คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 84

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,100 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1594/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: การปิดบังข้อมูลทายาทเพื่อฉ้อฉลทรัพย์มรดก และการวินิจฉัยสถานะความเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย
การที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอเข้าเป็นผู้จัดการมรดกของ ป.โดยมิได้ระบุว่าผู้ร้องเป็นทายาทและได้ให้ความยินยอมด้วย และบัญชีเครือญาติท้ายคำร้องมีข้อความเพียงว่าผู้คัดค้านเป็นบุตรของป. กับ อ. เท่านั้น ยังมิใช่กรณีปิดบังทรัพย์มรดกเพื่อฉ้อฉลทายาทอื่น แม้ในคดีที่ผู้คัดค้านพิพาทกับบุคคลอื่นศาลอุทธรณ์จะพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วว่าผู้คัดค้านไม่ได้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ป.แต่ในคดีดังกล่าวไม่มีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยชี้ขาดว่าผู้คัดค้านเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ป. เพราะเหตุที่ ป.จดทะเบียนสมรสกับ อ. มารดาผู้คัดค้านในภายหลังหรือไม่ ดังนั้นในคดีนี้ศาลชอบที่จะวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวซึ่งผู้ร้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โดยตรงได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาอะไหล่ยานยนต์ตามบัญชีราคาสินค้า และการใช้คำสั่งกรมศุลกากรในการประเมินราคา
สินค้าที่โจทก์นำเข้าเป็นอะไหล่ยานยนต์ ราคาสินค้าที่โจทก์นำเข้าจึงควรเท่ากับหรือใกล้เคียงกับราคาตามบัญชีราคาสินค้าที่ตัวแทนจำหน่ายยานยนต์นั้นเสนอให้เจ้าหน้าที่ประเมินอากรตรวจสอบและรับรองราคาไว้ แต่ปรากฏว่าราคาที่โจทก์สำแดงนั้นต่ำกว่าราคาตามบัญชีราคาสินค้ามาก โดยโจทก์พิสูจน์ไม่ได้ว่าสินค้าที่โจทก์นำเข้าแตกต่างกับสินค้าตามบัญชีราคาสินค้าที่ตัวสินค้า หรือภาชนะบรรจุอย่างไร อันจะเป็นเหตุให้ราคาต่างกันมากเช่นนั้น ดังนั้นราคาที่โจทก์สำแดงจึงไม่ใช่ราคาขายส่งเงินสดทั่วไป ที่ไม่มีการลดหย่อนราคาแก่กัน ถือไม่ได้ว่าเป็นราคาอันแท้จริง ในท้องตลาดฉะนั้น การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยประเมิน ราคาสินค้าที่โจทก์นำเข้าตามคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 28/2527 โดยเปรียบเทียบกับราคาตามบัญชีราคาสินค้าและอะไหล่แท้ และถือเกณฑ์ ให้ต่างกันไม่เกินร้อยละ 5 ในกรณีที่อะไหล่ดังกล่าวใช้ได้กับยานยนต์ หลายยี่ห้อให้ใช้ราคาของอะไหล่แท้ที่สูงกว่าเป็นเกณฑ์ และต่างกัน ไม่เกินร้อยละ 20 ในกรณีที่ใช้ทดแทนได้กับอะไหล่แท้โดยทั่วไป จึงเป็นการเปรียบเทียบราคาที่มีเหตุผล ถือได้ว่าเป็นราคา อันแท้จริงในท้องตลาดตามกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถือหุ้นและการชำระค่าหุ้น: สิทธิและหน้าที่ของผู้ถือหุ้นตามบัญชีรายชื่อและการสันนิษฐานตามกฎหมาย
ตามบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ในวันประชุมตั้งบริษัทจำเลยเอกสารหมาย จ.2 ปรากฎลายมือชื่อของผู้ร้องคัดค้านทั้งสองลงชื่อจองหุ้น และค้างชำระค่าหุ้น อยู่ตามจำนวนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทวงหนี้ไปและยังมีบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันประชุมสามัญครั้งที่ 1/2525 ที่บริษัทจำเลย ส่งต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานครเอกสาร หมาย จ.9 เป็นพยานสนับสนุนอีกซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1024 