คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สนิท อังศุสิงห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 825 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2039/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีวันที่ออก ไม่ถือเป็นความผิดอาญา แม้ตกลงกันลงวันที่ภายหลัง
จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้โจทก์โดยไม่ลงวันออกเช็ค ถือว่าไม่มีวันที่จำเลยกระทำความผิด แม้จะตกลงกันให้โจทก์ลงวันในเช็คนั้นเป็นวันใดวันหนึ่ง ก็เป็นเพียงให้เช็คได้มีรายการครบถ้วนตามกฎหมายเพื่อใช้ฟ้องร้องบังคับกันได้ในทางแพ่ง หาทำให้กลับเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2032/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วย: ศาลต้องอนุญาตหากมีเหตุผลเชื่อได้ และเป็นการเลื่อนครั้งแรก
ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่าทนายโจทก์ป่วยเมื่อมีเหตุน่าเชื่อว่าทนายโจทก์ป่วยจนไม่อาจดำเนินคดีได้ ถือได้ว่า กรณีมีความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ประกอบกับเป็นการขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรก จึงมีเหตุอันควรที่จะอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีได้ โดยมิต้องคำนึงว่ามีการยื่นบัญชีระบุพยานแล้วหรือไม่ เพราะเป็นคนละกรณีกัน
เมื่อศาลไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและไม่มีพยานมาสืบ ให้สืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 กรณีไม่ถือว่าเป็นกระบวนพิจารณาโดยขาดนัดจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา208

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2032/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วย ศาลต้องอนุญาตหากมีเหตุผลน่าเชื่อถือ และไม่ถือเป็นการขาดนัด
ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่าทนายโจทก์ป่วย เมื่อมีเหตุน่าเชื่อว่าทนายโจทก์ป่วยจนไม่อาจดำเนินคดีได้ ถือได้ว่ากรณีมีความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ประกอบกับเป็นการขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรก จึงมีเหตุอันควรที่จะอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีได้ โดยมิต้องคำนึงว่ามีการยื่นบัญชีระบุพยานแล้วหรือไม่ เพราะเป็นคนละกรณีกัน
เมื่อศาลไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและมีคำสั่งว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณาและไม่มีพยานมาสืบ ให้สืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาติให้โจทก์เลื่อนคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 กรณีไม่ถือว่าเป็นกระบวนพิจารณาโดยขาดนัดจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 208

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2014/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกสัญญาก่อสร้าง: สิทธิการรับชำระค่าผลงานที่ทำไปแล้ว แม้สัญญาจะระงับสิ้นไป
