พบผลลัพธ์ทั้งหมด 663 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรนอกสมรสและการสืบสันดานเพื่อรับมรดก แม้ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนวิธีพิจารณา หากเป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรมศาลรับฟังได้
เมื่อได้สืบพยานโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนในบางประเด็นบ้างแล้วจำเลยได้ร้องขออนุญาตต่อศาลของดการส่งสำเนาเอกสารตามที่ระบุอ้างไว้ในบัญชีระบุพยานโดยขอยื่นต้นฉบับแทนเพื่อให้ฝ่ายโจทก์ตรวจดูเมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมก็ย่อมรับฟังพยานที่อ้างฝ่าฝืนกฎหมายนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87
พฤติการณ์ที่ชายซึ่งอยู่กินกับหญิงอย่างออกหน้าออกตานำหญิงไปคลอดที่โรงพยาบาล หมั่นไปเยี่ยมเยียนและรับกลับบ้าน จนกระทั่งขอให้แพทย์ประจำตำบลตั้งชื่อเด็กที่คลอดมานี้ย่อมทำให้ฟังได้ว่าชายได้รับรองแล้วว่าเด็กนั้นเป็นผู้สืบสันดานของตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627
พฤติการณ์ที่ชายซึ่งอยู่กินกับหญิงอย่างออกหน้าออกตานำหญิงไปคลอดที่โรงพยาบาล หมั่นไปเยี่ยมเยียนและรับกลับบ้าน จนกระทั่งขอให้แพทย์ประจำตำบลตั้งชื่อเด็กที่คลอดมานี้ย่อมทำให้ฟังได้ว่าชายได้รับรองแล้วว่าเด็กนั้นเป็นผู้สืบสันดานของตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานจำเลย การครอบครองที่ดิน และการพิพากษาคดีที่ดิน
จำเลยมิได้ระบุพยานไว้ จึงขออ้างตนเองเป็นพยาน เมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงอนุญาตให้จำเลยอ้างตนเองเป็นพยานได้ คำเบิกความเป็นพยานของจำเลยก็ย่อมรับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขุดดินกีดขวางทางเข้าออกและการพิพาทกรรมสิทธิ์ที่ดิน ศาลรับฟังพยานจำเลยและตัดสินตามแนวเขตที่พิสูจน์ได้
จำเลยมิได้ระบุพยานไว้ จึงขออ้างตนเองเป็นพยานเมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงอนุญาตให้จำเลยอ้างตนเองเป็นพยานได้ คำเบิกความเป็นพยานของจำเลยก็ย่อมรับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานเกินกำหนด แต่มีเหตุผลอันสมควร ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
วันสุดท้ายที่โจทก์มีสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานเป็นวันพืชมงคลอันเป็นวันหยุดราชการ วันถัดมาเป็นวันเสาร์และอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการเช่นเดียวกัน โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานในวันจันทร์ ศาลชั้นต้นสั่งรวมโจทก์นำพยานที่ระบุไว้มาสืบในวันอังคาร ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าโจทก์มีเจตนาฝ่าฝืน และเมื่อพิจารณาพฤติการณ์ดังกล่าวประกอบกับมาตรา 87(2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีสมควรจะรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานเกินกำหนด: ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
