พบผลลัพธ์ทั้งหมด 226 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารประกอบคำเบิกความที่ไม่ใช่ประเด็นข้อพิพาท โจทก์ไม่ต้องส่งสำเนาให้จำเลย
โจทก์อ้างเอกสารเป็นพยานโดยไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยแต่ข้อเท็จจริงตามเอกสารนั้นโจทก์เพียงใช้ประกอบคำเบิกความของพยานซึ่งมิได้เป็นประเด็นโต้เถียงกันในคดี ทั้งคำพิพากษาศาลแรงงานกลางที่วินิจฉัยข้อเท็จจริงก็ไม่ได้อ้างถึงหรือนำเอกสารนั้นมาใช้ในการวินิจฉัย ส่วนเอกสารฉบับที่ศาลใช้ในการวินิจฉัยคดี จำเลยก็ยอมรับข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในเอกสารนั้นแล้ว ดังนั้น โจทก์จึงไม่จำต้องส่งสำเนาเอกสารให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4094/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเรา vs. พยายามข่มขืนกระทำชำเรา: การล่วงล้ำทางเพศและเจตนา
จำเลยอายุ28ปีผู้เสียหายเป็นเด็กหญิงอายุ9ปีจำเลยใส่อวัยวะเพศของจำเลยไปที่ช่องขาตรงปากช่องคลอดและกระทำการในลักษณะของการกระทำชำเรามีรอยแดงช้ำบริเวณรอบๆช่องคลอดการกระทำของจำเลยดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายแล้วแต่อวัยวะเพศของจำเลยไม่ได้เข้าไปในช่องอวัยวะเพศของผู้เสียหายคงอยู่ที่บริเวณปากช่องคลอดของผู้เสียหายเท่านั้นดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา การที่จำเลยได้กระทำอนาจารโดยกอดจูบผู้เสียหายที่เตียงแล้วต่อมาจำเลยได้พยายามกระทำชำเราผู้เสียหายที่ห้องน้ำนั้นเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันโดยความมุ่งหมายที่จะกระทำชำเราการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3949/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีโดยไม่มีเหตุอันสมควร และผลกระทบต่อการนำสืบพยานหลักฐานในศาล
การนัดสืบพยานโจทก์ตามที่ทนายจำเลยขอเลื่อนนั้น ทนายจำเลย เป็นผู้กำหนดขอให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์เอง และตาม คำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยดังกล่าวได้อ้างเหตุว่าติดว่าความ ในคดีอื่น ซึ่งปรากฏว่าในคดีนั้นคู่ความมิได้แต่งตั้งทนายจำเลยคดีนี้ เป็นทนายความ ดังนี้การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงปราศจากมูลเหตุที่จะอ้าง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานใด เว้นแต่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานหลักฐาน ได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นดังที่บัญญัติไว้ ในมาตรา 88 และ 90 ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ตามมาตรา 88 จำเลยจึงไม่อาจ นำพยานหลักฐานหรือตนเองเข้าสืบได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานใด เว้นแต่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานหลักฐาน ได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นดังที่บัญญัติไว้ ในมาตรา 88 และ 90 ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ตามมาตรา 88 จำเลยจึงไม่อาจ นำพยานหลักฐานหรือตนเองเข้าสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3949/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีโดยไม่มีมูลเหตุ และผลของการไม่ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล
การนัดสืบพยานโจทก์ตามที่ทนายจำเลยขอเลื่อนนั้น ทนายจำเลยเป็นผู้กำหนดขอให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์เอง และตามคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยดังกล่าว ได้อ้างเหตุว่าติดว่าความในคดีอื่น ซึ่งปรากฏว่าในคดีนั้นคู่ความมิได้แต่งตั้งทนายจำเลยคดีนี้เป็นทนายความ ดังนี้การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงปราศจากมูลเหตุที่จะอ้าง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานใด เว้นแต่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานหลักฐานได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 88 และ 90 ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ตามมาตรา 88 จำเลยจึงไม่อาจนำพยานหลักฐานหรือตนเองเข้าสืบได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานใด เว้นแต่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานหลักฐานได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 88 และ 90 ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ตามมาตรา 88 จำเลยจึงไม่อาจนำพยานหลักฐานหรือตนเองเข้าสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3949/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และผลกระทบต่อการนำพยานหลักฐานเข้าสืบ
