พบผลลัพธ์ทั้งหมด 825 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2183/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในสัญญาเช่าซื้อจากการไม่ส่งมอบรถยนต์คืน และค่าเสื่อมสภาพราคา
สัญญาเช่าซื้อระบุว่าถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อผู้เช่าซื้อยอมส่งมอบทรัพย์ที่เช่าซื้อคืนแก่เจ้าของโดยพลันในสภาพที่ซ่อมแซมดีแล้วโดยเรียบร้อยโดยค่าใช้จ่ายของผู้เช่าซื้อเองดังนี้ หากรถยนต์ที่เช่าซื้อของโจทก์ได้รับความเสียหายถึงขนาดเสื่อมราคาอันเป็นผลมาแต่เหตุที่จำเลยที่ 1 ไม่ส่งมอบรถยนต์คืนต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาเช่าซื้อในข้อนี้และต้องรับผิดชดใช้ค่าเสื่อมราคาของรถยนต์แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การแย่งครอบครองต้องมีการครอบครองจริงก่อน
จำเลยที1 ได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ทับที่ดินของโจทก์ แล้วโอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 โดยจำเลยทั้งสองมิได้เข้ามาครอบครองที่ดินพิพาท ดังนี้ ข้ออ้างการแย่งสิทธิครอบครองของจำเลยทั้งสองย่อมจะยังไม่เกิดขึ้น จะนำเอามาตรา 1374, 1375 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาบังคับแต่คดีหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การแย่งการครอบครองต้องมีการครอบครองจริงก่อน แม้มีการขอออก น.ส.3 และโอนขาย
จำเลยที่ 1 ได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)ทับที่ดินของโจทก์ แล้วโอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 โดยจำเลยทั้งสองมิได้เข้ามาครอบครองที่ดินพิพาท ดังนี้ข้ออ้างการแย่งสิทธิครอบครองของจำเลยทั้งสองย่อมจะยังไม่เกิดขึ้น จะนำเอามาตรา 1374,1375แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาบังคับแก่คดีหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2157/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในเครื่องหมายการค้า 'Dior': การใช้ก่อนและการลวงสาธารณชนเป็นปัจจัยชี้ขาด
เมื่อพยานที่จำเลยขอระบุเพิ่มเติมเป็นพยานที่จำเลยรู้จักดีและได้มีอยู่ก่อนที่โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนสืบพยานเสร็จและมิได้เป็นพยานเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมนั้นจึงชอบแล้ว
โจทก์ใช้คำว่า 'CHRISTIANDIOR' และคำว่า 'DIOR' เป็นเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าต่าง ๆ ของโจทก์ที่ทำจากต่างประเทศมานานแล้วจนเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปนอกจากนี้ก่อนที่จำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า 'DIOR' สำหรับสินค้าจำพวกเครื่องนุ่งห่มและแต่งกายของจำเลยจำเลยก็เคยเห็นและทราบว่ามีแว่นตาที่ใช้เครื่องหมายการค้า 'DIOR' ขาย ทั้งการโฆษณาสินค้าของจำเลยที่ใช้เครื่องหมายการค้า 'DIOR' ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นสินค้าของจำเลยและจำเลยยังใช้คำว่าดิออร์เป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลยก่อนยื่นคำขอจดทะเบียนประมาณ 1 เดือนเศษอีกด้วยเห็นได้ว่าจำเลยใช้คำว่า 'DIOR'เป็นเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าของจำเลยเพื่อให้ประชาชนทั่วไปหลงผิดว่าเป็นสินค้าของโจทก์ที่ทำจากต่างประเทศนับว่าเป็นการลวงสาธารณชนให้หลงผิดในแหล่งกำเนิดของสินค้าของจำเลยโจทก์มีสิทธิใช้คำว่า 'DIOR' เป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์ดีกว่าจำเลยแม้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ดังกล่าวจะยังไม่ได้รับการจดทะเบียนสำหรับสินค้าอย่างเดียวกันของโจทก์ก็ตาม
