พบผลลัพธ์ทั้งหมด 226 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้จากการซื้อวัสดุก่อสร้าง โดยตัวแทนของห้างหุ้นส่วนจำกัด และการรับฟังพยานเอกสาร
ความประสงค์ของกฎหมายที่ให้ฝ่ายที่อ้างเอกสารส่งสำเนาให้อีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันนัดสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันนั้น ก็เพื่อให้ฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารมายันได้มีโอกาสตรวจสอบเอกสารก่อน จะได้ซักค้านพยานได้ถูกต้องไม่เสียเปรียบแก่กัน เมื่อจำเลยว่ายังมิได้รับสำเนาเอกสารโจทก์ก็ขอเลื่อนการสืบพยานไปก่อนเพื่อจัดส่งสำเนาเอกสารให้จำเลย จำเลยก็พอใจไม่คัดค้าน นัดต่อไปจำเลยไม่ทักท้วงอะไรอีก แสดงว่าจำเลยได้รับสำเนาเอกสารประกอบการซักค้านพยานในนัดต่อไปนั้นแล้ว ไม่มีการเสียเปรียบแก่กันเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลย่อมรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวได้
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ไปติดต่อกับโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ขอซื้อคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อใช้ในการก่อสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 รับเหมาจาก ท. โจทก์ทำใบเสนอราคา เงื่อนไขการส่งของ และการชำระเงินเสนอต่อ จำเลยที่ 1 ต่อมามีการตกลงซื้อและเสนอใบสั่งซื้อต่อโจทก์ โจทก์ส่งคอนกรีตให้จำเลยที่ 1 ณ สถานที่ก่อสร้าง ใบสั่งซื้อลงชื่อโดยจำเลยที่ 4 แต่ใช้กระดาษแบบจดหมายชื่อของห้างจำเลยที่ 1 เท้าความถึงคำเสนอของโจทก์ต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างแทนจำเลยที่ 1 และเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ในการติดต่อกับ ท. ตามหนังสือแต่งตั้ง การรับเงินค่าก่อสร้าง จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับก็มี จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับก็มี แสดงว่าจำเลยที่ 4 ทำในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ไปติดต่อกับโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ขอซื้อคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อใช้ในการก่อสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 รับเหมาจาก ท. โจทก์ทำใบเสนอราคา เงื่อนไขการส่งของ และการชำระเงินเสนอต่อ จำเลยที่ 1 ต่อมามีการตกลงซื้อและเสนอใบสั่งซื้อต่อโจทก์ โจทก์ส่งคอนกรีตให้จำเลยที่ 1 ณ สถานที่ก่อสร้าง ใบสั่งซื้อลงชื่อโดยจำเลยที่ 4 แต่ใช้กระดาษแบบจดหมายชื่อของห้างจำเลยที่ 1 เท้าความถึงคำเสนอของโจทก์ต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างแทนจำเลยที่ 1 และเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ในการติดต่อกับ ท. ตามหนังสือแต่งตั้ง การรับเงินค่าก่อสร้าง จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับก็มี จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับก็มี แสดงว่าจำเลยที่ 4 ทำในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้จากการซื้อวัสดุก่อสร้าง แม้ใบสั่งซื้อจะลงชื่อโดยตัวแทน แต่กระทำในนามบริษัท ห้างหุ้นส่วนต้องรับผิด