มาตรา40,87,88วรรคแรก,90 การนัดสืบพยานโจทก์ตามที่ทนายจำเลยขอเลื่อนนั้นทนายจำเลยเป็นผู้กำหนดขอให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์เองและตามคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยดังกล่าวได้อ้างเหตุว่าติดว่าความในคดีอื่นซึ่งปรากฏว่าในคดีนั้นคู่ความมิได้แต่งตั้งทนายจำเลยคดีนี้เป็นทนายความดังนี้การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงปราศจากมูลเหตุที่จะอ้าง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา87บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานใดเว้นแต่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานหลักฐานได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา88และ90ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันตามมาตรา88จำเลยจึงไม่อาจนำพยานหลักฐานหรือตนเองเข้าสืบได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1964/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้สัตยาบันคำให้การของตัวแทน และการรับฟังพยานที่ศาลเรียกเองในคดีแรงงาน
หนังสือมอบอำนาจของจำเลยที่มอบอำนาจให้ช.ต่อสู้คดีไม่ได้ประทับตราสำคัญของจำเลยแต่การที่ช.ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้แล้วจำเลยได้แต่งตั้งทนายความให้ดำเนินคดีต่อมาโดยนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้นถือได้ว่าจำเลยได้ให้สัตยาบันยอมรับคำให้การดังกล่าวแล้วจำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้นได้โดยชอบ. จำเลยนำสืบเอกสารหมายล.1ถึงล.15โดยมิได้ส่งสำเนาให้แก่โจทก์แต่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับคดีและจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุอ้างเป็นพยานแล้วเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมถือว่าเป็นพยานที่ศาลเรียกมาดังนี้เมื่อศาลแรงงานได้ใช้อำนาจตามมาตรา45แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522แล้วเอกสารดังกล่าวย่อมรับฟังได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1964/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้สัตยาบันคำให้การของตัวแทน และการรับพยานหลักฐานที่มิได้ส่งสำเนาตามอำนาจศาลแรงงาน
หนังสือมอบอำนาจของจำเลยที่มอบอำนาจให้ ช.ต่อสู้คดีไม่ได้ประทับตราสำคัญของจำเลย แต่การที่ ช. ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้แล้วจำเลยได้แต่งตั้งทนายความให้ดำเนินคดีต่อมาโดยนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้น ถือได้ว่าจำเลยได้ให้สัตยาบันยอมรับคำให้การดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้นได้โดยชอบ.
จำเลยนำสืบเอกสารหมาย ล.1 ถึงล.15 โดยมิได้ส่งสำเนาให้แก่โจทก์ แต่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับคดีและจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุอ้างเป็นพยานแล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมถือว่าเป็นพยานที่ศาลเรียกมา ดังนี้ เมื่อศาลแรงงานได้ใช้อำนาจตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 แล้ว เอกสารดังกล่าวย่อมรับฟังได้
จำเลยนำสืบเอกสารหมาย ล.1 ถึงล.15 โดยมิได้ส่งสำเนาให้แก่โจทก์ แต่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับคดีและจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุอ้างเป็นพยานแล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมถือว่าเป็นพยานที่ศาลเรียกมา ดังนี้ เมื่อศาลแรงงานได้ใช้อำนาจตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 แล้ว เอกสารดังกล่าวย่อมรับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขชื่อโจทก์ในคำฟ้องและการส่งมอบหนังสือมอบอำนาจใหม่ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90
