คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 87

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 663 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบหลักฐานการกู้ยืมเงิน: การสืบหลักฐานการรับเงินล่วงหน้าเพื่อพิสูจน์การกู้ยืม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้ยืมเงินไป จำเลยต่อสู้ว่าไม่เคยกู้และรับเงินไปจากโจทก์เคยแต่รับเงินล่วงหน้าค่าจ้างจากโจทก์ไปเช่นนี้โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบว่าจำเลยรับเงินล่วงหน้าไปแล้วต่อมาได้มาทำหนังสือสัญญากู้ให้ไว้แก่โจทก์ได้ ไม่เป็นการสืบนอกฟ้อง นอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองและการบังคับชำระหนี้จากสินสมรส/สินบริคณห์
1. เดิมคู่ความฝ่ายหนึ่งยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น ต่อมายืนคำร้องอีกฉบับเตือนให้ศาลเร่งพิจารณาวินิจฉัยคำร้องฉะบับเดิมศาลนัดพร้อมคู่ความฝ่ายที่ยื่นขาดนัด ศาลสั่งยกคำร้องฉบับที่เตือนเสีย ฟังไม่หมายความถึงให้ยกคำร้องเดิมที่ขอรับชำระหนี้นั้นด้วย
2. ผู้รับจำนองย่อมเป็นเจ้าหนี้มีบุริมสิทธิชอบที่จะร้องขอรับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าหนี้ที่มีคำพิพากษา ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมนั้น เมื่อคู่ความอีกฝ่ายมิได้โต้แย้งมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลก็ไม่วินิจฉัยให้
3. คำสั่งของศาลที่ชี้ขาดว่าผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองของจำเลยมีสิทธิจะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นได้นั้น หาเป็นการลบล้างคำพิพากษาของศาลในคดีอื่น (คดีแดงที่ 1472/2497 ) ที่ผู้ฎีกา (ผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์อีกรายหนึ่ง) ฟ้องขอให้แยกสินบริคณห์ระหว่างจำเลยกับสามีไม่
4. เมื่อคู่ความฝ่ายใดมีความจำนงที่จะอ้างอิงเอกสารฉบับใด ให้ยื่นบัญชีแสดงเอกสารต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน แต่ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ แม้จะฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองและการบังคับชำระหนี้จากสินสมรส/สินบริคณห์
1. เดิมคู่ความฝ่ายหนึ่งยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น ต่อมายื่นคำร้องอีกฉบับเตือนให้ศาลเร่งพิจารณาวินิจฉัยคำร้องฉบับเดิม ศาลนัดพร้อมคู่ความฝ่ายที่ยื่นขาดนัด ศาลสั่งยกคำร้องฉบับที่เตือนเสีย ดังนี้ไม่หมายความถึงให้ยกคำร้องเดิมที่ขอรับชำระหนี้นั้นด้วย 2. ผู้รับจำนองย่อมเป็นเจ้าหนี้มีบุริมสิทธิชอบที่จะร้องขอรับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าหนี้ที่มีคำพิพากษา ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเมื่อคู่ความอีกฝ่ายมิได้โต้แย้งมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลก็ไม่วินิจฉัยให้ 3. คำสั่งของศาลที่ชี้ขาดว่าผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองของจำเลยมีสิทธิจะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นได้นั้นหาเป็นการลบล้างคำพิพากษาของศาลในคดีอื่น (คดีแดงที่ 1472/2497) ผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์อีกรายหนึ่ง) ฟ้องขอให้แยกสินบริคณห์ระหว่างจำเลยกับสามีไม่ 4. เมื่อคู่ความฝ่ายใดมีความจำนงที่จะอ้างอิงเอกสารฉบับใด ให้ยื่นบัญชีแสดงเอกสารต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน แต่ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ แม้จะฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยคดีมรดก: ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่คู่ความยกขึ้นเท่านั้น
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกโดยอ้างว่าเป็นบุตรอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกเช่นนี้ ศาลย่อมจะวินิจฉัยไปถึงว่า โจทก์เป็นบุตรที่บิดาได้รับรองแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1627 จึงมีสิทธิได้รับมรดกตาม มาตรา1533 ด้วยไม่ได้ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อต่อสู้แห่งคดี
คำสั่งศาลว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย นั้นมีผลตั้งแต่วันที่คดีถึงที่สุดแต่ทรัพย์มรดกย่อมตกทอดแก่ทายาทในทันทีที่เจ้ามรดกตายฉะนั้นเมื่อศาลสั่งว่าโจทก์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายภายหลังเจ้ามรดกตายแล้วจึงไม่มีทรัพย์มรดกเหลืออยู่ โจทก์ไม่มีทางได้รับส่วนแบ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทเรื่องสิทธิในมรดกและการตกได้ซึ่งทรัพย์มรดกเมื่อเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย
โจทย์ฟ้องขอแบ่งมรดกโดยอ้างว่าเป็นบุตรอันชอบด้วย ก.ม.ของเจ้ามรดกเช่นนี้ศาลย่อมจะวินิจฉัยไปถึงโจทก์เป็นบุตรที่บิดาได้รับรองแล้วตาม ป.พ.พ.ม. 1627 จึงมีสิทธิได้รับมรดกตาม ม.1533 ด้วยไม่ได้ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อต่อสู้แห่งคดี
คำสั่งศาลว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วย ก.ม.นั้นมีผลตั้งแต่วันที่คดีถึงที่สุด แต่ทรัพย์มรดกย่อมตกทอดแก่ทายาทในทันทีที่เจ้ามรดกดตาย ฉะนั้นเมื่อศาลสั่งว่าโจทก์เป็นบุตร์โดยชอบด้วย ก.ม.ภายหลังเจ้ามรดกตายแล้ว จึงไม่มีทรัพย์มรดกเหลืออยู่ โจทก์ไม่มีทางได้รับส่วนแบ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นระบุพยานนอกกรอบเวลาที่ศาลกำหนด และเหตุผลความล่าช้าที่ไม่สมควร
จำเลยไม่ได้ยื่นระบุพยานไว้ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกแล้วมีเหตุต้องเลื่อนไปอีกเดือนครึ่งจำเลยจึงพึ่งยื่นขอระบุพยานในระหว่างสืบพยานโจทก์ครั้งหลัง โดยอ้างเหตุว่าสืบไปนั้นยังไม่เป็นเหตุอันสมควรให้ศาลรับฟังพยานโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา87,88

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 754/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอตรวจสอบสถานที่หลังสืบพยานหลักฐานเสร็จสิ้น ศาลมีสิทธิงดเว้นได้หากไม่เกี่ยวข้องและล่าช้า
คดีแพ่ง เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจะเริ่มสืบพยานจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลไปตรวจสอบสถานที่โดยไม่มีเหตุสมควรไม่สามารถทราบในการขอให้ตรวจสถานที่แต่อย่างใดที่ขอให้ไปตรวจก็ล่วงเลยเวลาเกิดเหตุมากว่าปีการตรวจสถานที่ไม่แสดงความจริงที่แน่นอนได้ดังนี้ ศาลสั่งงดไม่ไปตรวจสอบสถานที่จึงเป็นการชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 754/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอตรวจสอบสถานที่หลังสืบพยานหลักฐานเสร็จสิ้น ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตหากไม่มีเหตุผลสมควร
คดีแพ่ง เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจะเริ่มสืบพยานจำเลย จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลไปตรวจสอบสถานที่ โดยไม่มีเหตุสมควร ไม่สามารถทราบในการขอให้ตรวจสถานที่แต่อย่างใด ที่ขอให้ไปตรวจก็ล่วงเลยเวลาเกิดเหตุมากว่าปี การตรวจสถานที่ไม่แสดงความจริงที่แน่นอนได้ ดังนี้ ศาลสั่งงดไม่ไปตรวจสอบสถานที่ จึงเป็นการชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มเติมคำร้องขัดทรัพย์หลังศาลไม่อนุญาต และผลกระทบต่อการนำสืบพยานหลักฐาน
ผู้ร้อง ร้องขัอทรัพย์ว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องขัดทรัพย์ ได้รับมรดกมาแต่ผู้เดียว
โจทก์ให้การแก้ว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของจำเลยด้วยครึ่งหนึ่ง โดยจำเลยเป็นน้องผู้ร้อง และผู้ร้องกับจำเลยทำสัญญาแบ่งมรดกกันคนละครึ่ง
ภายหลังวันชี้สองสถานแล้ว ผู้ร้องขอเพิ่มเติมคำร้องขัดทรัพย์ว่าหลังจากทำสัญญาแบ่งทรัพย์กับจำเลยแล้ว จำเลยได้มาขอเงินจากผู้ร้องไปจำนวนหนึ่ง แล้วทำสัญญาไม่ขอเกี่ยวข้องกับทรัพย์พิพาทอีกต่อไป แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำร้องขัดทรัพย์ได้ ดังนี้ ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิจะนำสืบตามที่อ้างขึ้นมาใหม่ เพราะเมื่อข้ออ้างใหม่ศาลไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณา จะถือว่าเป็นการสืบหักล้างข้อกล่าวอ้างของโจทก์ ที่กล่าวอ้างไว้ในคำให้การไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มเติมคำร้องขัดทรัพย์นอกกรอบประเด็นเดิม ศาลไม่รับฟังเป็นเหตุหักล้างข้อกล่าวอ้างของโจทก์
ผู้ร้อง ร้องขัดทรัพย์ว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องขัดทรัพย์ ได้รับมรดกมาแต่ผู้เดียว
โจทก์ให้การแก้ว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นของจำเลยด้วยครึ่งหนึ่งโดยจำเลยเป็นน้องผู้ร้อง และผู้ร้องกับจำเลยทำสัญญาแบ่งมรดกกันคน ละครึ่ง
ภายหลังวันชี้สองสถานแล้วผู้ร้องขอเพิ่มเติมคำร้องขัดทรัพย์ว่า หลังจากทำสัญญาแบ่งทรัพย์กับจำเลยแล้วจำเลยได้มาขอเงินจากผู้ร้องไปจำนวนหนึ่ง แล้วทำสัญญาไม่ขอเกี่ยวข้องกับทรัพย์พิพาท อีกต่อไป สัญญาแบ่งทรัพย์จึงไม่ผูกพันต่อไปแต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำร้องขัดทรัพย์ได้ ดังนี้ ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิจะนำสืบตามที่อ้างขึ้นมาใหม่ เพราะเมื่อข้ออ้างใหม่ศาลไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมจึง ไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาจะถือว่าเป็นการสืบหักล้างข้อกล่าว อ้างของโจทก์ ที่กล่าวอ้างไว้ในคำให้การไม่ได้
of 67