ความประสงค์ของกฎหมายที่ให้ฝ่ายที่อ้างเอกสารส่งสำเนาให้อีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันนัดสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันนั้น ก็เพื่อให้ฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารมายันได้มีโอกาสตรวจสอบเอกสารก่อน จะได้ซักค้านพยานได้ถูกต้องไม่เสียเปรียบแก่กัน เมื่อจำเลยว่ายังมิได้รับสำเนาเอกสาร โจทก์ขอเลื่อนการสืบพยานไปก่อนเพื่อจัดส่งสำเนาเอกสารให้จำเลย จำเลยก็พอใจไม่คัดค้าน นัดต่อไปจำเลยไม่ทักท้วงอะไรอีก แสดงว่าจำเลยได้รับสำเนาเอกสารประกอบการซักค้านพยานในนัดต่อไปนั้นแล้ว ไม่มีการเสียเปรียบแก่กัน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลย่อมรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวได้
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ไปติดต่อกับโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ขอซื้อคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อใช้ในการก่อสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 รับเหมาจาก ท. โจทก์นำไปเสนอราคา เงื่อนไขการส่งของ และการชำระเงินเสนอต่อจำเลยที่ 1 ต่อมามีการตกลงซื้อและเสนอใบสั่งซื้อต่อโจทก์ โจทก์คอนกรีตให้จำเลยที่ 1 ณ. สถานที่ก่อสร้าง ใบสั่งซื้อลงชื่อโดยจำเลยที่ 4 แต่ใช้กระดาษแบบจดหมายชื่อของห้างจำเลยที่ 1 เท้าความถึงคำเสนอของโจทก์ต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างแทนจำเลยที่ 1 และเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ในการติดต่อกับ ท.ตามหนังสือแต่งตั้ง การรับเงินค่าก่อสร้าง จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับก็มี จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับก็มี แสดงว่าจำเลยที่ 4 ทำในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ไปติดต่อกับโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ขอซื้อคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อใช้ในการก่อสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 รับเหมาจาก ท. โจทก์นำไปเสนอราคา เงื่อนไขการส่งของ และการชำระเงินเสนอต่อจำเลยที่ 1 ต่อมามีการตกลงซื้อและเสนอใบสั่งซื้อต่อโจทก์ โจทก์คอนกรีตให้จำเลยที่ 1 ณ. สถานที่ก่อสร้าง ใบสั่งซื้อลงชื่อโดยจำเลยที่ 4 แต่ใช้กระดาษแบบจดหมายชื่อของห้างจำเลยที่ 1 เท้าความถึงคำเสนอของโจทก์ต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างแทนจำเลยที่ 1 และเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ในการติดต่อกับ ท.ตามหนังสือแต่งตั้ง การรับเงินค่าก่อสร้าง จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับก็มี จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับก็มี แสดงว่าจำเลยที่ 4 ทำในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งเอกสารประกอบการพิจารณาคดี และการขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ทำให้รถยนต์ของโจทก์เสียหาย โดยหักค่าซากรถออกจากความเสียหายทั้งหมด โจทก์ไม่ต้องคืนซากรถแก่จำเลย