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บรรดาสมุดบัญชีเอกสารของบริษัทนั้นย่อมเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องตามข้อความที่ได้บันทึกไว้ทุกประการ ผู้ร้องคัดค้านไม่สามารถนำสืบหักล้างพยานหลักฐานดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อสันนิษฐานของกฎหมายได้ ดังนี้ฟังได้ว่า ผู้ร้องคัดค้านทั้งสองยังคงถือหุ้นและค้างชำระค่าหุ้น และค้างชำระค่าหุ้นอยู่ตามจำนวนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ทวงหนี้ไปจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1537/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: พยานหลักฐานเพียงพอเชื่อได้ว่ามีหนี้จริง
ปี 2518 ลูกหนี้ได้เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้กับเจ้าหนี้ ลูกหนี้ได้ใช้เช็คเบิกเงินจากบัญชีเงินฝากและนำเงินเข้าฝากหักทอนบัญชีหลายครั้งจนถึงปี 2522ลูกหนี้จึงขาดการติดต่อกับเจ้าหนี้ ปี 2529 ลูกหนี้เป็นหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยเป็นเงิน 35,850,401.97 บาท เจ้าหนี้มีพยานบุคคลและพยานเอกสารนำสืบได้สอดคล้องต้องกันว่า ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ส่วนการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เคยสอบสวนกรรมการของลูกหนี้ไว้โดยกรรมการของลูกหนี้ว่าลูกหนี้เป็นบริษัทในเครือของเจ้าหนี้ก็เป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ หรือที่ว่าลูกหนี้ไม่เคยประกอบธุรกิจใด ๆก็ปรากฏว่ากรรมการดังกล่าวไม่เคยเข้าร่วมบริหารงานของลูกหนี้กรรมการลูกหนี้บางคนก็เพิ่งเข้าเป็นกรรมการของลูกหนี้หลังจากบริษัทลูกหนี้ตั้งได้ 2-3 ปีแล้ว คำให้การของกรรมการลูกหนี้ดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักให้เชื่อว่า หนี้ระหว่างเจ้าหนี้ลูกหนี้เกิดจากการสมยอมหรือเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เจ้าหนี้จึงมีสิทธิขอรับชำระหนี้ดังกล่าวได้ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 130(8).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นตั๋วสัญญาใช้เงินตามกฎหมาย และการพิสูจน์การรับโอนเช็คโดยสุจริต
โจทก์มิได้นำตั๋วสัญญาใช้เงินไปยื่นต่อผู้ออกตั๋ว ณ ภูมิลำเนาของผู้ออกตั๋วเพื่อให้ใช้เงินในวันถึงกำหนดใช้เงิน เป็นการไม่ปฏิบัติตามวิธีการที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 985ประกอบด้วยมาตรา 941 บังคับไว้ แม้โจทก์มีหนังสือทวงถามผู้ออกตั๋วภายหลังจากตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนด ก็เป็นเรื่องทวงถามแบบหนี้ทั่วไป ถือไม่ได้ว่าผู้ออกตั๋วโต้แย้งสิทธิผิดคำมั่นสัญญาไม่ใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่โจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องและเมื่อศาลวินิจฉัยเช่นนี้แล้ว ฎีกาของโจทก์ที่อ้างว่าตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนดเวลาชำระหนี้แน่นอน โจทก์ไม่จำต้องนำตั๋วไปยื่นต่อผู้ออกตั๋ว จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดี จำเลยยกข้อต่อสู้ว่าโจทก์ผู้ทรงรับโอนเช็คไว้โดยคบคิดกันฉ้อฉลภาระการพิสูจน์จึงตกแก่จำเลย เมื่อจำเลยนำสืบไม่ได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คโดยทราบดีอยู่แล้วว่าผู้ทรงคนก่อนผิดสัญญาซื้อขายต่อผู้ซื้อจนผู้ซื้อบอกเลิกสัญญาจำเลยจึงต้องรับผิดชอบตามเช็คในฐานะผู้สั่งจ่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายสินค้าแทนผู้อื่น การพิสูจน์ข้อเท็จจริง และการประวิงคดี การตัดพยานชอบด้วยกฎหมาย