โจทก์ใช้คำว่า 'CHRISTIANDIOR' และคำว่า 'DIOR' เป็นเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าต่าง ๆ ของโจทก์ที่ทำจากต่างประเทศมานานแล้วจนเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปนอกจากนี้ก่อนที่จำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า 'DIOR' สำหรับสินค้าจำพวกเครื่องนุ่งห่มและแต่งกายของจำเลยจำเลยก็เคยเห็นและทราบว่ามีแว่นตาที่ใช้เครื่องหมายการค้า 'DIOR' ขาย ทั้งการโฆษณาสินค้าของจำเลยที่ใช้เครื่องหมายการค้า 'DIOR' ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นสินค้าของจำเลยและจำเลยยังใช้คำว่าดิออร์เป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลยก่อนยื่นคำขอจดทะเบียนประมาณ 1 เดือนเศษอีกด้วยเห็นได้ว่าจำเลยใช้คำว่า 'DIOR'เป็นเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าของจำเลยเพื่อให้ประชาชนทั่วไปหลงผิดว่าเป็นสินค้าของโจทก์ที่ทำจากต่างประเทศนับว่าเป็นการลวงสาธารณชนให้หลงผิดในแหล่งกำเนิดของสินค้าของจำเลยโจทก์มีสิทธิใช้คำว่า 'DIOR' เป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์ดีกว่าจำเลยแม้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ดังกล่าวจะยังไม่ได้รับการจดทะเบียนสำหรับสินค้าอย่างเดียวกันของโจทก์ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2134/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตรผู้เยาว์ การใช้ความระมัดระวังตามควรแก่หน้าที่
จำเลยที่ 2 ที่ 3 บิดามารดาของจำเลยที่ 1 ให้การว่าตนไม่ต้องรับผิดในการกระทำของจำเลยที่ 1 เพราะจำเลยที่ 1 บรรลุนิติภาวะแล้ว เป็นเพียงคำให้การที่อ้างว่าจำเลยทั้งสองไม่มีส่วนพัวพันกับการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้เป็นอย่างเดียวกันกับการใช้ความระมัดระวังตามควรแก่หน้าที่ดูแลแต่อย่างใดจำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบพิสูจน์ให้พ้นความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2118/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชดใช้ค่าเสียหายจากการไม่ส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าใช้ และการครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นโดยไม่ชอบ
จำเลยได้รับมอบเครื่องอุปกรณ์การทำอาหารกระป๋องของโจทก์ไปเพื่อใช้ผลิตมะเขือเทศกระป๋องตกลงกันว่าในภายหน้าหากตกลงราคากันได้จำเลยก็จะรับซื้อไว้หากตกลงกันไม่ได้ จำเลยจะคืนเครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวให้ ต่อมาจำเลยไม่รับซื้อและส่งคืนอุปกรณ์ให้โจทก์เพียงบางส่วนโจทก์ไม่รับคืนทั้งที่แยกใช้ได้เป็นส่วน ๆ เป็นการไม่บรรเทาความเสียหาย การที่จำเลยหน่วงเหนี่ยวไม่ส่งเครื่องอุปกรณ์ในจำนวนส่วนที่เหลือจึงเป็นการครอบครองทรัพย์ของโจทก์ไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในส่วนนี้ต่อมาจนถึงวันส่งมอบ
แม้เครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวที่เหลืออยู่จะเป็นส่วนใหญ่แต่ประโยชน์การใช้สอยที่โจทก์สามารถให้เช่าได้จะเป็นจำนวนเงินมากน้อยเพียงใดไม่ปรากฏ ศาลกำหนดให้ตามที่เห็นสมควรได้
แม้เครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวที่เหลืออยู่จะเป็นส่วนใหญ่แต่ประโยชน์การใช้สอยที่โจทก์สามารถให้เช่าได้จะเป็นจำนวนเงินมากน้อยเพียงใดไม่ปรากฏ ศาลกำหนดให้ตามที่เห็นสมควรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2116/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการสินสมรสและอายุความมรดก: สามีใช้อายุความแทนทายาทได้