เอกสารราชการในคดีคือสำเนารายงานเบ็ดเสร็จประจำวันกับสำเนารายงานการสอบสวน โจทก์ไม่ต้องส่งสำเนาแก่จำเลย สำเนาใบมอบอำนาจติดมากับฟ้องแล้ว โจทก์ส่งต้นฉบับต่อศาลในวันพิจารณาได้โดยไม่ต้องส่งสำเนาแก่จำเลยอีก โจทก์เสียค่าอ้างเอกสารเมื่อศาลพิพากษาแล้วก็ได้ชื่อว่าเสียค่าธรรมเนียมตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 แล้ว
ภาพถ่ายรถยนต์ที่ชนกันเป็นภาพจำลองวัตถุ ไม่ใช่พยานเอกสาร ไม่ต้องส่งสำเนาก่อนวันสืบพยาน
ศาลฟังข้อเท็จจริงจากเอกสารและภาพถ่ายแสดงที่เกิดเหตุสภาพรถ ตัวหนังสือข้างรถได้โดยไม่ต้องมีประจักษ์พยาน
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การเมื่อเสร็จการพิจารณาของศาลชั้นต้นแล้ว เป็นการล่วงเลยเวลาตาม มาตรา 199
เอกสารราชการในคดีคือสำเนารายงานเบ็ดเสร็จประจำวันกับสำเนารายงานการสอบสวน โจทก์ไม่ต้องส่งสำเนาแก่จำเลย สำเนาใบมอบอำนาจติดมากับฟ้องแล้ว โจทก์ส่งต้นฉบับต่อศาลในวันพิจารณาได้โดยไม่ต้องส่งสำเนาแก่จำเลยอีก โจทก์เสียค่าอ้างเอกสารเมื่อศาลพิพากษาแล้วก็ได้ชื่อว่าเสียค่าธรรมเนียมตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 แล้ว
ภาพถ่ายรถยนต์ที่ชนกันเป็นภาพจำลองวัตถุ ไม่ใช่พยานเอกสาร ไม่ต้องส่งสำเนาก่อนวันสืบพยาน
ศาลฟังข้อเท็จจริงจากเอกสารและภาพถ่ายแสดงที่เกิดเหตุสภาพรถ ตัวหนังสือข้างรถได้โดยไม่ต้องมีประจักษ์พยาน
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การเมื่อเสร็จการพิจารณาของศาลชั้นต้นแล้ว เป็นการล่วงเลยเวลาตาม มาตรา 199
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐาน (ต้นขั้วใบเสร็จ) แม้มิได้ส่งสำเนาให้คู่ความก่อนสืบพยาน หากเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
คดีฟ้องขับไล่ซึ่งโจทก์อ้างต้นขั้วใบเสร็จค่าเช่าบ้านเป็นพยานแม้มิได้ส่งสำเนาให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน แต่ถ้าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังต้นขั้วใบเสร็จเช่นว่านั้นได้ เพราะเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐาน (ต้นขั้วใบเสร็จ) แม้ไม่ได้ส่งสำเนาก่อนสืบพยาน หากเป็นประโยชน์ต่อการยุติธรรม
คดีฟ้องขับไล่ซึ่งโจทก์อ้างต้นขั้วในเสร็จค่าเช่าบ้านเป็นพยาน แม้มิได้ส่งสำเนาให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน แต่ถ้าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังต้นขั้วใบเสร็จเช่นว่านั้นได้ เพราะเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิฑีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐาน (สำเนาเอกสาร) และการละเมิดจากการเดินรถทับเส้นทางสัมปทาน กรณีอะลุ้มอะล่วยและคำสั่งทางปกครอง
จำเลยส่งเอกสารต่อศาลโดยไม่ส่งสำเนาให้โจทก์ ครั้นโจทก์คัดค้านว่าไม่ควรรับฟัง จำเลยแถลงว่าต้นฉบับอยู่ในความครอบครองของทางราชการจะได้หมายเรียกต้นฉบับมาแต่แล้วจำเลยก็มิได้ขอให้ศาลหมายเรียกมาเมื่อเอกสารที่จำเลยส่งศาลเป็นสำเนา ซึ่งไม่มีเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจรับรองว่าถูกต้องกับต้นฉบับ จึงรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93
