอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยที่ 3 คดีนี้หรือไม่จึงไม่ได้รับการพิจารณาในคดีดังกล่าว ประเด็นในคดีนี้จึงเป็นคนละประเด็นกับคดีดังกล่าว ไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยไม่สุจริต ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน แม้จะรับโอนโดยมีค่าตอบแทนและสุจริต
จ. ทำหนังสือสัญญาจะซื้อที่ดินจาก ป. แล้วร้องขอแบ่งแยกที่ดินออกเป็นแปลงย่อยในนามของ ป. หลังจากนั้นจ. นำที่ดินดังกล่าวมาจัดสรรขายในนามของจำเลยที่ 1โดยจำเลยที่ 1 ได้ลงทุนปลูกบ้านลงในที่ดินแต่ละแปลงเป็นการแสดงออกให้ปรากฏแก่คนทั้งหลายทั่วไปว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาทเมื่อโจทก์ตกลงซื้อที่ดินพร้อมด้วยบ้านพิพาทจากจำเลยที่ 1 และชำระเงินครบถ้วนแล้วจำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่จะต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทแก่โจทก์ ทั้งปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบกุญแจบ้านที่โจทก์ซื้อแก่โจทก์ ถือได้ว่าโจทก์ได้รับมอบการครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทจากจำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์จึงอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อน
จำเลยที่ 2 มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทแทนจำเลยที่ 1 มิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง แม้จำเลยที่จะรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทมาจากจำเลยที่2 จำเลยที่ 3 ก็หาได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาทไม่เพราะผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
คดีเดิมจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ได้ฟ้องขับไล่ ส. ซึ่งเป็นผู้อาศัยอยู่ในบ้านพิพาทซึ่งโจทก์และจำเลยที่ 3ในคดีนี้พิพาทกันอยู่ โจทก์ในคดีนี้ได้ขอเข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีดังกล่าวและได้ร้องขอให้นำคดีดังกล่าวมาพิจารณาพิพากษารวมกับคดีนี้ ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตเพราะการร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิอย่างอื่นนอกจากสิทธิที่มีอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่ตนเข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 58 ดังนั้นประเด็นที่ว่าจำเลยที่ 2 คดีนี้เป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์แทนจำเลยที่ 1 คดีนี้หรือไม่จำเลยที่ 2คดีนี้มีอำนาจโอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยที่ 3 คดีนี้หรือไม่จึงไม่ได้รับการพิจารณาในคดีดังกล่าว ประเด็นในคดีนี้จึงเป็นคนละประเด็นกับคดีดังกล่าว ไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1549/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งข้อหาและการบันทึกการจับกุมไม่จำเป็นต้องควบคู่กันไป การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายเฉพาะกรณีแจ้งข้อหาไม่ถูกต้องเท่านั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 บัญญัติแต่เพียงให้ เจ้าพนักงานแจ้งแก่ผู้ที่จะถูกจับว่าเขาจะต้องถูกจับเท่านั้น มิได้กำหนดให้มีการแจ้งข้อหาหรือการบันทึกการจับกุมแต่ประการใด
การแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา134 กำหนดให้กระทำเฉพาะเมื่อผู้ต้องหามาอยู่ต่อหน้าพนักงานสอบสวนและ ไม่จำต้องแจ้งข้อหาทุกกระทง ดังนั้นการที่พนักงานสอบสวนเติมคำว่า บุกรุกลงในบันทึกการจับกุมที่ผู้จับทำขึ้น จึงหาทำให้การสอบสวนเป็นการ สอบสวนที่ไม่ ชอบด้วยกฎหมายไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1535/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ในคดีขับไล่ และอำนาจฟ้องของศาลเจ้า รวมถึงการนำสืบหลักฐานการแต่งตั้งผู้จัดการ
อสังหาริมทรัพย์ที่ฟ้องขับไล่อาจให้เช่าได้เดือนละไม่เกิน 5,000 บาท หรือไม่เมื่อโจทก์มิได้กล่าวความข้อนี้มาในฟ้อง ก็ต้องพิจารณาจาก ข้อเท็จจริงในสำนวนเมื่อบ้านพิพาทปลูกสร้างมาไม่น้อยกว่า 50 ปี บนเนื้อที่ประมาณ 20 ตารางวา ดังนี้ จึงอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ5,000 บาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248วรรคสอง ผู้จัดการปกครองและผู้ตรวจตราสอดส่องศาลจ้าวมีอำนาจฟ้องแทนศาลจ้าวได้ และการนำสืบการแต่งตั้งผู้จัดการปกครองและผู้ตรวจตราศาลจ้าวตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พุทธศักราช 2457 นั้น มิได้ บัญญัติว่าจะต้องมีเอกสาร (หมายตั้ง) มาแสดง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1518/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาว่าไม้ของกลางเป็นไม้แปรรูปตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ โดยพิจารณาจากการนำไปใช้ประโยชน์
จำเลยนำไม้มะค่าโมงของกลางรองกระสอบข้าวโพด เห็นได้ว่าเป็นการพรางเพราะพื้นฉางเป็นซิเมนต์ย่อมไม่ต้องใช้ไม้หนาอย่างดีและมีราคา ส่วนไม้ที่ปูร้านสีข้าวโพด ก็ไม่ได้ตอกตะปูรื้อออกได้ง่าย ยังมิได้เปลี่ยนสภาพเป็นเครื่องใช้ ดังนี้ ไม้ของกลางเป็นไม้แปรรูป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1345/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีเดิมไม่บังคับจดทะเบียนเช่าเพราะที่ดินยังไม่ได้แบ่งแยก คดีใหม่ขอให้แบ่งแยกและจดทะเบียนเช่า ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทำสัญญาเช่าและจดทะเบียนการเช่าตึกแถวให้โจทก์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าตึกแถวปลูกอยู่ในที่ดินส่วนใดเพราะยังไม่ได้แบ่งแยกเป็นส่วนสัดไม่อาจบังคับได้ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองมาฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับจำเลยไปจัดการแบ่งที่ดินออกเป็นส่วนสัดเฉพาะที่ปลูกตึกแถว และให้ไปจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์ที่ 2 ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
of 54