โจทก์ฟ้องเรียกมรดกจากจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากันเมื่อทรัพย์มรดกที่ตกได้แก่จำเลยที่ 2 ก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่จึงเป็นสินสมรส จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีย่อมมีอำนาจจัดการและฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์มรดกซึ่งเป็นสินบริคณห์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5(เดิม) แม้ภายหลังมีพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5ซึ่งได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ.2519 แล้ว จำเลยที่ 1ยังคงมีอำนาจจัดการทรัพย์พิพาทต่อไปตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจใช้สิทธิของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นทายาทยกอายุความ 1 ปีขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2116/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการสินสมรสและการยกอายุความมรดก: สามีมีอำนาจใช้สิทธิทายาทเพื่อต่อสู้คดีได้
โจทก์ฟ้องเรียกมรดกจากจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากัน เมื่อทรัพย์มรดกที่ตกได้แก่จำเลยที่ 2 ก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระหนึ่งจึงเป็นสินสมรส จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีย่อมมีอำนาจจัดการและฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์มรดกซึ่งเป็นสินบริคณห์ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ บรรพ 5 (เดิม) แม้ภายหลังมีพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ซึ่งได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 แล้ว จำเลยที่ 1 ยังคงมีอำนาจจัดการทรัพย์พิพาทต่อไปตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจใช้สิทธิจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นทายาทยกอายุความ 1 ปี ขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากความประมาทเลินเล่อในการสูบถ่ายน้ำมัน ทำให้เกิดเพลิงไหม้ และความรับผิดของนายจ้างร่วม
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้กระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการต่อท่อสูบถ่ายน้ำมันเบนซินจากเรือบรรทุกน้ำมันเข้าคลังน้ำมันของจำเลยที่ 3 ที่ 4 เมื่อเดินเครื่องสูบน้ำมันแล้วเป็นเหตุให้น้ำมันเบนซิน 5,195 ลิตร รั่วไหลตกลงไปในแม่น้ำแผ่กระจายไปบนผิวน้ำถ่านที่เหลือจากการหุงต้มทิ้งลงในแม่น้ำตามปกติทำให้เกิดไฟลุกไหม้น้ำมันเบนซินบนผิวน้ำลุกลามไหม้บ้านเรือนทรัพย์สินของโจทก์อย่างรวดเร็วเป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยทั้งสองต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายที่เกิดขึ้น
จำเลยที่ 3 ที่ 4 ดำเนินกิจการคลังน้ำมันร่วมกันโดย ช. ลูกจ้างของจำเลยที่ 4 เป็นผู้จัดการคลังน้ำมันร่วมกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการของจำเลยที่ 3 ถือได้ว่าการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ผู้เป็นนายจ้างร่วมกัน จำเลยที่ 3 และที่ 4 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย
จำเลยที่ 3 ที่ 4 ดำเนินกิจการคลังน้ำมันร่วมกันโดย ช. ลูกจ้างของจำเลยที่ 4 เป็นผู้จัดการคลังน้ำมันร่วมกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการของจำเลยที่ 3 ถือได้ว่าการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ผู้เป็นนายจ้างร่วมกัน จำเลยที่ 3 และที่ 4 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2058/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบหักล้างเอกสารสัญญาซื้อขาย กรณีอ้างหลงเชื่อคำกล่าวอ้างเพื่อความสะดวกในการแบ่งแยกโฉนด
จำเลยต่อสู้ว่า การที่ยอมลงชื่อในสัญญาซื้อขายที่ดินเพราะหลงเชื่อคำของโจทก์ที่อ้างว่าเพื่อสะดวกแก่การแบ่งแยกซึ่งเท่ากับเป็นการอ้างว่าหนี้ตามสัญญาไม่สมบูรณ์ จำเลยมีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างเอกสารนั้นได้