พบผลลัพธ์ทั้งหมด 825 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันภัย-ผู้เช่าซื้อรถยนต์: สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายและค่าเสื่อมราคา แม้ไม่มีหลักฐานสัญญาประกันภัยและกรรมสิทธิ์ยังไม่โอน
การประกันภัยเป็นนิติกรรมในลักษณะประเภทของสัญญาอย่างหนึ่งเรียกว่าสัญญาประกันภัย ซึ่งเป็นผลให้เกิดนิติสัมพันธ์อันพึงต้องปฏิบัติระหว่างกันของคู่สัญญา แม้ตามกฎหมายจะบังคับว่า การทำสัญญาประกันภัยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็เป็นเพียงบทบัญญัติใช้บังคับเฉพาะแก่คู่สัญญาที่ได้มีการทำกันขึ้นเท่านั้นหามีผลผูกพันให้ใช้แก่บุคคลภายนอกไม่ พ. เป็นผู้เสียหายและเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้เป็นคู่สัญญา จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งบทกฎหมายที่ต้องนำพยานเอกสารมาแสดง
ผู้เช่าซื้อรถยนต์ที่ชำระค่าเช่าซื้อยังไม่ครบและกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนมาเป็นของผู้เช่าซื้อในขณะนั้นก็ตามแต่ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิที่จะใช้รถยนต์ดังกล่าวหาประโยชน์ได้โดยชอบอีกทั้งยังมีหน้าที่ต้องดูแลรักษารถยนต์ดังกล่าวให้อยู่ในสภาพให้ใช้การได้ดีตลอดไปเมื่อได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมตกมาเป็นของผู้เช่าซื้อ หรือถ้าหากมีการเลิกสัญญาผู้เช่าซื้อก็มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์คืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อในสภาพเดิมเมื่อมีการทำละเมิดเกิดความเสียหายแก่รถยนต์ดังกล่าวผู้เช่าซื้อจึงอยู่ในฐานะที่จะต้องเรียกค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ได้ด้วย
ผู้เช่าซื้อรถยนต์ที่ชำระค่าเช่าซื้อยังไม่ครบและกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนมาเป็นของผู้เช่าซื้อในขณะนั้นก็ตามแต่ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิที่จะใช้รถยนต์ดังกล่าวหาประโยชน์ได้โดยชอบอีกทั้งยังมีหน้าที่ต้องดูแลรักษารถยนต์ดังกล่าวให้อยู่ในสภาพให้ใช้การได้ดีตลอดไปเมื่อได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมตกมาเป็นของผู้เช่าซื้อ หรือถ้าหากมีการเลิกสัญญาผู้เช่าซื้อก็มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์คืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อในสภาพเดิมเมื่อมีการทำละเมิดเกิดความเสียหายแก่รถยนต์ดังกล่าวผู้เช่าซื้อจึงอยู่ในฐานะที่จะต้องเรียกค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัย/เช่าซื้อ: หลักเกณฑ์การพิสูจน์สัญญาและการเรียกร้องค่าเสียหายจากละเมิด
การประกันภัยเป็นนิติกรรมในลักษณะประเภทของสัญญาอย่างหนึ่งเรียกว่าสัญญาประกันภัย ซึ่งเป็นผลให้เกิดนิติสัมพันธ์อันพึงต้องปฏิบัติระหว่างกันของคู่สัญญา แม้ตามกฎหมายจะบังคับว่าการทำสัญญาประกันภัยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็เป็นเพียงบทบัญญัติใช้บังคับเฉพาะแก่คู่สัญญาที่ได้มีการทำกันขึ้นเท่านั้น หามีผลผูกพันให้ใช้แก่บุคคลภายนอกไม่ พ. เป็นผู้เสียหายและเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้เป็นคู่สัญญา จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งบทกฎหมายที่ต้องนำพยานเอกสารมาแสดง
ผู้เช่าซื้อรถยนต์ที่ชำระค่าเช่าซื้อยังไม่ครบและกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนมาเป็นของผู้เช่าซื้อในขณะนั้นก็ตาม แต่ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิที่จะใช้รถยนต์ดังกล่าวหาประโยชน์ได้โดยชอบ อีกทั้งยังมีหน้าที่ต้องดูแลรักษารถยนต์ดังกล่าวให้อยู่ในสภาพให้ใช้การได้ดีตลอดไป เมื่อได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมตกมาเป็นของผู้เช่าซื้อ หรือถ้าหากมีการเลิกสัญญา ผู้เช่าซื้อก็มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์คืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อในสภาพเดิม เมื่อมีการทำละเมิดเกิดความเสียหายแก่รถยนต์ดังกล่าว ผู้เช่าซื้อจึงอยู่ในฐานะที่จะต้องเรียกค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ได้ด้วย