วันสุดท้ายที่โจทก์มีสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานเป็นวันพืชมงคลอันเป็นวันหยุดราชการ วันถัดมาเป็นวันเสาร์และอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการเช่นเดียวกัน โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานในวันจันทร์ ศาลชั้นต้นสั่งรวม โจทก์นำพยานที่ระบุไว้มาสืบในวันอังคาร ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าโจทก์มีเจตนาฝ่าฝืน และเมื่อพิจารณาพฤติการณ์ดังกล่าวประกอบกับมาตรา 87(2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีสมควรจะรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขยายทางพิพาท แม้ไม่ได้จดทะเบียน ก็มีผลบังคับเป็นบุคคลสิทธิได้
การที่โจทก์จำเลยตกลงให้โจทก์ออกทุนขยายทางพิพาทให้กว้างเพื่อใช้ร่วมกัน แต่สัญญาข้อตกลงนี้มิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 นั้น ย่อมไม่ทำให้โจทก์ได้ทรัพย์สิทธิเป็นภารจำยอม แต่การไม่จดทะเบียนฯดังกล่าวนั้นหาได้ทำให้สัญญาข้อตกลงนั้นเป็นโมฆะแต่อย่างใดไม่ คือเป็นเพียงยังไม่บริบูรณ์เท่านั้น โดยเหตุนี้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจึงมีผลก่อให้เกิดบุคคลสิทธิเรียกร้องบังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญา ฉะนั้น โดยอาศัยสัญญาดังกล่าวโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องห้ามจำเลยคู่สัญญามิให้ขัดขวางในอันที่โจทก์จะใช้ทางพิพาทตามข้อตกลงในสัญญาได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439-1440/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชอบธรรมของ พ.ร.บ.ควบคุมตัวผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์ และผลกระทบต่อสิทธิในการร้องขอปล่อยตัว
พระราชบัญญัติการควบคุมตัวผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2505 ไม่ใช่กฎหมายที่บัญญัติย้อนหลังให้ลงโทษบุคคลในทางอาญา และไม่ใช่เป็นการบัญญัติดังศาลขึ้นใหม่แต่เป็นเพียงวางวิธีการร้องขอให้ผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ปฏิบัติเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเท่านั้น จึงหาขัดต่อธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ.250+ มาตรา 20 ไม่ นอกจากนี้พระราชบัญญัติดังกล่าวยังไม่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยธรรมนูญศาลและวิธีพิจารณาความให้ใช้บังคับเฉพาะคดีและเฉพาะคนกลุ่มหนึ่งเพราะเป็นกรณีที่บัญญัติขึ้นใช้แก่คดีประเภทใดประเภทหนึ่ง เป็นการทั่วไป ฉะนั้น จึงต้องถือว่า ใช้บังคับเป็นกฎหมายได้โดยชอบ หาตกเป็นโมฆะอย่างใดไม่
ฉะนั้น ผู้ร้องซึ่งถูกควบคุมตัวไว้ในข้อหาว่ามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อย ระหว่างศาลไต่สวนมีพระราชบัญญัติดังกล่าวประกาศใช้ ศาลย่อมมีคำสั่งให้ยกคำร้องนั้นเสียได้
ฉะนั้น ผู้ร้องซึ่งถูกควบคุมตัวไว้ในข้อหาว่ามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อย ระหว่างศาลไต่สวนมีพระราชบัญญัติดังกล่าวประกาศใช้ ศาลย่อมมีคำสั่งให้ยกคำร้องนั้นเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจากการโอนทรัพย์สิน โมฆะกรรม และการแสดงเจตนาลวง
