คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สนิท อังศุสิงห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 825 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2618/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งกรรมสิทธิ์โดยการขอเป็นผู้จัดการมรดก โจทก์มีอำนาจฟ้องได้แม้ยังไม่มีคำสั่งแต่งตั้ง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าที่พิพาทเดิมเป็นของนายจัน นางคร้ามยกให้บิดาโจทก์แล้วบิดายกที่พิพาทให้โจทก์ โจทก์ครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์ ต่อมาจำเลยซึ่งเป็นบุตรของนายจันนางคร้ามได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายจันนางคร้ามเพื่อเอาที่พิพาทมาแบ่งปันให้แก่ทายาท ดังนี้ที่จำเลยร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์แล้วหาจำเป็นต้องให้ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกและเข้าดำเนินการจัดการเกี่ยวกับที่พิพาทเสียก่อน จึงจะเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2598/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวมจากทรัพย์สินที่ทำมาหากินร่วมกัน แม้การสมรสเป็นโมฆะ แต่สิทธิแบ่งทรัพย์สินยังคงมีอยู่หากพิสูจน์ได้ว่าทำมาหากินร่วมกัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นสามีจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายระหว่างอยู่กินด้วยกันเกิดสินสมรสหลายอย่าง โจทก์ขอแบ่งจากจำเลยครึ่งหนึ่ง เท่ากับโจทก์กล่าวอ้างว่าทรัพย์สินที่เรียกว่าสินสมรสนั้นโจทก์เป็นเจ้าของรวมกับจำเลย แม้การสมรสระหว่างโจทก์จำเลยจะเป็นโมฆะ หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์จำเลยมีทรัพย์สินเกิดขึ้นจากการทำมาหากินร่วมกันแล้ว โจทก์จำเลยย่อมเป็นเจ้าของรวมโจทก์มีสิทธิฟ้องขอแบ่งจากจำเลยในฐานะที่เป็นเจ้าของรวมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2598/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวมจากทรัพย์สินที่ได้มาจากการทำมาหากินร่วมกัน แม้สมรสเป็นโมฆะ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นสามีจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายระหว่างอยู่กินด้วยกันเกิดสินสมรสหลายอย่าง โจทก์ขอแบ่งจากจำเลยครึ่งหนึ่ง เท่ากับโจทก์กล่าวอ้างว่าทรัพย์สินที่เรียกว่าสินสมรสนั้นโจทก์เป็นเจ้าของรวมกับจำเลย แม้การสมรสระหว่างโจทก์จำเลยจะเป็นโมฆะ หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์จำเลยมีทรัพย์สินเกิดขึ้นจากการทำมาหากินร่วมกันแล้ว โจทก์จำเลยย่อมเป็นเจ้าของรวม โจทก์มีสิทธิฟ้องขอแบ่งจากจำเลยในฐานะที่เป็นเจ้าของรวมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเจ้าหน้าที่ลงรายการเอกสารปลอม ทำให้เชื่อว่าเอกสารถูกต้อง และโอนย้ายรถยนต์
ใบอนุญาตทะเบียนรถมี 2 ฉบับ ฉบับต้นเก็บรักษาไว้ที่แผนกทะเบียนยานพาหนะ ฉบับปลายมอบให้เจ้าของรถ จำเลยเป็นตำรวจปฏิบัติหน้าที่อยู่ในแผนกทะเบียนยานพาหนะได้ลงรายการเสียภาษีประจำปีในใบอนุญาตทะเบียนรถฉบับปลาย และทำเรื่องราวโอนย้ายรถนั้นไปยังต่างจังหวัดทั้งๆที่ไม่มีใบอนุญาตทะเบียนรถฉบับต้นมาตรวจสอบและลงรายการคู่กันเป็นการส่อแสดงว่าจำเลยทราบอยู่แล้วว่าฉบับปลายเป็นเอกสารปลอม แต่ยังขืนดำเนินการให้แก่ผู้มาขอโอนไปจึงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา268 และ มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสลักหลังเช็คในฐานะอาวัลและความรับผิดชอบต่อการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช็ค
จำเลยที่ 2 สลักหลังเช็คซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921 ให้ถือว่าการสลักหลังนั้นเป็นเพียงประกัน (อาวัล)สำหรับผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ 2 จึงต้องผูกพันตนเป็นอย่างเดียวกันและรับผิดร่วมกันกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงตามมาตรา 940,967,989
กำหนดเวลาที่ต้องยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 เป็นเรื่องเงื่อนไขแห่งสิทธิไล่เบี้ยของผู้ทรงเช็คต่อผู้สลักหลังโอนเช็คเท่านั้น มิได้รวมถึงผู้สลักหลังเช็คในฐานะผู้รับประกันการใช้เงิน (ผู้รับอาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตามเช็คนั้นด้วย
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้สลักหลังเช็ครู้เห็นยินยอมด้วยกับการที่จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายแก้วันที่สั่งจ่ายในเช็คอันเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อสำคัญในเช็คนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1007

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้สลักหลังเช็คในฐานะผู้รับประกัน (อาวัล) และผลของการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช็ค