เมื่อมีการเลิกสัญญาต่อกันแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม ส่วนที่เป็นการงานอันที่โจทก์ได้กระทำและยอมให้จำเลยได้ใช้สิทธินั้น โจทก์มีสิทธิที่จะได้รับการชดใช้คืนด้วยการใช้เงินตามควรแห่งค่าของผลงานที่ทำไปแล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยจ่ายค่าจ้างที่ค้างชำระให้โจทก์กรณีพอถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากผลงานที่ทำไปแล้ว ชอบที่ศาลจะหยิบยกผลของการงานที่โจทก์ทำไปแล้วมาเป็นข้อวินิจฉัยเพื่อให้มีการชดใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 ได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2014/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชดใช้ค่าผลงานหลังเลิกสัญญา: ศาลยืนตามคำพิพากษาให้ชดใช้เงินตามควรค่าของงานที่ทำไปแล้ว แม้จะมีการเลิกสัญญา
เมื่อมีการเลิกสัญญาต่อกันแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม ส่วนที่เป็นการงานอันที่โจทก์ได้กระทำและยอมให้จำเลยได้ใช้สิทธินั้น โจทก์มีสิทธิที่จะได้รับการชดใช้คืนด้วยการใช้เงินตามควรแห่งค่าของผลงานที่ทำไปแล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยจ่ายค่าจ้างที่ค้างชำระให้โจทก์ กรณีพอถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากผลงานที่ทำไปแล้ว ชอบที่ศาลจะหยิบยกผลของการงานที่โจทก์ทำไปแล้วมาเป็นข้อวินิจฉัยเพื่อให้มีการชดใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 ได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีละเมิดทางแพ่ง, การประเมินค่าเสียหายรถยนต์ และการพิสูจน์สภาพรถก่อนเกิดเหตุ
รถยนต์โจทก์ถูกชนเสียหายจนไม่อาจซ่อมได้โจทก์ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายคิดเท่าราคารถที่โจทก์ซื้อกับราคาค่ายางที่ติดรถกับยางอะไหล่ยางรถและยางอะไหล่เป็นส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ของตัวรถตามปกติประเพณีการค้าย่อมรวมอยู่ในราคาของรถที่ทำการซื้อขาย เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นกับรถการเสื่อมค่าหรือราคาย่อมเป็นไปตามสภาพอยู่ด้วยกันทั้งหมด
อายุความละเมิด 1 ปีนับตั้งแต่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ทำละเมิดด้วยคือนับตั้งแต่อธิบดีกรมตำรวจในฐานะตัวแทนกรมตำรวจรู้ความดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการปิดกั้นทางน้ำ – การใช้สิทธิก่อความเสียหาย – แก้ไขเพื่อบรรเทา – ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.421, 1337
ที่ดินของโจทก์จำเลยอยู่ติดต่อกัน โดยที่ดินของจำเลยแปลงหนึ่งอยู่ติดถนนฟากตะวันตกตรงกันข้ามกับที่ดินของจำเลย อีกแปลงหนึ่งซึ่งติดต่อกับที่ดินโจทก์ฟากตะวันออกทั้งโจทก์จำเลยต่างใช้ที่ดินทำนาข้าวโดยอาศัยน้ำฝน เมื่อฝนตก น้ำฝนจะไหลจากที่ดินของผู้อื่นทางทิศตะวันออกมาสู่ที่ดินโจทก์จำเลยทางทิศตะวันออกเขตถนน แล้วไหลผ่านท่อระบายน้ำผ่านถนนลงที่นาจำเลยแปลงทิศตะวันตก จำเลยทำคันดินหรือพนังขวางทางน้ำไหลจากท่อระบายมิให้ลงสู่ที่นาของจำเลยดังที่เคยเป็นมา เป็นเหตุให้น้ำทางฟากถนนตะวันออกเอ่อท่วมทั้งที่นาจำเลยกับที่นาโจทก์มีระดับสูงแค่อก โจทก์ใช้ประโยชน์ที่ดินทำนาไม่ได้ แม้จะฟังได้ว่าจำเลยทำคันดินหรือพนังกั้นน้ำเพื่อมิให้น้ำซึ่งไหลจากท่อระบายเข้านาทำความเสียหายแก่ข้าวกล้าของจำเลยและไม่ใช่กรณีน้ำที่ไหลจากพื้นดินสูงลงสู่พื้นดินต่ำตามธรรมดา แต่ก็ได้ความว่า ถ้าจำเลยแก้ไขทำเหมืองให้น้ำผ่านนาของจำเลยไป ความเสียหายของโจทก์ผู้มีที่นาใกล้เคียงอีกฟากหนึ่งของถนนก็จะไม่เสียหายเกินกว่าที่ควรคิดหรือคาดหมายว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรแต่จำเลยก็ไม่ยอมแก้ไขเพื่อบรรเทาผลร้ายของโจทก์ การกระทำของจำเลยที่ปิดกั้นน้ำโดยทำคันดินหรือพนังดังกล่าวจึงเป็นการใช้สิทธิอันมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นเป็นละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 และโจทก์มีสิทธิที่จะปฏิบัติการให้ความเสียหายนั้นสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการปิดกั้นทางน้ำ – การใช้สิทธิโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของผู้อื่น
