พบผลลัพธ์ทั้งหมด 825 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางในที่ดินซื้อขาย แม้มิได้จดทะเบียนก็ใช้บังคับได้ระหว่างคู่สัญญา
จำเลยแบ่งที่ดินออกเป็น 6 แปลง แปลงหนึ่งขายให้โจทก์ยอมให้โจทก์ใช้ถนนในที่ดินออกสู่ถนนใหญ่ แม้ข้อสัญญานี้จะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อตกลงนี้เป็นบุคคลสิทธิที่ใช้บังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญา เมื่อโจทก์ได้เข้าอยู่ในที่ดินที่ซื้อและได้ใช้รถขนสินค้าเข้าไปยังร้านค้าในที่ที่โจทก์ซื้อนั้น ต่อมาจำเลยเอาไม้เสามาปักบนถนนกั้นไม่ให้โจทก์ใช้รถเข้าออกเช่นที่เคย ย่อมเป็นการผิดข้อสัญญา โจทก์มีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยรื้อได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อำนาจยิงเพื่อป้องกันตัวและการเกินกว่าเหตุ การยิงผู้ต้องสงสัยจากด้านหลังเป็นเจตนาฆ่า
ผู้ตายยิงปืนมาทางเจ้าพนักงานตำรวจและจำเลยที่ 1 เพียงนัดเดียวไม่ปรากฏว่ากระสุนปืนถูกผู้ใด จำเลยที่ 1ยิงปืนโต้ตอบไปผู้ตายถูกกระสุนปืนด้านหลัง แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายในขณะที่ผู้ตายหันหลังวิ่งหนีแต่เมื่อผู้ตายยิงปืนมาทางจำเลยที่ 1 ก่อน ซึ่งไม่แน่ว่าผู้ตายจะหันหลังกลับมายิงจำเลยที่ 1 กับพวกซ้ำอีกหรือไม่ ภยันตรายที่จะเกิดจากผู้ตายจึงยังไม่หมดไปทีเดียว และจำเลยที่ 1 มีอำนาจที่จะจับผู้ตายซึ่งกระทำความผิดซึ่งหน้าได้ จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจยิงผู้ตายได้หากพอสมควรแก่เหตุเช่นยิงที่ขา แต่การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้ตาย 1 นัด ทางด้านหลังถูกอวัยวะสำคัญถึงแก่ความตายทันที เห็นได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้ตาย จึงเป็นการใช้วิธีหรือความป้องกันทั้งหลายที่ไม่เหมาะแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับผู้ตาย และเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตัว จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อำนาจยิงเพื่อป้องกันตัวที่เกินกว่าเหตุ และเจตนาฆ่า
ผู้ตายยิงปืนมาทางเจ้าพนักงานตำรวจและจำเลยที่ 1 เพียงนัดเดียวไม่ปรากฏว่ากระสุนปืนถูกผู้ใด จำเลยที่ 1 ยิงปืนโต้ตอบไป ผู้ตายถูกกระสุนปืนด้านหลังแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายในขณะที่ผู้ตายหันหลังวิ่งหนี แต่เมื่อผู้ตายยิงปืนมาทางจำเลยที่ 1 ก่อน ซึ่งไม่แน่ว่าผู้ตายจะหันหลังกลับมายิงจำเลยที่ 1 กับพวกซ้ำอีกหรือไม่ภยันตรายที่จะเกิดจากผู้ตายจึงยังไม่หมดไปทีเดียว และจำเลยที่ 1 มีอำนาจที่จะจับผู้ตายซึ่งกระทำความผิดซึ่งหน้าได้ จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจยิงผู้ตายได้หากพอสมควรแก่เหตุเช่นยิงที่ขา แต่การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้ตาย 1 นัด ทางด้านหลังถูกอวัยวะสำคัญถึงแก่ความตายทันที เห็นได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้ตาย จึงเป็นการใช้วิธีหรือควรป้องกันทั้งหลายไม่เหมาะแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับผู้ตาย และเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตัว จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนการค้าผูกพันผู้ประกอบการต้องชำระภาษี แม้จะอ้างว่าถูกเชิดให้จดทะเบียน