(1) ข้อต่อสู้ของจำเลยกับสิทธิของจำเลยนั้นเป็นคนละเรื่อง ด้วยเหตุนี้เอง แม้ในคดีเรื่องหนึ่งจำเลยจะได้เคยต่อสู้ คืออ้างว่าหนังสือสัญญาปลอม แต่ต่อมาคดีนั้นถึงที่สุด โดยศาลฟังว่าหนังสือสัญญานั้นไม่ปลอม และหนังสือสัญญาที่ว่านี้ได้ทำให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์เพราะจำเลยได้รับรองกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นไว้ในหนังสือสัญญาดังกล่าวแล้วด้วยเช่นนี้ จำเลยก็ย่อมมีสิทธิตามที่บุคคลนั้นทำให้ไว้แก่จำเลยด้วยเช่นเดียวกัน ฉะนั้น เมื่อจำเลยเสียหายในการที่บุคคลนั้นโอนขายอสังหาริมทรัพย์ที่กล่าวไปโดยสมยอมกับผู้ซื้อ จำเลยก็ย่อมมีสิทธิอ้างความเป็นโมฆะอันเกิดจากการซื้อขายในการสมยอมนั้นขึ้นต่อสู้คดีได้ (2) การแสดงเจตนาด้วยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งย่อมมีได้ในสัญญาทุกชนิด อันการทำกรมธรรม์สัญญาด้วยเจตนาลวง แม้จะทำที่อำเภอก็เป็นโมฆะ และไม่จำต้องขอให้เพิกถอน เพราะไม่เป็นนิติกรรมเสียแล้ว ผลก็เท่ากับไม่ได้ทำอะไรเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอาศัย-เจตนาลวง: การต่อสู้สิทธิในคดีก่อนไม่ขัดสิทธิในคดีหลัง, นิติกรรมลวงเป็นโมฆะ
(1) ข้อต่อสู้ของจำเลยกับสิทธิของจำเลยนั้น เป็นคนละเรื่อง ด้วยเหตุนี้เองแม้ในคดีเรื่องหนึ่งจำเลยจะได้เคยต่อสู้คือ อ้างว่าหนังสือสัญญาปลอม แต่ต่อมาคดีนั้นถึงที่สุด โดยศาลฟังว่าหนังสือสัญญานั้นไม่ปลอม และหนังสือสัญญาที่ว่านี้ได้ทำให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ เพราะจำเลยได้รับรองกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นไว้ในหนังสือสัญญาดังกล่าวแล้วด้วย เช่นนี้ จำเลยก็ย่อมมีสิทธิตามที่บุคคลนั้นทำให้ไว้แก่จำเลยด้วยเช่นเดียวกัน ฉะนั้นเมื่อจำเลยเสียหายในการที่บุคคลนั้นโอนขายอสังหาริมทรัพย์ที่กล่าวไปโดยสมยอมกับผู้ซื้อจำเลยก็ย่อมมีสิทธิอ้างความเป็นโมฆะอันเกิดจากการซื้อขายในการสมยอมนั้นขึ้นต่อสู้คดีได้
(2) การแสดงเจตนาด้วยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งย่อมมีได้ในสัญญาทุกชนิด อันการทำกรมธรรม์สัญญาด้วยเจตนาลวง แม้จะทำที่อำเภอเป็นโมฆะ และไม่จำต้องขอให้เพิกถอน เพราะไม่เป็นนิติกรรมเสียแล้ว ผลก็เท่ากับไม่ได้ทำอะไรเลย
(2) การแสดงเจตนาด้วยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งย่อมมีได้ในสัญญาทุกชนิด อันการทำกรมธรรม์สัญญาด้วยเจตนาลวง แม้จะทำที่อำเภอเป็นโมฆะ และไม่จำต้องขอให้เพิกถอน เพราะไม่เป็นนิติกรรมเสียแล้ว ผลก็เท่ากับไม่ได้ทำอะไรเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารสัญญาที่ส่งหลังสืบพยานเป็นผลเสียต่อโจทก์, จำเลยร่วมในฐานะบริวารไม่คุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
การที่จำเลยเพิ่งส่งสำเนาเอกสารสัญญาหลังจากโจทก์สืบพยานเสร็จแล้ว ย่อมทำให้โจทก์เสียเปรียบในทางคดี เพราะอย่างน้อยก็ทำให้หมดโอกาสที่จะซักถามพยานโจทก์หรือนำสืบหักล้างได้ศาลย่อมไม่ฟังเอกสารสัญญานั้นเป็นพยานหลักฐาน
จำเลยร่วมซึ่งเช่าห้องแถวจากจำเลยแม้จะเช่าเพื่ออยู่อาศัยก็ตามเมื่ออยู่ในฐานะเป็นบริวารของจำเลยแล้ว ก็ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
จำเลยร่วมซึ่งเช่าห้องแถวจากจำเลยแม้จะเช่าเพื่ออยู่อาศัยก็ตามเมื่ออยู่ในฐานะเป็นบริวารของจำเลยแล้ว ก็ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