พบผลลัพธ์ทั้งหมด 825 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2745/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตรวจค้นจับกุมของตำรวจชั้นสารวัตรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หมายความถึงเจ้าพนักงานในตำแหน่งต่างๆ ซึ่งมีตำแหน่งสารวัตรตำรวจรวมอยู่ด้วยร้อยตำรวจเอก ม. ซึ่งเป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นตำรวจชั้นสารวัตรย่อมเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และมีอำนาจตรวจค้นจับกุมได้ โดยไม่ต้องมีหมายจับหมายค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 78 วรรคท้าย และมาตรา 92 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2693/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิฟ้องล้มละลาย แม้รู้ว่ามีคดีอื่นอยู่แล้ว ไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดเสียหายแก่บุคคลอื่น เป็นการมิชอบด้วยกฎหมายดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 421 นั้น หมายถึงเป็นการแกล้งโดยผู้กระทำมุ่งต่อผล คือความเสียหายแก่ผู้อื่นฝ่ายเดียว (อ้างฎีกาที่ 1618/2512)
การที่จำเลยฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายตามที่พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้สิทธิไว้ แม้จำเลยได้กระทำไปโดยรู้อยู่ว่าโจทก์ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนแล้วก็หาใช่เป็นการกระทำโดยผิดกฎหมายหรือแกล้งใช้สิทธิอันมิชอบด้วยกฎหมายต่อโจทก์อย่างใดไม่การฟ้องคดีล้มละลายก็เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทุกคนไม่ว่าเจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดเป็นโจทก์ผลก็ไม่แตกต่างกัน เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้วเจ้าหนี้ทุกคนต่างก็มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ตามสิทธิที่ตนมีอยู่อย่างเท่าเทียมกัน หากโจทก์เห็นว่าการโอนทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นการกระทำไปโดยไม่สุจริตและอาจขอให้เพิกถอนได้แล้วโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 113,114 หรือมาตรา 115 ส่วนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินการให้ได้เพียงใดหรือไม่ก็ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริง หาใช่เกี่ยวกับการที่โจทก์หรือจำเลยฝ่ายใดเป็นฝ่ายฟ้องคดีล้มละลายนั้นไม่
การที่จำเลยฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายตามที่พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้สิทธิไว้ แม้จำเลยได้กระทำไปโดยรู้อยู่ว่าโจทก์ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนแล้วก็หาใช่เป็นการกระทำโดยผิดกฎหมายหรือแกล้งใช้สิทธิอันมิชอบด้วยกฎหมายต่อโจทก์อย่างใดไม่การฟ้องคดีล้มละลายก็เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทุกคนไม่ว่าเจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดเป็นโจทก์ผลก็ไม่แตกต่างกัน เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้วเจ้าหนี้ทุกคนต่างก็มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ตามสิทธิที่ตนมีอยู่อย่างเท่าเทียมกัน หากโจทก์เห็นว่าการโอนทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นการกระทำไปโดยไม่สุจริตและอาจขอให้เพิกถอนได้แล้วโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 113,114 หรือมาตรา 115 ส่วนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินการให้ได้เพียงใดหรือไม่ก็ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริง หาใช่เกี่ยวกับการที่โจทก์หรือจำเลยฝ่ายใดเป็นฝ่ายฟ้องคดีล้มละลายนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2693/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิฟ้องคดีล้มละลาย แม้รู้อยู่ก่อนว่ามีคดีอื่นอยู่แล้ว ไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดเสียหายแก่บุคคลอื่น เป็นการมิชอบด้วยกฎหมายดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 421 นั้น หมายถึงเป็นการแกล้งโดยผู้กระทำมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่ผู้อื่นฝ่ายเดียว (อ้างฎีกาที่ 1618/2512)
การที่จำเลยฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายตามที่พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้สิทธิไว้ แม้จำเลยได้กระทำไปโดยรู้อยู่ว่าโจทก์ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนแล้วก็หาใช่เป็นการกระทำโดยผิดกฎหมายหรือแกล้งใช้สิทธิอันมิชอบด้วยกฎหมายต่อโจทก์อย่างใดไม่การฟ้องคดีล้มละลายก็เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทุกคนไม่ว่าเจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดเป็นโจทก์ผลก็ไม่แตกต่างกัน เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้วเจ้าหนี้ทุกคนต่างก็มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ตามสิทธิที่ตนมีอยู่อย่างเท่าเทียมกัน หากโจทก์เห็นว่าการโอนทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นการกระทำไปโดยไม่สุจริตและอาจขอให้เพิกถอนได้แล้วโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 113, 114 หรือมาตรา 115 ส่วนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินการให้ได้เพียงใดหรือไม่ก็ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริง หาใช่เกี่ยวกับการที่โจทก์หรือจำเลยฝ่ายใดเป็นฝ่ายฟ้องคดีล้มละลายนั้นไม่