ตามบัญชีระบุพยานจำเลยอ้าง ส. ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานครเป็นพยานหมาย แต่ในวันสืบพยานจำเลยนัดแรก ไม่ปรากฏว่าจำเลยขอให้ศาลออกหมายเรียก ส. มาศาลจำเลยได้รับรองต่อศาลว่าจะไม่เลื่อนคดีอีกและจะนำพยาน มาพร้อมกันทั้งหมด เมื่อถึงวันนัดจำเลยขอเลื่อนคดี โดยเหตุผลที่ไม่สามารถนำพยานมาศาลได้ย่อมเป็นการประวิงให้การพิจารณาเป็นไปโดยล่าช้าอย่างชัดแจ้ง การที่ศาลมีคำสั่งให้ตัดและงดสืบ ส.พยานจำเลยจึงชอบแล้ว โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลย ติดต่อซื้อสินค้าจากโจทก์แทนบริษัท น. โจทก์ชอบที่จะฟ้องเรียกค่าสินค้าจากบริษัท น. ซึ่งเป็นตัวการจึงเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่เพื่อให้พ้นความรับผิด จำเลยมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้าง จำเลยเป็นผู้ติดต่อขอซื้อสินค้าจากโจทก์ โดยนำตั๋วปูนซิเมนต์ของจำเลยไปวางเป็นประกัน ทั้งยังให้โจทก์ส่งสินค้าและลงรายการยอดซื้อค้างชำระในนาม ของจำเลย รวมทั้งเป็นผู้ชำระราคาและเก็บเอกสารการรับเงินไว้ไม่มีข้อความใดในเอกสารพาดพิงถึงบริษัท น. หากจำเลยชำระราคาสินค้าแทนบริษัท น. จำเลยก็ชอบที่จะส่งมอบเอกสารให้แก่บริษัท น. เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน แม้จำเลยชำระราคาสินค้าด้วยเช็คของบริษัท น. ก็ปรากฏว่าจำเลยมีสิทธิรับเช็คจากบริษัท น. เป็นค่าจ้างแล้วนำมาชำระหนี้ของตนได้อีกต่อหนึ่งการที่พนักงานของบริษัท น.นำเช็คฉบับใหม่ไปเปลี่ยนเช็คที่ไม่ผ่านการชำระเงินก็เป็นเรื่องที่ผู้ออกเช็คควรต้องไปผัดผ่อนหนี้ตามเช็คของตนข้อเท็จจริงไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำแทนผู้อื่น จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีตัดพยาน-หน้าที่นำสืบ: จำเลยอ้างพยานแต่ไม่ขอหมายเรียก-การซื้อสินค้าตัวการตัวแทน
จำเลยระบุอ้างพยานหมายไว้ในบัญชีระบุพยานของตน แต่มิได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานปากดังกล่าวมาเบิกความ ครั้นถึงวันนัดจำเลยขอเลื่อนคดีโดยรับรองต่อศาลว่าจะไม่เลื่อนคดีอีก และจะนำพยานทุกปากมาสืบพร้อมกัน ซึ่งศาลชั้นต้นได้กำชับไว้แล้วว่าจะไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีอีก ถึงวันนัดจำเลยขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุผลว่าไม่สามารถนำพยานมาศาลได้โดยจำเลยมิได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานปากดังกล่าวมาศาล เช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการประวิงคดี ศาลตัดพยานปากนี้เสียได้
คดีมีประเด็นว่า จำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์หรือไม่ ซึ่งศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ แต่ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประเด็นดังกล่าว โจทก์ฟ้องว่าจำเลยติดต่อซื้อท่อระบายน้ำจากโจทก์ ส่วนจำเลยให้การว่า จำเลยติดต่อซื้อท่อระบายน้ำจากโจทก์แทนบริษัท น.ซึ่งเป็นตัวการ อันเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้าง ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานตามหน้าที่นำสืบที่ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายในคดีอาญา และการพิจารณาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิด
โจทก์อุทธรณ์โต้เถียง ว่า ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากพยานหลักฐานในสำนวนและวินิจฉัยข้อกฎหมายไม่ถูกต้อง เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย การอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาในคดีอาญาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 196นั้น ไม่จำต้องโต้แย้งไว้ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา แม้โจทก์มิได้โต้แย้งไว้ก่อนก็มีสิทธิอุทธรณ์ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงและให้ใช้ราคาทรัพย์จำเลยให้การปฏิเสธ การที่ศาลชั้นต้นเพียงแต่สืบตัวโจทก์จบคำซักถามทนายโจทก์แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์มิใช่ผู้เสียหายในคดีส่วนอาญาและไม่เสื่อมสิทธิเรียกร้องที่มีต่อธนาคาร จึงไม่มีอำนาจฟ้องทั้งในคดีส่วนอาญาและส่วนแพ่ง ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานโจทก์เท่าที่นำสืบมายังไม่อาจรับฟังได้เป็นยุติ เช่นนี้ ชอบที่ศาลสูงจะย้อนสำนวนกลับไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โมฆะสัญญาซื้อขายหุ้นจากการแสดงเจตนาลวง แต่ต้องรับผิดต่อบริษัทจำเลยสุจริต และเอกสารมหาชนมีผลสันนิษฐานถูกต้อง
การที่ผู้ร้องรับซื้อหุ้นบริษัทจำเลยมาจาก ก. โดยสมรู้กันเพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้ามของธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นการแสดงเจตนาลวงระหว่างผู้ร้องกับ ก. สัญญาซื้อขายจึงเป็นโมฆะแต่เมื่อไม่ปรากฏว่าบริษัทจำเลยรู้เห็นกับการแสดงเจตนาลวง โดยรับจดแจ้งการโอนหุ้นในทะเบียนผู้ถือหุ้นตามสัญญาซื้อขายโดยสุจริตและต้องเสียหายจากการแสดงเจตนาลวงดังกล่าว เนื่องจากบริษัทจำเลยไม่อาจเรียกเอามูลค่าหุ้นที่ขาดจาก ก. ได้ผู้ร้องจึงไม่อาจยกความเป็นโมฆะขึ้นต่อสู้กับบริษัทจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 118วรรคแรก บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลย ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่รับรองเป็นเอกสารมหาชนต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 127 เมื่อผู้ร้องอ้างว่าบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นดังกล่าวไม่ถูกต้องเพราะมีการชำระค่าหุ้นพิพาทเต็ม มูลค่าแล้ว ผู้ร้องจึงมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในละเมิดจากการรื้อถอนอาคาร, สิทธิของเจ้าของกรรมสิทธิ์ vs ผู้จะซื้อ, และภาระการพิสูจน์ของผู้ว่าจ้าง
บรรยายฟ้องว่า จำเลยรื้อถอนอาคารที่ติดกับอาคารโจทก์โดยไม่ถูกต้องตามหลักวิชา ทำให้อาคารของโจทก์ได้รับความเสียหายแตกร้าว โจทก์ต้องก่อสร้างอาคารใหม่ ทั้งเป็นเหตุทำให้โจทก์ขาดรายได้จากการขายอาหารเพราะลูกค้าไม่กล้าเข้าร้านอาคารโจทก์ที่ใช้ประกอบกิจการค้าขายอาหาร ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่บรรยายเกี่ยวกับความเสียหายและค่าเสียหายชัดแจ้งแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับความเสียหายที่โจทก์ไม่ได้ระบุในคำฟ้องนั้นโจทก์อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณา เหตุละเมิดที่ทำให้อาคารได้รับความเสียหาย เกิดขึ้นในขณะที่โจทก์ในฐานะผู้จะซื้อครอบครองอาคารดังกล่าวแทนผู้จะขายโจทก์จึงมีแต่เพียงบุคคลสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนแต่เฉพาะในส่วนที่ทำให้โจทก์ขาดรายได้จากการขายอาหารในอาคารดังกล่าวซึ่งเป็นผลโดยตรงเท่านั้น โจทก์ไม่อาจใช้สิทธิในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336ที่จะเรียกค่าเสียหายที่เกิดแก่ตัวอาคารเพราะสิทธินั้นเป็นของผู้จะขายอาคารเท่านั้น การที่โจทก์จะให้ผู้ว่าจ้างรับผิดร่วมกับผู้รับจ้างที่กระทำละเมิดต่อโจทก์นั้น โจทก์มีภาระต้องพิสูจน์ว่าผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในการเลือกหาผู้รับจ้างหรือเป็นผู้ควบคุมดูแลผู้รับจ้างที่ทำละเมิดนั้นเมื่อโจทก์สืบไม่ได้ ผู้ว่าจ้างไม่ต้องรับผิดในผลละเมิดที่ผู้รับจ้างได้กระทำขึ้น.
of 210