ผู้เช่าซื้อรถยนต์ที่ชำระค่าเช่าซื้อยังไม่ครบและกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนมาเป็นของผู้เช่าซื้อในขณะนั้นก็ตาม แต่ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิที่จะใช้รถยนต์ดังกล่าวหาประโยชน์ได้โดยชอบ อีกทั้งยังมีหน้าที่ต้องดูแลรักษารถยนต์ดังกล่าวให้อยู่ในสภาพให้ใช้การได้ดีตลอดไป เมื่อได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมตกมาเป็นของผู้เช่าซื้อ หรือถ้าหากมีการเลิกสัญญา ผู้เช่าซื้อก็มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์คืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อในสภาพเดิม เมื่อมีการทำละเมิดเกิดความเสียหายแก่รถยนต์ดังกล่าว ผู้เช่าซื้อจึงอยู่ในฐานะที่จะต้องเรียกค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องหนี้ภาษีอากรของเจ้าหนี้ที่ไม่ใช่เจ้าหนี้บุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินลูกหนี้ที่ถูกบังคับคดี
ประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ให้อำนาจแก่ผู้ร้องที่จะเรียกเก็บหนี้อันเกี่ยวกับภาษีอากร และให้อำนาจที่จะยึดและสั่งขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยผู้ที่ค้างชำระได้โดยไม่จำต้องนำคดีฟ้องร้องต่อศาล ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะเป็นบุคคลภายนอก ก็อาจใช้สิทธิขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินของจำเลยได้ตามกฎหมาย
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำนองขอบังคับจำนอง โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิจึงอยู่ในฐานะที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นเมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะเอาชำระได้ผู้ร้องแม้จะไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ์ก็ชอบที่จะได้รับส่วนเฉลี่ยจากเงินที่เหลือจากการชำระหนี้จำนองของโจทก์
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำนองขอบังคับจำนอง โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิจึงอยู่ในฐานะที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นเมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะเอาชำระได้ผู้ร้องแม้จะไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ์ก็ชอบที่จะได้รับส่วนเฉลี่ยจากเงินที่เหลือจากการชำระหนี้จำนองของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยหนี้ภาษีอากรของผู้ร้อง แม้ไม่ใช่เจ้าหนี้บุริมสิทธิ หลังบังคับคดีจำนอง
ประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ให้อำนาจแก่ผู้ร้องที่จะเรียกเก็บหนี้อันเกี่ยวกับภาษีอากร และให้อำนาจที่จะยึดและสั่งขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยผู้ที่ค้างชำระได้โดยไม่จำต้องนำคดีฟ้องร้องต่อศาล ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะเป็นบุคคลภายนอก ก็อาจใช้สิทธิขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินของจำเลยได้ตามกฎหมาย
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำนองขอบังคับจำนอง โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิจึงอยู่ในฐานะที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นเมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะเอาชำระได้ ผู้ร้องแม้จะไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ์ก็ชอบที่จะได้รับส่วนเฉลี่ยจากเงินที่เหลือจากการชำระหนี้จำนองของโจทก์
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำนองขอบังคับจำนอง โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิจึงอยู่ในฐานะที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นเมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะเอาชำระได้ ผู้ร้องแม้จะไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ์ก็ชอบที่จะได้รับส่วนเฉลี่ยจากเงินที่เหลือจากการชำระหนี้จำนองของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1119/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนในคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตายจากเหตุวิวาทในวงสุรา ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
จำเลย ผู้เสียหายและผู้ตายต่างเมาสุราแล้วเป็นปากเสียงทะเลาะวิวาทกันในวงสุรา และต่อเนื่องมาจนเกิดเหตุจำเลยแทงผู้เสียหายและผู้ตายเป็นเรื่องต่างสมัครใจวิวาทเข้าทำร้ายกันเนื่องจากขาดสติเพราะเมาสุรา จำเลยจะอ้างว่าเป็นการป้องกันตนโดยชอบหาได้ไม่ผู้ตายมีบาดแผลถึง 8 แผลโดยเฉพาะที่หน้าอกมีถึง 6 แผล และทะลุเข้าหัวใจ เป็นเหตุให้ถึงตายแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกการรับบุตรบุญธรรม: การจงใจละทิ้งและการไม่อุปการะเลี้ยงดู ต้องพิเคราะห์ตามพฤติการณ์และเจตนา
จำเลยซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมทำงานอยู่คนละจังหวัดกับภูมิลำเนาของโจทก์แต่ไปมาหาสู่กันเสมอ ต่อมาจำเลยออกจากงานไปอยู่ที่อื่นโดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์ไปหาจำเลยก็โดยประสงค์ให้ช่วยส่งเงินเป็นค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ เมื่อไม่พบกันจำเลยย่อมไม่ทราบความประสงค์ของโจทก์ จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจละทิ้งโจทก์และไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ อันเป็นเหตุที่จะฟ้องขอให้เลิกการรับบุตรบุญธรรมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณา: การขาดนัดพิจารณาและการยกคำร้อง เนื่องจากเหตุผลไม่สมควร
ในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน โจทก์ไม่มาศาล ศาลมีคำสั่งให้โจทก์ขาดนัดพิจารณาแล้วดำเนินการสืบพยานจำเลยได้ 3 ปาก จำเลยขอเลื่อนคดีก่อนถึงวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งต่อไป โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ดังนี้ คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการสั่งโดยปกติในระหว่างการพิจารณา จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดี: การขาดนัดพิจารณาและการยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่
ในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน โจทก์ไม่มาศาล ศาลมีคำสั่งให้โจทก์ขาดนัดพิจารณาแล้วดำเนินการสืบพยานจำเลยได้ 3 ปาก จำเลยขอเลื่อนคดีก่อนถึงวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งต่อไป โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ดังนี้ คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการสั่งโดยปกติในระหว่างการพิจารณาจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แคชเชียร์เช็ค: ผู้สั่งจ่ายมีหน้าที่จ่ายเงินให้ผู้ทรงเช็คโดยชอบ แม้มีการแจ้งหาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991 (3) ซึ่งบัญญัติว่าธนาคารจำต้องใช้เงินตามเช็คซึ่งผู้เคยค้ากับธนาคารได้ออกเบิกเงินแก่ตน เว้นแต่ในกรณีที่ได้มีคำบอกกล่าวว่าเช็คหายนั้น เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจธนาคารไม่จำต้องจ่ายเงินตามเช็คซึ่งผู้เคยค้าสั่งจ่ายมาเบิกเงินแก่ตน จึงเป็นคนละกรณีกับการที่ธนาคารซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คจะต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คผู้ที่นำเช็คมาเรียกเก็บเงินจากธนาคาร เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า เช็คพิพาทเป็นแคชเชียร์เช็คซึ่งธนาคารจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย และโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบธนาคารจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจึงต้องผูกพันตนเป็นลูกหนี้ชั้นต้นที่จะต้องจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวให้แก่ผู้ทรง ธนาคารจำเลยที่ 1 จะอ้างมาตรา 991(3) มายกเว้นความรับผิดต่อผู้ทรงหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แคชเชียร์เช็ค: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็ค แม้มีการแจ้งหาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991(3) ซึ่งบัญญัติว่าธนาคารจำต้องใช้เงินตามเช็คซึ่งผู้เคยค้ากับธนาคารได้ออกเบิกเงินแก่ตนเว้นแต่ในกรณีที่ได้มีคำบอกกล่าวว่าเช็คหายนั้น เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจธนาคารไม่จำต้องจ่ายเงินตามเช็คซึ่งผู้เคยค้าสั่งจ่ายมาเบิกเงินแก่ตน จึงเป็นคนละกรณีกับการที่ธนาคารซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คจะต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คผู้ที่นำเช็คมาเรียกเก็บเงินจากธนาคารเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า เช็คพิพาทเป็นแคชเชียร์เช็คซึ่งธนาคารจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย และโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบธนาคารจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจึงต้องผูกพันตนเป็นลูกหนี้ชั้นต้นที่จะต้องจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวให้แก่ผู้ทรงธนาคารจำเลยที่ 1 จะอ้างมาตรา 991(3) มายกเว้นความรับผิดต่อผู้ทรงหาได้ไม่