พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับขี่และการละเลยการบรรเทาความเสียหาย: ผลกระทบต่อความรับผิดชอบทางละเมิด
ว. บุตรผู้เยาว์ของจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความประมาทชนรถยนต์โดยสารโจทก์ซึ่งลูกจ้างของโจทก์ขับสวนทางมารถยนต์โดยสารทับรถจักรยานยนต์ ว. พาครูดไปตามถนนจนเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นที่รถจักรยานยนต์ ลูกจ้างของโจทก์มีโอกาสจะขับรถถอยหลังออกไปให้พ้นจากรถจักรยานยนต์ได้ แต่ไม่กระทำกลับทิ้งรถหลบหนีไป จนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไปไหม้รถโดยสารโจทก์เสียหาย ดังนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับความเสียหายของรถโจทก์ถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายก่อให้เกิดความเสียหายอยู่ด้วยและเป็นฝ่ายที่ก่อให้ความเสียหายเกิดขึ้นยิ่งกว่าฝ่ายจำเลย ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับทั้งหมดจึงให้ตกเป็นพับแก่โจทก์
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุลูกจ้างของโจทก์จะขับรถโดยสารอยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่ 3 อันเป็นการปฏิบัติผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 ที่บังคับให้รถยนต์โดยสารประจำทางวิ่งในช่องทางเดินรถช่องที่ 1 หรือช่องทางด้านซ้ายสุด แต่การปะทะกันของรถทั้งสองคันก็หาใช่ผลโดยตรงที่เกิดจากการขับรถผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรของลูกจ้างโจทก์ไม่ หากแต่เป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่อของ ว. ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุลูกจ้างของโจทก์จะขับรถโดยสารอยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่ 3 อันเป็นการปฏิบัติผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 ที่บังคับให้รถยนต์โดยสารประจำทางวิ่งในช่องทางเดินรถช่องที่ 1 หรือช่องทางด้านซ้ายสุด แต่การปะทะกันของรถทั้งสองคันก็หาใช่ผลโดยตรงที่เกิดจากการขับรถผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรของลูกจ้างโจทก์ไม่ หากแต่เป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่อของ ว. ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย: การแบ่งความรับผิดชอบเมื่อทั้งสองฝ่ายมีส่วนในการก่อเหตุ
ว. บุตรผู้เยาว์ของจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความประมาทชนรถยนต์โดยสารโจทก์ซึ่งลูกจ้างของโจทก์ขับสวนทางมารถยนต์โดยสารทับรถจักรยานยนต์ ว. พาครูดไปตามถนนจนเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นที่รถจักรยานยนต์ ลูกจ้างของโจทก์มีโอกาสจะขับรถถอยหลังออกไปให้พ้นจากรถจักรยานยนต์ได้ แต่ไม่กระทำกลับทิ้งรถหลบหนีไป จนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไปไหม้รถโดยสารโจทก์เสียหาย ดังนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับความเสียหายของรถโจทก์ถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายก่อให้เกิดความเสียหายอยู่ด้วยและเป็นฝ่ายที่ก่อให้ความเสียหายเกิดขึ้นยิ่งกว่าฝ่ายจำเลย ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับทั้งหมด จึงให้ตกเป็นพับแก่โจทก์
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุลูกจ้างของโจทก์จะขับรถโดยสารอยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่ 3 อันเป็นการปฏิบัติผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477ที่บังคับให้รถยนต์โดยสารประจำทางวิ่งในช่องทางเดินรถช่องที่ 1 หรือช่องทางด้านซ้ายสุด แต่การปะทะกันของรถทั้งสองคันก็หาใช่ผลโดยตรงที่เกิดจากการขับรถผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรของลูกจ้างโจทก์ไม่ หากแต่เป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่อของ ว. ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุลูกจ้างของโจทก์จะขับรถโดยสารอยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่ 3 อันเป็นการปฏิบัติผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477ที่บังคับให้รถยนต์โดยสารประจำทางวิ่งในช่องทางเดินรถช่องที่ 1 หรือช่องทางด้านซ้ายสุด แต่การปะทะกันของรถทั้งสองคันก็หาใช่ผลโดยตรงที่เกิดจากการขับรถผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรของลูกจ้างโจทก์ไม่ หากแต่เป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่อของ ว. ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2255/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการกระทำที่เล็งเห็นผลอันตรายถึงชีวิต และความรับผิดตามกฎหมายจราจรทางบก
บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาจะให้รถยนต์ที่ผู้ตายขับชนกับรถโดยสารประจำทางซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นอยู่แล้วว่า เมื่อรถโดยสารแล่นสวนทางมาในระยะใกล้ หากจำเลยได้หยุดและหักรถหลบเข้ามาทางซ้าย ผู้ตายต้องหลบมาทางขวา จะชนกับรถโดยสารในทันที ผู้ตายและผู้โดยสารต้องถึงแก่ความตายและบาดเจ็บสาหัส และรถทั้งสองชนกันมีคนตายและบาดเจ็บสาหัสดังเจตนาของจำเลย หรือมิฉะนั้นก็ขับรถด้วยความประมาทแสดงว่าฟ้องมีความประสงค์ให้ลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง หาใช่ขอให้ลงโทษทั้งสองอย่างไม่ ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) และจำเลยเข้าใจฟ้องได้ดี ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1547/2511)
จำเลยขับรถปิดเส้นทางไม่ยอมให้ผู้ตายซึ่งขับรถตามหลังมาแซงขึ้นหน้า เมื่อรถโดยสารประจำทางแล่นสวนทางมา จำเลยก็แกล้งเบรคให้รถหยุดในทันที การกระทำเช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าผู้ตายต้องหักรถหลบไปทางขวาและชนกับรถโดยสารนั้น ซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าจะมีผู้ได้รับอันตรายบาดเจ็บและตายเกิดขึ้นจากเหตุที่รถชนกันนั้น ฉะนั้นเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยผลแห่งการกระทำของจำเลยดังกล่าว จงได้ชื่อว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