ประมวลรัษฎากรมาตรา 78 วรรคแรกบัญญัติให้ผู้ประกอบการค้าตามที่ระบุไว้ในบัญชีอัตราภาษีการค้ามีหน้าที่เสียภาษีการค้าจากรายรับของทุกเดือนภาษีตามอัตราในบัญชีอัตราภาษีการค้ามาตรา 80 วรรคแรก ให้ผู้ประกอบการค้ายื่นคำขอจดทะเบียนการค้าตามแบบที่อธิบดีกำหนดมาตรา 84 ให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการนั้น เห็นได้ว่ากฎหมายกำหนดหน้าที่ของผู้ประกอบการค้าไว้ดังกล่าวเพื่อประโยชน์แก่การจัดเก็บภาษี เมื่อโจทก์ยื่น คำขอจดทะเบียนการค้าโรงเลื่อย ส. ย่อมเป็นหลักฐานแสดงตนต่อทางราชการว่า โจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าในกิจการนั้นตามกฎหมาย เป็นการยินยอมผูกพันตนที่จะยื่นแบบแสดงรายการการค้า และเสียภาษีการค้ารวมทั้งยอมรับว่ามีเงินได้จากกิจการที่จดทะเบียนการค้าไว้ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายด้วย โจทก์จะอ้างว่าโจทก์ถูกเชิดให้ขอจดทะเบียนการค้าอันเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างโจทก์กับ จ. นอกเหนือจากที่แสดงไว้ต่อทางราชการ เป็นข้อแก้ตัวให้พ้นความรับผิดชำระภาษีหาได้ไม่ เมื่อทะเบียนการค้ามีชื่อโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าทั้งแบบแสดงรายการการค้าและภาษีเงินได้ที่ยื่นไว้ในนามโจทก์ แสดงรายรับไว้ต่ำกว่าความจริงเจ้าพนักงานประเมินย่อมมีอำนาจทำการประเมินให้โจทก์ชำระภาษีเพิ่มให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 309/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายโคอายุต่ำกว่า 1 ปี ไม่เข้าข่ายสัตว์พาหนะตามกฎหมาย สัญญาซื้อขายสมบูรณ์และมีผลผูกพัน
คำว่า "สัตว์พาหนะ" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 นั้นหมายถึงสัตว์พาหนะตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะพ.ศ.2482 มาตรา 4 การที่โจทก์ขายโคให้จำเลยโดยที่การซื้อขายไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อโคที่ซื้อขายกันแต่ละตัวอายุไม่ถึง 1 ปี ไม่เข้ากรณีที่จะต้องขอจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ มาตรา 8(2) และ(5) และไม่ใช่โคที่ใช้ขับขี่ลากเข็นหรือใช้งานแล้วตามมาตรา 8(3) หรือเป็นโคที่เจ้าของได้นำไปจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณไว้แล้วอย่างนี้ โคที่โจทก์ขายให้จำเลยจึงมิใช่สัตว์พาหนะตามความหมายของกฎหมายการซื้อขายโคดังกล่าวโดยมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 465วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 309/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายโคอายุต่ำกว่า 1 ปี ไม่เข้าข่ายสัตว์พาหนะตามกฎหมาย สัญญาซื้อขายสมบูรณ์ สัญญากู้มีผลผูกพัน
คำว่า "สัตว์พาหนะ" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 นั้น หมายถึงสัตว์พาหนะตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. 2482 มาตรา 4 การที่โจทก์ขายโคให้จำเลยโดยที่การซื้อขายไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อโคที่ซื้อขายกันแต่ละตัวอายุไม่ถึง 1 ปี ไม่เข้ากรณีที่จะต้องขอจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ มาตรา 8 (2) และ (5) และไม่ใช่โคที่ใช้ขับขี่ลากเข็นหรือใช้งานแล้วตามมาตรา 8 (3) หรือเป็นโคที่เจ้าของได้นำไปจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณไว้แล้วอย่างนี้ โคที่โจทก์ขายให้จำเลยจึงมิใช่สัตว์พาหนะตามความหมายของกฎหมายการซื้อขายโคดังกล่าวโดยมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 465 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดี: การไม่อนุญาตเลื่อนคดีไม่ใช่การขาดนัด และศาลมีอำนาจเพิกถอนกระบวนการพิจารณาที่ไม่ชอบ