จำเลยเดินรถรับส่งคนโดยสารเที่ยวกลับช่วงหนึ่งทับเส้นทางสัมปทานของโจทก์ เฉพาะทุกวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 12 ถึง 19 น. ทั้งนี้ เนื่องจากตามวันเวลานั้นเจ้าพนักงานจราจรได้ออกประกาศให้รถเดินทางเดียวในถนนสายหนึ่งซึ่งอยู่ในเส้นทางสัมปทานของจำเลยเมื่อได้ความว่าในกรณีเช่นนี้ไม่มีข้อบังคับให้จำเลยต้องรายงานต่อกรมการขนส่งทางบกเพื่อประกาศเปลี่ยนเส้นทางให้ถูกต้องเสมอไป โดยหากไม่มีการโต้แย้งกันก็ไม่ต้องรายงานและจำเลยก็ได้เดินรถทับเส้นทางเดินรถของโจทก์เพียง 1 กิโลเมตรเศษทั้งปรากฏว่าโจทก์เองก็ต้องเปลี่ยนไปเดินรถทับเส้นทางเดินรถของผู้อื่นโดยโจทก์ไม่ได้แจ้งให้กรมการขนส่งทางบกทราบเช่นกันการเปลี่ยนเส้นทางเดินรถเอาเองในกรณีนี้จึงเป็นเรื่องอะลุ้มอะล่วยถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน จำเลยมิได้เจตนาจงใจเดินรถทับเส้นทางสัมปทานของโจทก์โดยพลการโจทก์เองก็เพิ่งร้องเรียนต่อกรมการขนส่งทางบกหลังจากจำเลยเดินรถทับเส้นทาง 3 ปีเศษแล้ว ดังนี้ จะถือว่าจำเลยเดินรถทับเส้นทางเดินรถของโจทก์ โดยฝ่าฝืนคำสั่งของกรมการขนส่งทางบกหาได้ไม่ แต่เมื่อกรมการขนส่งทางบกได้สั่งให้จำเลยเปลี่ยนเส้นทางเดินรถใหม่ไม่ให้ทับเส้นทางของโจทก์ตามที่โจทก์ร้องเรียนแล้วจำเลยยังเดินรถตามเส้นทางเดิมต่อไปอีก แม้เพราะจำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อปลัดกระทรวงคมนาคมอยู่ก็ตามแต่เมื่อต่อมาปลัดกระทรวงคมนาคมได้สั่งให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งของกรมการขนส่งทางบกแล้วการกระทำของจำเลยก็เป็นละเมิดต่อโจทก์ ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นจากวันจำเลยได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งของกรมการขนส่งทางบก จนถึงวันสุดท้ายที่จำเลยเดินรถทับเส้นทางสัมปทานของโจทก์ ตามจำนวนวันเสาร์ในระยะนั้น
จำเลยเดินรถรับส่งคนโดยสารเที่ยวกลับช่วงหนึ่งทับเส้นทางสัมปทานของโจทก์ เฉพาะทุกวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 12 ถึง 19 น. ทั้งนี้ เนื่องจากตามวันเวลานั้นเจ้าพนักงานจราจรได้ออกประกาศให้รถเดินทางเดียวในถนนสายหนึ่งซึ่งอยู่ในเส้นทางสัมปทานของจำเลยเมื่อได้ความว่าในกรณีเช่นนี้ไม่มีข้อบังคับให้จำเลยต้องรายงานต่อกรมการขนส่งทางบกเพื่อประกาศเปลี่ยนเส้นทางให้ถูกต้องเสมอไป โดยหากไม่มีการโต้แย้งกันก็ไม่ต้องรายงานและจำเลยก็ได้เดินรถทับเส้นทางเดินรถของโจทก์เพียง 1 กิโลเมตรเศษทั้งปรากฏว่าโจทก์เองก็ต้องเปลี่ยนไปเดินรถทับเส้นทางเดินรถของผู้อื่นโดยโจทก์ไม่ได้แจ้งให้กรมการขนส่งทางบกทราบเช่นกันการเปลี่ยนเส้นทางเดินรถเอาเองในกรณีนี้จึงเป็นเรื่องอะลุ้มอะล่วยถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน จำเลยมิได้เจตนาจงใจเดินรถทับเส้นทางสัมปทานของโจทก์โดยพลการโจทก์เองก็เพิ่งร้องเรียนต่อกรมการขนส่งทางบกหลังจากจำเลยเดินรถทับเส้นทาง 3 ปีเศษแล้ว ดังนี้ จะถือว่าจำเลยเดินรถทับเส้นทางเดินรถของโจทก์ โดยฝ่าฝืนคำสั่งของกรมการขนส่งทางบกหาได้ไม่ แต่เมื่อกรมการขนส่งทางบกได้สั่งให้จำเลยเปลี่ยนเส้นทางเดินรถใหม่ไม่ให้ทับเส้นทางของโจทก์ตามที่โจทก์ร้องเรียนแล้วจำเลยยังเดินรถตามเส้นทางเดิมต่อไปอีก แม้เพราะจำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อปลัดกระทรวงคมนาคมอยู่ก็ตามแต่เมื่อต่อมาปลัดกระทรวงคมนาคมได้สั่งให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งของกรมการขนส่งทางบกแล้วการกระทำของจำเลยก็เป็นละเมิดต่อโจทก์ ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นจากวันจำเลยได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งของกรมการขนส่งทางบก จนถึงวันสุดท้ายที่จำเลยเดินรถทับเส้นทางสัมปทานของโจทก์ ตามจำนวนวันเสาร์ในระยะนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐาน (เอกสาร) และการประเมินความรับผิดทางละเมิดจากการเดินรถทับเส้นทางสัมปทาน