จำเลยขับรถปิดเส้นทางไม่ยอมให้ผู้ตายซึ่งขับรถตามหลังมาแซงขึ้นหน้า เมื่อรถโดยสารประจำทางแล่นสวนทางมา จำเลยก็แกล้งเบรคให้รถหยุดในทันที การกระทำเช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าผู้ตายต้องหักรถหลบไปทางขวาและชนกับรถโดยสารนั้น ซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าจะมีผู้ได้รับอันตรายบาดเจ็บและตายเกิดขึ้นจากเหตุที่รถชนกันนั้น ฉะนั้นเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยผลแห่งการกระทำของจำเลยดังกล่าว จงได้ชื่อว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2026/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ขับรถเมื่อผู้โดยสารกระโดดลงจากรถขณะจอด – ไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก
ผู้ตายกระโดดลงจากรถยนต์ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับตามทางมาในขณะที่จำเลยหยุดรถเพื่อรับคนโดยสารอยู่ แม้ผู้ตายได้รับอันตรายแก่กาย และถึงแก่ความตายในภายหลัง จำเลยก็หาได้ก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ตายจนถึงตายในขณะที่จำเลยกำลังขับรถอยู่นั้นไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 30 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 59 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515ข้อ 6 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2026/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ขับรถเมื่อผู้โดยสารกระโดดลงจากรถที่จอดอยู่
ผู้ตายกระโดดลงจากรถยนต์ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับตามทางมาในขณะที่จำเลยหยุดรถเพื่อรับคนโดยสารอยู่ แม้ผู้ตายได้รับอันตรายแก่กาย และถึงแก่ความตายในภายหลัง จำเลยก็หาได้ก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ตายจนถึงตายในขณะที่จำเลยกำลังขับรถอยู่นั้นไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477 มาตรา 30 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 59 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ข้อ 6 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1946/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ขับรถบรรทุกไม่ต้องรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุจากรถคันอื่น ชนท้ายรถที่จอดอยู่ แม้มีการบาดเจ็บเกิดขึ้น
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกหยุดอยู่ในเส้นทาง มีรถยนต์ส่วนบุคคลมาหยุดอยู่ท้ายรถยนต์บรรทุกของจำเลย ป. ขับรถยนต์โดยสารอีกคันหนึ่งฝ่าฝืนกฎหมายชนรถยนต์ส่วนบุคคลดังกล่าวอัดเข้ากับรถบรรทุกของจำเลย เป็นเหตุให้คนบนรถยนต์ส่วนบุคคลได้รับอันตรายแก่กาย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายแก่บุคคลอื่น ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477 มาตรา 30 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 59 ข้อ 6 เมื่อจำเลยไม่กระทำการช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่เป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1946/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ขับรถบรรทุกไม่ต้องรับผิดต่ออุบัติเหตุจากรถคันอื่นที่ชนท้ายรถที่จอดอยู่ หากไม่ได้มีส่วนก่อให้เกิดเหตุ
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกหยุดอยู่ในเส้นทางมีรถยนต์ส่วนบุคคลมาหยุดอยู่ท้ายรถยนต์บรรทุกของจำเลย ป. ขับรถยนต์โดยสารอีกคันหนึ่งฝ่าฝืนกฎหมายชนรถยนต์ส่วนบุคคลดังกล่าวอัดเข้ากับรถบรรทุกของจำเลย เป็นเหตุให้คนบนรถยนต์ส่วนบุคคลได้รับอันตรายแก่กาย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายแก่บุคคลอื่น ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477 มาตรา 30 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 59 ข้อ 6 เมื่อจำเลยไม่กระทำการช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่เป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ: ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเรื่องการเพิกถอนใบอนุญาต โจทก์ฎีกา แต่ฎีกาต้องห้ามตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390 กระทงหนึ่งจำคุก 15 วัน และตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกอีกกระทงหนึ่ง จำคุก 2 เดือน กับให้ถอนใบอนุญาตขับรถของจำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้ยกคำขอให้ถอนใบอนุญาตขับรถของจำเลยเสีย โจทก์ฎีกาคัดค้านดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่ไม่ถอนใบอนุญาตขับรถ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ: ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้น, โจทก์ฎีกาแต่ถูกจำกัดสิทธิเนื่องจากเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 กระทงหนึ่งจำคุก 15 วัน และตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกอีกกระทงหนึ่ง จำคุก 2 เดือน กับให้ถอนใบอนุญาตขับรถของจำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้ยกคำขอให้ถอนใบอนุญาตขับรถของจำเลยเสีย โจทก์ฎีกาคัดค้านดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่ไม่ถอนใบอนุญาตขับรถ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ผู้ขับขี่ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ แม้ไม่ได้ประมาท การไม่แจ้งเหตุถือเป็นความผิด
ผู้ขับรถเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นนั้น แม้จะหยุดกระทำการช่วยเหลือตามสมควรแล้ว และมิได้จงใจหลบหนี แต่ละเลยไม่ไปแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที ผู้ขับรถนั้นย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 30 วรรคแรก