จำเลยที่ 2 สลักหลังเช็คซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921 ให้ถือว่าการสลักหลังนั้นเป็นเพียงประกัน (อาวัล)สำหรับผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ 2 จึงต้องผูกพันตนเป็นอย่างเดียวกันและรับผิดร่วมกันกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงตามมาตรา 940, 967, 989
กำหนดเวลาที่ต้องยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 เป็นเรื่องเงื่อนไขแห่งสิทธิไล่เบี้ยของผู้ทรงเช็คต่อผู้สลักหลังโอนเช็คเท่านั้น มิได้รวมถึงผู้สลักหลังเช็คในฐานะผู้รับประกันการใช้เงิน (ผู้รับอาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตามเช็คนั้นด้วย
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้สลักหลังเช็ครู้เห็นยินยอมด้วยกับการที่จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายแก้วันที่สั่งจ่ายในเช็คอันเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อสำคัญในเช็คนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1007

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายระหว่างพิจารณาคดี และผลกระทบต่อการลงโทษจำคุกสูงสุดสำหรับความผิดหลายกระทง
จำเลยกระทำความผิดหลายกรรม คือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กับมีโทษจำคุก 10 วันที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีก่อน เมื่อลดโทษแล้วศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกสองกระทงแรก 50 ปี และ 1 ปี 6 เดือน ตามลำดับ กับบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้รวมเป็นโทษจำคุก 50 ปี 6 เดือน 10 วัน แต่ในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 ออกใช้บังคับเกี่ยวกับการลงโทษผู้กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ซึ่งแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด และเป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 คดีนี้เมื่อเรียงกระทงลงโทษแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) ที่ได้แก้ไขใหม่ จะลงโทษจำคุกเกินกว่า 50 ปีไม่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นให้จำคุก 50 ปีและบวกโทษจำคุก 10 วันที่รอการลงโทษไว้ รวมเป็นโทษจำคุก 50 ปี 10 วัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายระหว่างการพิจารณาคดี และผลกระทบต่อการลงโทษจำคุกสำหรับความผิดหลายกรรม
จำเลยกระทำความผิดหลายกรรม คือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กับมีโทษจำคุก 10 วันที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีก่อน เมื่อลดโทษแล้วศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกสองกระทงแรก 50 ปี และ 1 ปี 6 เดือน ตามลำดับกับบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้รวมเป็นโทษจำคุก 50 ปี 6 เดือน 10 วัน แต่ในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 ออกใช้บังคับเกี่ยวกับการลงโทษผู้กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ซึ่งแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด และเป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 คดีนี้เมื่อเรียงกระทงลงโทษแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ที่ได้แก้ไขใหม่ จะลงโทษจำคุกเกินกว่า 50 ปีไม่ได้ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นให้จำคุก 50 ปีและบวกโทษจำคุก 10 วันที่รอการลงโทษไว้ รวมเป็นโทษจำคุก 50 ปี 10 วัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2433/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาซุกซ่อนของกลางแสดงความรู้ว่าผิดกฎหมาย แม้ปฏิเสธว่าไม่รู้
จำเลยรับฝากอาวุธปืนเอ็ม 79 กระสุนปืนและลูกระเบิดของกลางไว้จาก ส. ทหารพราน เมื่อตำรวจมาถาม จำเลยตอบว่าไม่รู้ ครั้นตำรวจพา ส. มาพบจำเลย จำเลยจึงพาไปเอาปืนและกระสุนที่กระท่อมนาของจำเลยและตำรวจค้นพบลูกระเบิดหมกอยู่ในกองแกลบใต้ถุนบ้านจำเลยการที่จำเลยปิดบังและซุกซ่อนของกลาง แสดงว่าจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นของที่ ส. มีไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงมีความผิดตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2346/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีอนาถา: เลือกวิธีดำเนินการครั้งเดียว เมื่ออุทธรณ์แล้ว สิทธิขอพิจารณาใหม่ไม่มี
การขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 ถ้าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะบางส่วนหรือให้ยกคำขอ ผู้ขอมิได้ใช้สิทธิขอให้ศาลพิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของตนใหม่ตามวรรคสี่ แต่เลือกใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์ตามวรรคห้า เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอย่างไรแล้ว ก็เป็นที่สุดผู้ขอจะย้อนไปขอให้ศาลพิจารณาคำขอของตนใหม่ตามวรรคสี่ไม่ได้ เพราะผู้ขอมีสิทธิเลือกวิธีดำเนินการได้เพียงอย่างเดียว
of 83