ในวันนัดสืบพยาน จำเลยที่ 2 ได้มาศาลและยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีหากแต่ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน ไม่ใช่กรณีที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มาศาลในวันสืบพยาน และมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเสียก่อนลงมือสืบพยาน อันจะถือได้ว่าคู่ความฝ่ายนั้นขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสอง
กรณีมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาคดีและการพิจารณาพยานหลักฐาน เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งและการดำเนินกระบวนพิจารณานั้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบด้วยมาตรา 247
กรณีมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาคดีและการพิจารณาพยานหลักฐาน เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งและการดำเนินกระบวนพิจารณานั้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบด้วยมาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อในการประกันภัยรถยนต์: การล็อคประตูรถ vs. ดึงกุญแจออกจากเครื่องยนต์
คำว่า "ไม่ได้ล็อคกุญแจรถยนต์" ที่เจ้าพนักงานตำรวจบันทึกไว้หมายความถึงไม่ได้ล็อคกุญแจประตูรถยนต์ ไม่หมายความถึงไม่ได้ดึงกุญแจติดเครื่องยนต์ออก และการที่จอดรถยนต์ไว้ที่ริมถนนลาดพร้าว โดยไม่ได้ล็อคกุญแจประตูรถยนต์ แต่ได้ดึงกุญแจติดเครื่องยนต์ออก และทิ้งรถยนต์ไว้เพียงประมาณ 10 นาที เพื่อไปซื้อของที่ร้านค้าริมถนนลาดพร้าวห่างจากที่จอดราวประมาณ 3 เมตร โดยที่ยังมีผู้คนอยู่ในบริเวณนั้น แล้วรถยนต์ที่เอาประกันไว้ได้หายไป มิได้เกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความหมาย 'ไม่ได้ล็อคกุญแจรถยนต์' ในสัญญาประกันภัย: พิจารณาความประมาทเลินเล่อของผู้เอาประกัน
คำว่า "ไม่ได้ล็อคกุญแจรถยนต์" ที่เจ้าพนักงานตำรวจบันทึกไว้ หมายความถึงไม่ได้ล็อคกุญแจประตูรถยนต์ ไม่หมายความถึงไม่ได้ดึงกุญแจติดเครื่องยนต์ออก และการที่จอดรถยนต์ไว้ที่ริมถนนลาดพร้าว โดยไม่ได้ล็อคกุญแจประตูรถยนต์ แต่ได้ดึงกุญแจติดเครื่องยนต์ออก และทิ้งรถยนต์ไว้เพียงประมาณ 10 นาที เพื่อไปซื้อของที่ร้านริมถนนลาดพร้าวห่างจากที่จอดราวประมาณ 30 เมตร โดยที่ยังมีผู้คนอยู่ในบริเวณนั้น แล้วรถยนต์ที่เอาประกันไว้ได้หายไป มิได้เกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาทจากเงินสลากกินรวบ: สัญญาเป็นโมฆะ ผู้รับเช็คไม่มีสิทธิฟ้อง
สัญญาที่คนเดินโพยต้องรวบรวมเงินที่ได้จากการขายสลากกินรวบไปมอบให้แก่เจ้ามือเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113เช็คพิพาทที่จำเลยคนเดินโพยออกให้เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว จึงไม่มีมูลหนี้โจทก์รับเช็คไว้โดยทราบถึงมูลหนี้อันมิชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องขอบังคับการชำระหนี้ได้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้อง