ที่ดินของโจทก์จำเลยอยู่ติดต่อกัน โดยที่ดินของจำเลยแปลงหนึ่งอยู่ติดถนน ฟากตะวันตกตรงกันข้ามกับที่ดินของจำเลย อีกแปลงหนึ่งซึ่งติดต่อกับที่ดินโจทก์ฟากตะวันออก ทั้งโจทก์จำเลยต่างใช้ที่ดินทำนาข้าวโดยอาศัยน้ำฝน เมื่อฝนตกน้ำฝนจะไหลจากที่ดินของผู้อื่นทางทิศตะวันออก มาสู่ที่ดินโจทก์จำเลยทางทิศตะวันออกเขตถนน แล้วไหลผ่านท่อระบายน้ำ ผ่านถนนลงที่นาจำเลยแปลงทิศตะวันตก จำเลยทำคันดินหรือผนังขวางทางน้ำไหลจากท่อ ระบายมิให้ลงสู่ที่นา ของจำเลยดังที่เคยเป็นมา เป็นเหตุให้น้ำทางฟากถนนตะวันออกเอ่อท่วมทั้งที่นาจำเลยกับที่นาโจทก์มีระดับสูงแค่อก โจทก์ให้ประโยชน์ที่ดินทำนาไม่ได้ แม้จะฟังได้ว่า จำเลยทำคันดินหรือผนังกั้นน้ำ เพื่อมิให้น้ำซึ่งไหลจากท่อระบายเข้านาทำความเสียหายแก่ข้าวกล้าของจำเลย และไม่ใช่กรณีน้ำที่ไหลจากพื้นดินสูงลงสู่พื้นดินต่ำตามธรรมดา แต่ก็ได้ความว่า ถ้าจำเลยแก้ไขทำเหมืองให้น้ำผ่านนาของจำเลยไป ความเสียหายของโจทก์ผู้มีที่นาใกล้เคียงอีกฟากหนึ่งของถนนก็จะไม่เสียหาย เกินกว่า ที่ควรคิดหรือคาดหมายว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร แต่จำเลยก็ไม่ยอมแก้ไขเพื่อบรรเทาผลร้ายของโจทก์ การกระทำของจำเลยที่ปิดกั้นน้ำโดยทำคันดินหรือผนังดังกล่าว จึงเป็นการใช้สิทธิอันมีแต่จะเกิดความเสียหาย แก่ผู้อื่นเป็นละเมิด ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 และโจทก์มีสิทธิที่จะปฏิบัติการให้ความเสียหายนั้นสิ้นไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1942/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินทำลายผลของพินัยกรรม: เจ้าของกรรมสิทธิ์มีสิทธิขับไล่ผู้รับพินัยกรรม
แม้เจ้ามรดกจะได้เคยทำพินัยกรรมยกที่พิพาทให้แก่จำเลยแต่เมื่อต่อมาเจ้ามรดกได้โอนที่พิพาทดังกล่าวให้แก่โจทก์ โดยสมบูรณ์ข้อกำหนดพินัยกรรมนั้นย่อมเป็นอันเพิกถอนไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1696

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1775/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาหย่าและการอุปการะบุตร: จำเลยไม่ต้องรับผิดค่าเลี้ยงดูเมื่อตกลงให้โจทก์ดูแลบุตรทั้งหมด
โจทก์จำเลยตกลงหย่าขาดจากกัน โดยมีสัญญาข้อหนึ่งว่าให้บุตร 5 คน อยู่ในความอุปการะของโจทก์ซึ่งเป็นภริยาเมื่อไม่ได้ระบุให้จำเลยซึ่งเป็นสามีเป็นผู้จ่ายเงินค่าเลี้ยงดูและการศึกษาบุตรจึงถือได้ว่าโจทก์ยอมรับเอาบุตร 5 คน ไว้ในความปกครองและอุปการะ รวมถึงการเลี้ยงดูและการศึกษาด้วยประเด็นแห่งคดีนี้มีว่า จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาดังโจทก์อ้างหรือไม่เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาดังโจทก์กล่าวอ้างจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดจะนำ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1536(เดิม) อันเป็นคนละประเด็นมาใช้ปรับแก่คดีนี้ให้จำเลยรับผิดในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาของบุตร 5 คน หาได้ไม่
of 83