จำเลยส่งเอกสารต่อศาลโดยไม่ส่งสำเนาให้โจทก์ ครั้นโจทก์คัดค้านว่าไม่ควรรับฟัง จำเลยแถลงว่าต้นฉบับอยู่ในความครอบครองของทางราชการ จะได้หมายเรียกต้นฉบับมา แต่แล้วจำเลยก็มิได้ขอให้ศาลหมายเรียกมา เมื่อเอกสารที่จำเลยส่งศาลเป็นสำเนาซึ่งไม่มีเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจรับรองว่าถูกต้องกับต้นฉบับ จึงรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93
จำเลยเดินรถรับส่งคนโดยสารเที่ยกลับช่วงหนึ่งทับเส้นทางสัมปทานของโจทก์เฉพาะทุกวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 12 ถึง 19 น. ทั้งนี้ เนื่องจากตามวันเวลานั้นเจ้าพนักงานจราจรได้ออกประกาศให้รถเดินทางเดียวในถนนสายหนึ่งซึ่งอยู่ในเส้นทางสัมปทานของจำเลยเมื่อได้ความว่าในกรณีเช่นนี้ไม่มีข้อบังคับให้จำเลยต้องรายงานต่อกรมการขนส่งทางบกเพื่อประกาศเปลี่ยนเส้นทางให้ถูกต้องเสมอไป โดยหากไม่มีการโต้แย้งกันก็ไม่ต้องรายงาน และจำเลยก็ได้เดินรถทับเส้นทางเดินรถของโจทก์เพียง 1 กิโลเมตรเศษ ทั้งปรากฏว่าโจทก์เองเปลี่ยนไปเดินรถทับเส้นทางเดินรถของผู้อื่น โดยโจทก์ไม่ได้แจ้งให้กรมการขนส่งทางบกทราบเช่นกัน การเปลี่ยนเส้นทางเดินรถเอาเองในกรณีนี้จึงเป็นเรื่องอะลุ้มอล่วยถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน จำเลยมิได้เจตนาจงใจเดินรถทับเส้นทางสัมปทานของโจทก์โดยพลการโจทก์เองก็เพิ่งร้องเรียนต่อกรมการขนส่งทางบกหลังจากจำเลยเดินรถทับเส้นทาง 3 ปีเศษแล้ว ดังนี้ จะถือว่าจำเลยเดินรถทับเส้นทางเดินรถของโจทก์ โดยฝ่าฝืนคำสั่งของกรมการขนส่งทางบกหาได้ไม่ แต่เมื่อกรมการขนส่งทางบกได้สั่งให้จำเลยเปลี่ยนเส้นทางเดินรถใหม่ไม่ให้ทับเส้นทางของโจทก์ตามที่โจทก์ร้องเรียนแล้ว จำเลยยังเดินรถตามเส้นทางเดิมต่อไปอีก แม้เพราะจำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อปลัดกระทรวงคมนาคมอยู่ก็ตาม แต่เมื่อต่อมาปลัดกระทรวงคมนาคมได้สั่งให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งของกรมการขนส่งทางบกแล้ว การกระทำของจำเลยขนส่งทางบก จนถึงวันสุดท้ายที่จำเลยเดินรถทับเส้นทางสัมปทานของโจทก์ ตามจำนวนวันเสาร์ในระยะนั้น
จำเลยเดินรถรับส่งคนโดยสารเที่ยกลับช่วงหนึ่งทับเส้นทางสัมปทานของโจทก์เฉพาะทุกวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 12 ถึง 19 น. ทั้งนี้ เนื่องจากตามวันเวลานั้นเจ้าพนักงานจราจรได้ออกประกาศให้รถเดินทางเดียวในถนนสายหนึ่งซึ่งอยู่ในเส้นทางสัมปทานของจำเลยเมื่อได้ความว่าในกรณีเช่นนี้ไม่มีข้อบังคับให้จำเลยต้องรายงานต่อกรมการขนส่งทางบกเพื่อประกาศเปลี่ยนเส้นทางให้ถูกต้องเสมอไป โดยหากไม่มีการโต้แย้งกันก็ไม่ต้องรายงาน และจำเลยก็ได้เดินรถทับเส้นทางเดินรถของโจทก์เพียง 1 กิโลเมตรเศษ ทั้งปรากฏว่าโจทก์เองเปลี่ยนไปเดินรถทับเส้นทางเดินรถของผู้อื่น