ก่อนมีการชี้สองสถานโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องโจทก์ว่าชื่อโจทก์ในคำฟ้องหน้าแรกช่องระบุชื่อคู่ความและช่องระบุชื่อโจทก์ขอแก้ไขจากบริษัทอาทิตย์-จันทร์การลงทุนจำกัดเป็นบริษัทอาทิตย์-จันทร์ลงทุนจำกัดและสำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมาย2(หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดี)โจทก์จะได้นำส่งฉบับที่ถูกต้องต่อศาลต่อไปศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องของโจทก์ว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยอนุญาตสำเนาให้จำเลยและปรากฏว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องไปแล้วเมื่อศาลอนุญาตคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวจึงถือว่าคำฟ้องของโจทก์ก็ดีหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ก็ดีได้รับอนุญาตจากศาลให้แก่คำว่าบริษัทอาทิตย์-จันทร์การลงทุนจำกัดมาเป็นคำว่าบริษัทอาทิตย์-จันทร์ลงทุนจำกัดทุกๆคำ จำเลยได้รับสำเนาหนังสือมอบอำนาจฉบับเดิมท้ายฟ้องซึ่งศาลอนุญาตให้แก้ไขแล้วไม่น้อยกว่า3วันก่อนวันนัดสืบพยานซึ่งจำเลยก็ทราบข้อความที่ศาลอนุญาตให้แก้ไขอยู่ก่อนแล้วเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ส่งฉบับที่ถูกต้องภายหลังได้การที่โจทก์ส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจภายหลัง3วันก่อนสืบพยานย่อมไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา90.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขชื่อโจทก์ในคำฟ้องและการส่งมอบหนังสือมอบอำนาจใหม่หลังศาลอนุญาต ไม่ขัดต่อ ป.วิ.พ.มาตรา 90
ก่อนวันชี้สองสถานโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขชื่อโจทก์ในคำฟ้องและหนังสือมอบอำนาจโดยส่งสำเนาคำร้องให้จำเลยแล้วศาลอนุญาตให้แก้ไขและให้โจทก์ส่ง(หนังสือมอบอำนาจ)ฉบับที่ถูกต้องภายหลังได้ดังนี้แม้โจทก์ส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจภายหลัง3วันก่อนวันสืบพยานก็ไม่ขัดต่อป.วิ.พ.มาตรา90.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขชื่อโจทก์ในคำฟ้องและการส่งหนังสือมอบอำนาจใหม่ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90
ก่อนมีการชี้สองสถานโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องโจทก์ว่าชื่อโจทก์ในคำฟ้องหน้าแรกช่องระบุชื่อคู่ความและช่องระบุชื่อโจทก์ ขอแก้ไขจากบริษัทอาทิตย์ - จันทร์ การลงทุนจำกัดเป็นบริษัท อาทิตย์ - จันทร์ ลงทุนจำกัดและสำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมาย 2 (หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดี) โจทก์จะได้นำส่งฉบับที่ถูกต้องต่อศาลต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องของโจทก์ว่า เป็นการแก้ไขเล็กน้อย อนุญาตสำเนาให้จำเลยและปรากฏว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องไปแล้วเมื่อศาลอนุญาต คำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าว จึงถือว่าคำฟ้องของโจทก์ก็ดี หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ก็ดี ได้รับอนุญาตจากศาลให้แก่คำว่าบริษัท อาทิตย์ - จันทร์ การลงทุน จำกัด มาเป็นคำว่า บริษัทอาทิตย์ - จันทร์ลงทุนจำกัด ทุก ๆ คำ
จำเลยได้รับสำเนาหนังสือมอบอำนาจฉบับเดิมท้ายฟ้องซึ่งศาลอนุญาตให้แก้ไขแล้วไม่น้อยกว่า 3 วัน ก่อนวันนัดสืบพยาน ซึ่งจำเลยก็ทราบข้อความที่ศาลอนุญาตให้แก้ไขอยู่ก่อนแล้ว เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ส่งฉบับที่ถูกต้องภายหลังได้การที่โจทก์ส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจภายหลัง 3 วันก่อนสืบพยาน ย่อมไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90.
จำเลยได้รับสำเนาหนังสือมอบอำนาจฉบับเดิมท้ายฟ้องซึ่งศาลอนุญาตให้แก้ไขแล้วไม่น้อยกว่า 3 วัน ก่อนวันนัดสืบพยาน ซึ่งจำเลยก็ทราบข้อความที่ศาลอนุญาตให้แก้ไขอยู่ก่อนแล้ว เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ส่งฉบับที่ถูกต้องภายหลังได้การที่โจทก์ส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจภายหลัง 3 วันก่อนสืบพยาน ย่อมไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90.