การที่จำเลยฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายตามที่พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้สิทธิไว้ แม้จำเลยได้กระทำไปโดยรู้อยู่ว่าโจทก์ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนแล้วก็หาใช่เป็นการกระทำโดยผิดกฎหมายหรือแกล้งใช้สิทธิอันมิชอบด้วยกฎหมายต่อโจทก์อย่างใดไม่การฟ้องคดีล้มละลายก็เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทุกคนไม่ว่าเจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดเป็นโจทก์ผลก็ไม่แตกต่างกัน เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้วเจ้าหนี้ทุกคนต่างก็มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ตามสิทธิที่ตนมีอยู่อย่างเท่าเทียมกัน หากโจทก์เห็นว่าการโอนทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นการกระทำไปโดยไม่สุจริตและอาจขอให้เพิกถอนได้แล้วโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 113, 114 หรือมาตรา 115 ส่วนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินการให้ได้เพียงใดหรือไม่ก็ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริง หาใช่เกี่ยวกับการที่โจทก์หรือจำเลยฝ่ายใดเป็นฝ่ายฟ้องคดีล้มละลายนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งประกาศขายทอดตลาดแก่ผู้มีส่วนได้เสีย: ผู้จัดการมรดกในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษา
จำเลยทั้งสองต่างเป็นผู้จัดการมรดกและต่างอยู่ในฐานะของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์มรดกที่จะขายทอดตลาด ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องแจ้งประกาศการขายทอดตลาดทรัพย์มรดกให้ทราบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 306 การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งประกาศให้จำเลยทราบแต่เพียงคนเดียวจึงขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าว เป็นการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งประกาศขายทอดตลาดให้ผู้มีส่วนได้เสีย การไม่แจ้งครบถ้วนทำให้การขายทอดตลาดไม่ชอบ
จำเลยทั้งสองต่างเป็นผู้จัดการมรดกและต่างอยู่ในฐานะของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์มรดกที่จะขายทอดตลาด ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องแจ้งประกาศการขายทอดตลาดทรัพย์มรดกให้ทราบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 306 การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งประกาศให้จำเลยทราบแต่เพียงคนเดียวจึงขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าว เป็นการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2659/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดผู้ครอบครองยานพาหนะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 ผู้ครอบครองคือผู้ใช้ยานพาหนะขณะเกิดเหตุ
ผู้ครอบครองตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา437 หมายถึงผู้ที่ใช้ยานพาหนะนั้นในฐานะเป็นผู้ยึดถือในขณะเกิดความเสียหายหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งหมายถึงผู้ที่ได้ครอบครองยานพาหนะนั้นอยู่ในขณะเกิดเหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2616/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้สั่งจ่ายเช็คต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็ค แม้ไม่มีนิติสัมพันธ์โดยตรง หากไม่ได้ต่อสู้ว่าการโอนเช็คเป็นการฉ้อฉล
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยให้การว่าโจทก์กับจำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ต่อกัน แต่มิได้ต่อสู้ว่าผู้ทรงคนก่อนโอนเช็คพิพาทให้โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลย ฉะนั้น จำเลยจะอ้างเรื่องการเล่นแชร์ระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนและโจทก์มาใช้ยันโจทก์ไม่ได้ เมื่อจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2590/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อในคดีอาญา: ศาลมีอำนาจพิจารณานับโทษต่อได้เมื่อมีการพิพากษาลงโทษจำคุกในคดีก่อน
ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษต่อให้ดังโจทก์ขอ เพราะโจทก์มิได้แจ้งว่าคดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลได้ลงโทษจำคุกจำเลยหรือไม่โจทก์แถลงมาในคำแก้ฎีกาว่า คดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกศาลได้เรียกสำนวนคดีดังกล่าวมาตรวจดู ปรากฏว่าเป็นความจริงตามที่โจทก์แถลง การที่จะให้นับโทษจำคุกจำเลยตั้งแต่เมื่อใดนั้น เป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 ศาลฎีกานับโทษต่อให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยทนายจำเลยและอำนาจศาลในการพิจารณาคดีต่อไปได้ แม้ทนายจำเลยขอถอนตัว
จำเลยขอเลื่อนคดีมาแล้ว 5 ครั้งจนศาลชั้นต้นมี คำสั่งกำชับว่านัดหน้าจะไม่ยอมให้เลื่อนอีก ครั้นถึงวันนัดสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยกลับยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยโดยจำเลยไม่มาศาลและไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทราบแล้วหรือไม่ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนาคำร้องขอถอนตัวของทนายจำเลยแก่จำเลย แล้วมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2555/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องบังคับตามสัญญาประกันในชั้นพนักงานสอบสวน จำเลยต้องรับผิดต่อพนักงานสอบสวน
จำเลยทำสัญญากับ ร้อยตำรวจตรี บ. ในฐานะที่เป็นพนักงานสอบสวนประกันตัวผู้ต้องหาระหว่างสอบสวน เมื่อจำเลยผิดสัญญาก็ต้องรับผิดชอบต่อพนักงานสอบสวน พลตำรวจตรี ค. สารวัตรใหญ่เป็นพนักงานสอบสวนมีอำนาจฟ้องบังคับตามสัญญาประกันได้