โดยโจทก์ไม่ได้แจ้งให้กรมการขนส่งทางบกทราบเช่นกัน การเปลี่ยนเส้นทางเดินรถเอาเองในกรณีนี้จึงเป็นเรื่องอะลุ้มอล่วยถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน จำเลยมิได้เจตนาจงใจเดินรถทับเส้นทางสัมปทานของโจทก์โดยพลการโจทก์เองก็เพิ่งร้องเรียนต่อกรมการขนส่งทางบกหลังจากจำเลยเดินรถทับเส้นทาง 3 ปีเศษแล้ว ดังนี้ จะถือว่าจำเลยเดินรถทับเส้นทางเดินรถของโจทก์ โดยฝ่าฝืนคำสั่งของกรมการขนส่งทางบกหาได้ไม่ แต่เมื่อกรมการขนส่งทางบกได้สั่งให้จำเลยเปลี่ยนเส้นทางเดินรถใหม่ไม่ให้ทับเส้นทางของโจทก์ตามที่โจทก์ร้องเรียนแล้ว จำเลยยังเดินรถตามเส้นทางเดิมต่อไปอีก แม้เพราะจำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อปลัดกระทรวงคมนาคมอยู่ก็ตาม แต่เมื่อต่อมาปลัดกระทรวงคมนาคมได้สั่งให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งของกรมการขนส่งทางบกแล้ว การกระทำของจำเลยขนส่งทางบก จนถึงวันสุดท้ายที่จำเลยเดินรถทับเส้นทางสัมปทานของโจทก์ ตามจำนวนวันเสาร์ในระยะนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1441/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำเนาเอกสารราชการที่ผู้ทำลงชื่อรับรองและไม่คัดค้าน ศาลรับฟังเป็นพยานได้
เอกสารราชการรายงานผลการสอบสวนผู้รับผิดในเงินของทางราชการที่ขาดไป โจทก์ส่งภาพถ่ายเอกสารนี้โดยนิติกรผู้ทำเอกสารนั้นลงชื่อและเบิกความรับรอง จำเลยก็ไม่คัดค้านความถูกต้องของสำเนานี้ศาลรับฟังเป็นพยานได้โดยไม่ต้องสั่งให้ส่งต้นฉบับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2315/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสัญญาเช่าเดิมมีผลต่อสิทธิการฟ้องขับไล่และการเรียกร้องค่าเช่าของผู้ซื้อที่ดินและตึก
เดิมจำเลยเป็นผู้เช่าตึกพิพาทจากส. ต่อมาได้ตกลงเลิกสัญญาเช่าต่อกันและมีการทำสัญญาเช่ากันใหม่โดย จ. พี่ชายจำเลยเป็นผู้เช่าจาก ก.เจ้าของที่ดินและตึกพิพาทแต่จำเลยยังคงอยู่ในตึกพิพาทโดยอาศัยสัญญาเช่าระหว่าง จ. กับ ก. โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินและตึกพิพาทจาก ก. ภายหลังที่จำเลยกับ ส.เลิกสัญญาเช่าต่อกันแล้วจำเลยย่อมไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เช่าตึกพิพาทดังนี้ โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยโดยไม่ฟ้อง จ. ผู้เช่าไม่ได้และจะเรียกค่าเช่าที่ค้างกับค่าเสียหายที่จำเลยไม่ยอมออกจากที่เช่าก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน
จำเลยอ้างเอกสารที่แสดงการยกเลิกเพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับ ส. เป็นพยานหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานนัดแรกไม่น้อยกว่า 3 วันอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 แต่เมื่อเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ทั้งการรับฟังก็ไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบแต่ประการใด เพราะจำเลยได้อ้างก่อนสืบพยานโจทก์ และส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานจำเลย โจทก์ยังมีโอกาสที่จะขออนุญาตต่อศาลสืบหักล้างได้อยู่ดังนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลจึงรับฟังเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
จำเลยอ้างเอกสารที่แสดงการยกเลิกเพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับ ส. เป็นพยานหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานนัดแรกไม่น้อยกว่า 3 วันอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 แต่เมื่อเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ทั้งการรับฟังก็ไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบแต่ประการใด เพราะจำเลยได้อ้างก่อนสืบพยานโจทก์ และส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานจำเลย โจทก์ยังมีโอกาสที่จะขออนุญาตต่อศาลสืบหักล้างได้อยู่ดังนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลจึงรับฟังเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2315/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสิ้นสุดก่อนการซื้อขาย: สิทธิการฟ้องขับไล่และการเรียกร้องค่าเช่า
เดิมจำเลยเป็นผู้เช่าตึกพิพาทจาก ส. ต่อมาได้ตกลกเลิกสัญญาเช่าต่อกันและมีการทำสัญญาเช่ากันใหม่โดย จ.พี่ชายจำเลยเป็นผู้เช่าจาก ก. เจ้าของที่ดินและตึกพิพาท แต่จำเลยยังคงอยู่ในตึกพิพาทโดยอาศัยสัญญาเช่าระหว่าง จ. กับ ก. โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินและตึกพิพาทจาก ก.ภายหลังที่จำเลยกับ ส.เลิกสัญญาเช่าต่อกันแล้ว จำเลยย่อมไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เช่าตึกพิพาท ดังนี้ โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยโดยไม่ฟ้อง จ. ผู้เช่าไม่ได้และจะเรียกค่าเช่าที่ค้างกับค่าเสียหายที่จำเลยไม่ยอมออกจากที่เช่าก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน
จำเลยอ้างเอกสารที่แสดงการยกเลิกเพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับ ส. เป็นพยานหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานนักแรกไม่น้อยกว่า 3 วัน อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 แต่เมื่อเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ทั้งการรับฟังก็ไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบแต่ประการใด เพราะจำเลยได้อ้างก่อนสืบพยานโจทก์ และส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานจำเลย โจทก์ยังมีโอกาสที่จะขออนุญาตต่อศาลสืบหักล้างได้อยู่ ดังนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติกรรม ศาลจึงรับฟังเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
จำเลยอ้างเอกสารที่แสดงการยกเลิกเพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับ ส. เป็นพยานหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานนักแรกไม่น้อยกว่า 3 วัน อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 แต่เมื่อเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ทั้งการรับฟังก็ไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบแต่ประการใด เพราะจำเลยได้อ้างก่อนสืบพยานโจทก์ และส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานจำเลย โจทก์ยังมีโอกาสที่จะขออนุญาตต่อศาลสืบหักล้างได้อยู่ ดังนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติกรรม ศาลจึงรับฟังเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)